ดัชนี SDG ไทยหล่นมาอยู่อันดับ 43 ปัญหาท้าทายหนักคือ ความหิวโหย การส่งออกสารกำจัดศัตรูพืช สุขภาพความเป็นอยู่ที่ดี ความเหลื่อมล้ำ มลพิษในทะเล และความหลากหลายของระบบนิเวศบนบก
วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 หนึ่งในเครื่องมือติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ของวาระการพัฒนา 2030 (Agenda 2030) สำหรับแต่ละประเทศทั่วโลก คือ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Report: SDR) ซึ่งรวมถึงดัชนี SDG และแดชบอร์ด (SDG Index and Dashboards) ที่เป็นการจัดอันดับ (ranking) ของประเทศสมชิกสหประชาชาติ (UN member states) 193 ประเทศ
สำหรับ SDG Index and Dashboards ปี 2021 ประเทศที่ครองอันดับ 1 ดัชนี SDG ระดับโลก คือ ฟินแลนด์ อันดับ 2 คือ สวีเดน และอันดับ 3 คือ เดนมาร์ก ส่วนประเทศไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ที่อันดับ 43 ของโลก จากทั้งหมด 165 ประเทศ โดยได้คะแนนรวมของดัชนี 74.2 คะแนน สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ที่ 65.7 คะแนน อย่างไรก็ตามอันดับและคะแนนของไทยลดลงเมื่อเทียบกับปี 2020 ที่ได้อันดับ 41 และคะแนนรวม 74.5 คะแนน
ทั้งนี้ ไทยยังมีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศอันดับรองลงมา คือ เวียดนาม (อันดับ 51) มาเลเซีย (อันดับ65) สิงคโปร์ (อันดับ76) บรูไนดารุสซาลาม (อันดับ 84) อินโดนีเซีย (อันดับ97) เมียนมาร์ (อันดับ 101) กัมพูชา (อันดับ 102) ฟิลิปปินส์ (อันดับ 103) และลาว (อันดับ 110)
ที่มา: sdgindex.org
ความเป็นมาของรายงงาน
รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน และดัชนี SDG และแดชบอร์ด จัดทำมาตั้งแต่ปี 2015 โดยเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก (Sustainable Development Solutions Network: SDSN) ที่ระดมความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิคจากทั้งภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาในทางปฏิบัติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก ทีมผู้เขียนรายงานนำโดย “ศ.เจฟฟรีย์ แซคส์” ประธาน SDSN และตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Cambridge University
SDSN ได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2012 ภายใต้การสนับสนุนของเลขาธิการสหประชาชาติ ปัจจุบัน SDSN กำลังสร้างเครือข่ายสถาบันการศึกษาระดับชาติและระดับภูมิภาค เครือข่ายเชิงประเด็นที่เน้นการแก้ปัญหา และตั้ง SDG Academy ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยออนไลน์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับในประเทศไทยมีเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย (SDSN Thailand) ที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อมีนาคม 2020 โดยมี 4 องค์กรภาคีขับเคลื่อน ได้แก่ ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ในนามคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (สทย.) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ปัจจุบันมีสมาชิกทางการในประเทศไทยเป็นมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย 12 แห่ง
ภาพรวมความยั่งยืนระดับโลก
“เจฟฟรีย์ ดี. แซคส์” ประธาน SDSN และผู้เขียนหลัก SDR กล่าวในรายงานว่า ปีนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่มี SDGs ในปี 2015 ที่การขับเคลื่อนเป้าหมายโลกถดถอย สาเหตุหนึ่งมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เพราะไม่เพียงก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลก แต่ยังสร้างวิกฤติการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย
“ดังนั้น เพื่อฟื้นคืนความก้าวหน้าของ SDGs จำเป็นต้องมีการเพิ่มพื้นที่การคลังสำหรับประเทศกำลังพัฒนาให้มากพอ ผ่านการปฏิรูปภาษีโลก และการขยายการจัดหาเงินทุนโดยธนาคารเพื่อการพัฒนาระดับพหุภาคีต่าง ๆ รายจ่ายทางการคลังควรถูกใช้เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงระดับรากฐานเพื่อการบรรลุ SDGs ใน 6 เป้าหมายหลัก ได้แก่ การศึกษาคุณภาพสำหรับทุกคน การดูแลสุขภาพถ้วนหน้า พลังงานและอุตสาหกรรมสะอาด เกษตรกรรมและการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน โครงสร้างพื้นฐานในเมืองที่ยั่งยืน และการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง”
นอกจากฟินแลนด์จะเป็นประเทศที่ครองอันดับ 1 ดัชนี SDG ระดับโลกแล้ว ยังมีคะแนนสูงสุดในมิติประเทศที่มีความสุข ตามข้อมูลการสำรวจของ Gallup World Poll และรายงานความสุขโลก ประจำปี 2021 (World Happiness Report) ที่เผยแพร่เมื่อมีนาคม 2564
ทั้งนี้ในรายงานมีการระบุว่า ประเทศร่ำรวยส่งผลกระทบเชิงลบระหว่างประเทศ ทางด้านการค้า ห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ยั่งยืน และให้กำไรต่างประเทศ ซึ่งลดทอนความสามารถของประเทศอื่นในการบรรลุ SDGs
สำหรับภูมิภาคที่มีความก้าวหน้าในการขับเคลื่อน SDGs มากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ คือ เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2010 และปี 2015 ขณะที่ประเทศท็อป 3 ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดตามคะแนนดัชนี SDG ตั้งแต่ปี 2015 ถึงแม้เป็นประเทศที่มีข้อมูลฐานตั้งต้น (baseline) ห่างไกลจากความยั่งยืนกว่าประเทศอื่น ได้แก่ บังกลาเทศ โกตดิวัวร์ และอัฟกานิสถาน ส่วนประเทศท็อป 3 ที่ความก้าวหน้าถดถอยมากที่สุด คือ เวเนซุเอลา ตูวาลู และบราซิล
สถานการณ์ SDGs ของไทย
ที่มาภาพ: SDG Move
ที่ผ่านมาไทยเป็นประเทศที่กระตือรือร้นในการนำ SDGs ผนวกเป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ ดังที่ปรากฏในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ 12 เป็นต้น รวมถึงภาคเอกชนและภาคประชาสังคมมีความตื่นตัว ส่งผลให้อันดับและคะแนนของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน
เป้าหมายที่ประเทศไทยบรรลุในปีนี้ คือ SDG 1 ยุติความยากจน โดยวัดจากจำนวนประชากรที่อยู่ในภายใต้เส้นความยากจนต่ำสุด ตามเกณฑ์ของธนาคารโลกกำหนดไว้ที่ 1.9 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60 บาท/วัน หรือผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 3,000 บาท/เดือน ถือเป็นคนยากจน จากจากรายงานสถานการณ์ความยากจนและเหลื่อมล้ำในปี 2562 ซึ่งเป็นการรายงานสถานการณ์ล่าสุดของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า ประเทศไทยจะยังมีคนยากจนอยู่ราว 6.24% ของประชากร ในปี 2019 (ที่มา SDG move)
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2020 ไทยทำตามเป้าหมาย SDGs ได้แย่ลง 4 เป้าหมาย และไม่มีเป้าหมายใดที่ขยับดีขึ้น ประกอบด้วย
เป้าหมาย SDG 2 (ขจัดความหิวโหย) ตัวชี้วัดคือ ภาวะทุพโภชนาการ และอัตราการส่งออกยาฆ่าแมลง (ตัวชี้วัดใหม่)
เป้าหมาย SDG 8 (งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ) ตัวชี้วัดคือ อัตราการเติบโตของ GDP อัตราการว่างงาน และการรับประกันสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน
เป้าหมาย SDG 14 (การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร และทรัพยากรทางทะเล) ตัวชี้วัดคือ ร้อยละของพื้นที่โดยเฉลี่ยทางทะเลที่ได้รับการปกป้อง ที่สำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และดัชนีสุขภาพมหาสมุทรด้านคะแนนน้ำสะอาด
เป้าหมาย SDG 15 (การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศบนบก) ตัวชี้วัดคือ ขนาดพื้นที่บนบกเฉลี่ยที่ได้รับการปกป้อง ที่สำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่ชุ่มน้ำ
ส่วนเป้าหมายที่มีความท้าทายสูงที่เพิ่มขึ้นจากปี 2020 มีคือ SDG 3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG 10 การลดความเหลื่อมล้ำ
อ่านข่าวต้นฉบับ: ดัชนี SDG ไทยหล่นมาอันดับ 43 เผชิญปัญหาความเป็นอยู่และระบบนิเวศ
Link : Read More
Tags : #ข่าวสังคม #ความรับผิดชอบต่อสังคม