กระทรวงแรงงานเยือนโรงพยาบาลสนามที่นิสสัน มอเตอร์ จ.สมุทรปราการ พร้อมอัพเดตความคืบหน้า Factory Sandbox “ตรวจ-ฉีด-เยียวยา”
วันที่ 18 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โรงพยาบาลสนามในโรงงานหรือสถานประกอบการ ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ ณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน โดยมีนายอิชาโอะ เซกิกุจิ ประธานกลุ่มนิสสัน ประเทศไทย นายอัครพล แก้วพินิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิต พร้อมเจ้าหน้าที่พนักงานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับ
นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินงาน ตามมาตรการบริหารจัดการในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในโรงงานหรือสถานประกอบการ (Factory Accommodation Isolation : FAI) และมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) เพื่อป้องกันระบาดของผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรมในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม
“สำหรับการจัดตั้ง FAI เป็นการแบ่งเบาภารกิจของโรงพยาบาล โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ/โรงงานภาคเอกชน จัดทำสถานที่กักตัวรักษา พร้อมจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อดูแลพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของตนเองที่มีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือผู้ติดเชื้อที่อยู่ในเกณฑ์สีเขียว และจัดระบบการดูแลรักษาพยาบาลของผู้ติดเชื้อ โดยประสานความร่วมมือของโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม”
ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงแรงงานดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด โดยมีมาตรการสำคัญ ดังนี้
1) การตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุก ภายใต้โครงการแรงงาน…เราสู้ด้วยกัน จำนวน 13 แห่ง ได้แก่ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (กทม.), ปทุมธานี, สมุทรปราการ, นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ สมุทรสาคร ภูเก็ต ระยอง พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สงขลา และสระบุรี ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม-31 กรกฎาคม 2564 ตรวจคัดกรองแล้ว 526,657 ราย พบผู้ติดเชื้อ 23,705 ราย (คิดเป็นร้อยละ 4.50)
2) การฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่สีแดงจำนวนกว่า 11 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน-15 ตุลาคม 2564 มีผู้ประกันตนฉีดวัคซีนแล้ว 2,937,313 ราย เป็นของจังหวัดสมุทรปราการ 195,560 ราย
3) การเยียวยานายจ้างและลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด รวม 12,130,175 ราย เป็นเงิน 99,448,275,000 บาท ผลการดำเนินงานโครงการเยียวยาในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ รวม 583,848 ราย เป็นเงิน 56,222,386,000 บาท
นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า กระทรวงแรงงานได้ริเริ่มดำเนินโครงการ Factory Sandbox โดยใช้แนวคิดในการจัดการโครงสร้างและกระบวนการในลักษณะ “เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่แรงงาน และสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจจากภาคการผลิต แก่นักลงทุนในสถานประกอบการภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ในพื้นที่ 11 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ ชลบุรี นนทบุรี สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ระยอง สระบุรี ปราจีนบุรี และลพบุรี
โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยระยะแรกคิกออฟ (kick off) 4 จังหวัดนำร่องพร้อมกัน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และชลบุรี ในสถานประกอบการที่มีผู้ประกันตน 500 คนขึ้นไป ภายใต้สโลแกน “ตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล”
ผลการดำเนินโครงการในระยะแรก ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ตรวจคัดกรองโควิดให้แก่ผู้ประกันตนในสถานประกอบการจำนวน 118,339 คน (คิดเป็นร้อยละ 47.34) จากเป้าหมาย 250,000 คน และฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนในสถานประกอบการ จำนวน 52,518 คน (คิดเป็นร้อยละ 52.52) จากเป้าหมาย 100,000 คน
“สำหรับ จ.สมุทรปราการ อยู่ในแผนการดำเนินระยะที่ 2 วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ผมได้มาตรวจเยี่ยมโครงการศูนย์แยกกักตัวรักษาในสถานประกอบการ ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะของกลุ่มบริษัทนิสสันประเทศไทย”
“ผมขอชื่นชมและขอบคุณบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จ.สมุทรปราการ ที่ร่วมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขของประเทศให้ไปได้ด้วยดี ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนปลอดภัยจากโควิด-19 และเราจะก้าวไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด
อ่านข่าวต้นฉบับ: แฟกตอรี่แซนด์บอกซ์ หนุนเปิด รพ.สนามในโรงงาน ขับเคลื่อนภาคผลิต
Link : Read More
Tags : #ข่าวสังคม #ความรับผิดชอบต่อสังคม