เอชอาร์ คอร์เนอร์
พิชญ์พจี สายเชื้อ
วันนี้ขอคุยเรื่องเบา ๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับ และข้อคิดจากผู้นำระดับโลกกันบ้าง เพื่อเป็นแนวคิดในการนำไปปรับใช้ในการทำงานของพวกเรานะคะ บทความนี้มาจากกูรูทางด้าน “Future of Work” คือ “Jacob Morgan” ซึ่งดิฉันเป็น FC เขาเพราะชอบเเนวทางของเขา คือ การหาข้อมูล (จากการสนทนา) กับผู้นำระดับโลก แล้วนำมาวิเคราะห์ประมวลผล เพื่อรวบรวมมาเป็นบทความให้ความรู้ต่าง ๆ
บทความที่นำมาเเบ่งปันครั้งนี้มาจาก “15 Top CEOs Share Their Best Leadership Lessons” ซึ่ง “Jacob” ได้เกริ่นนำไว้ว่า ในช่วงเวลาประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา เขาได้พูดคุยกับผู้นำมากกว่า 500 คน ผ่าน Future of Work Podcast และแต่ละคนได้ให้ข้อคิดเคล็ดลับ และคำแนะนำในการ “นำ” องค์กร และ “Jacob” ได้คัดเลือกเรื่องราวจากผู้นำ 15 คนมาบอกเล่าให้ฟัง
ซึ่งดิฉันจะนำมาเเชร์ต่อ โดยจะเลือกที่น่าสนใจมา 2 เคสนะคะ
#1 “การ ‘นำ’ ด้วยการ (ทำตัว) เป็นตัวอย่าง” (Lead by Example) ผู้นำท่านนี้ คือ “Arthur Blank” ผู้ร่วมก่อตั้ง The Home Depot บริษัทขายวัสดุและอุปกรณ์ต่อเติมบ้านที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา บริษัทนี้มีพนักงานมากกว่า 400,000 คน และมีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 300,000 ล้านเหรียญดอลลาร์
“คุณ Arthur” ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนักธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Forbes ด้วย มีเหตุการณ์ที่เป็นที่เล่าขานในการกระทำด้วยการ Lead by Example ของ “คุณ Arthur” ก็คือ ครั้งหนึ่ง ในยุคแรก ๆ ของ Home Depot มีสินค้ามาส่งที่ร้านของ Home Depot มากจนไม่มีที่พอจะเก็บ แถมเครื่องแยกสินค้าก็ช้าอีก ทำให้ไม่สามารถจะรับสินค้าใหม่เข้าร้านได้อีก (ซึ่งแน่นอนเป็นผลเสียหายต่อบริษัทมาก ๆ) ทุกคนวุ่นวายกับการพยายามเคลียร์สินค้าเพื่อให้มีที่รับสินค้าใหม่
แทนที่ “คุณ Arthur” จะนั่งเฉย ๆ ในออฟฟิศ เขากลับลงมาลุยเอง จัดการเคลียร์สินค้าด้วยตัวเอง และทำอยู่นานถึง 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องไม่หยุดพักเลย จนกระทั่งได้ผลพอจะมีพื้นที่เหลือที่จะรับสินค้าใหม่ได้อีกจึงหยุด
มีเรื่องขำ ๆ เล่าต่อมาอีกว่า มีพนักงานคนหนึ่งซึ่งไม่รู้จัก “คุณ Arthur” แต่เห็นการกระทำของเขา เลยไปบอกกับผู้จัดการร้านว่า พนักงานคนนี้ควรได้รับการโปรโมต เพราะเขาทำงานหนักมาก และทำให้เรามีที่พอจะรับสินค้าเพิ่มได้ ผู้จัดการร้านจึงบอกกับพนักงานคนนั้นว่า “คุณ Arthur” คือใครพนักงานตกใจมาก เพราะไม่คาดคิดว่าผู้บริหารระดับสูงจะลงมือมาลุยงานเองช่วยแก้ปัญหาหน้างานได้จริง ๆ (ฮา)
จากบทเรียนนี้ สิ่งที่ “คุณ Arthur” ทำให้พนักงานเห็น เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้นำต้องไม่ดูดาย เมื่อมีปัญหาต้องลงมือแก้ปัญหาให้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากงานสำเร็จแล้วยังทำให้พนักงานรู้สึกดี และอยากทำงานส่วนของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ๆ ไป (เพราะขนาดหัวหน้ายังทำได้เลย !)
#2 วัฒนธรรมองค์กรที่ “ใช่” และ “ไม่ใช่” @ NETFLIX ผู้นำท่านนี้ คือ “Marc Randolph” ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO คนแรกของ Netflix โดย “คุณ Marc” ให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรมาก เขาบอกว่า วัฒนธรรม คือ สิ่งที่ทุกคนทำ ทุกคนคิด และความเป็นตัวตนของทุกคน
เขาเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ วัฒนธรรมแรกเริ่มจะเกิดจากการที่ผู้ก่อตั้งองค์กร และพนักงานกลุ่มแรกกระทำต่อกัน, กระทำต่อเพื่อนพนักงานอื่น และกระทำต่อลูกค้า วัฒนธรรมของ Netflix เริ่มต้นจากการที่เขา และเพื่อนร่วมก่อตั้งบริษัท พวกเขาประพฤติ ปฏิบัติต่อกัน และต่อพนักงานอื่น ๆ
ตอนเริ่ม Netflix มีคนแค่ 20 คน ทำให้ความสัมพันธ์ และการสร้างวัฒนธรรมไม่ยากเลย แต่เมื่อบริษัทใหญ่ขึ้น คนมากขึ้น มีคนบางคนเริ่มมีพฤติกรรมที่ไม่ดี (หรือที่เรียกว่า มี bad judgement) เข้าประชุมสาย งานไม่เสร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ เริ่มมีคนสร้างกฎเกณท์ใหม่ ๆ ระบบการรายงาน การติดตามผลขึ้นมาเพื่อควบคุมพฤติกรรม (ที่ไม่ดี) ของคน (บางคน) ที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่ง “คุณ Marc” บอกว่า ไม่ถูกต้อง ทำไมเราต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ (ที่มีกฎ กระบวนการยุ่งยาก) เพื่อป้องกันคนที่มี bad judgement และกระบวนการพวกนี้กำลังทำให้คนที่ good judgement หรือคนพฤติกรรมดีอยู่แล้ว จะคลั่งตาย ! (ก็จริงนะคะ ถ้าเราเป็นคนที่มีพฤติกรรมโอเคอยู่แล้ว ทำไมต้องมี กระบวนการ กฎเกณท์ต่าง ๆ มาวุ่นวายอีก เพื่อป้องกันคนอื่น แต่เราโดนไปด้วย ไม่แฟร์นะ) และสุดท้าย บริษัทก็จะเสียคนดี ๆ ไปเพราะพวกเขาเบื่อนั่นเอง
ดังนั้น เคล็ดลับของ Netflix คือการตัดสินใจตั้งแต่ต้นเลยค่ะว่า จะคัดหาแต่คนที่มี good judgement เข้ามาเท่านั้น เมื่อคนที่มีอยู่ มี good judgement หมด เราก็ไม่ต้องวุ่นวายสร้างกฎเกณฑ์กระบวนการอะไรมาครอบ ทุกคนก็อยู่ได้อย่างดี มีความสุข (ไม่น่าสงสัยเลย ทำไม Netflix โตเอา ๆ และกลายเป็นองค์กรที่ใคร ๆ ก็อยากไปทำงานด้วย)
อ่านข่าวต้นฉบับ: เคล็ดลับผู้นำ
Link : Read More
Tags : #ข่าวสังคม #ความรับผิดชอบต่อสังคม