ส่องสิงคโปร์พัฒนา future of work เน้นการดูแลพนักงาน เชื่อมโยงคนจากระยะไกล หาทางออกให้การทำงานยุคใหม่ไม่กระทบดึงนักลงทุนไหลออกจากประเทศ
วันที่ 3 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ประเทศสิงคโปร์ได้ระดมนักคิดชั้นนำ จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตที่ดีของการทำงานในภูมิภาค และวิธีที่จะสร้างสถานที่ทำงานที่ดีขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนผลลัพธ์อย่างยั่งยืน ในฟอรัมประจำปี Ricoh Eco Action Day 2021 ซึ่งจัดโดย Ricoh Singapore ร่วมกับ Eco-Business บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา
“เกรซ ฟู” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม สิงคโปร์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน โดย 3 ประเด็นหลักที่สิงคโปร์นำมาพิจารณา คือ
1) form of work (รูปแบบการทำงาน) องค์กรต่าง ๆ เคลื่อนไปสู่รูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น (flexible) ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่หรือด้านเวลา แต่คำถามสำคัญคือ จะดูแลสวัสดิภาพของพนักงานได้อย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขอบเขตการทำงานที่บ้าน (work from home) กับการใช้ชีวิตส่วนตัวผสานแทบจะเป็นเนื้อเดียว
“การทำงานที่บ้านทำให้เราได้ยินเรื่องปัญหาด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น ไม่เพียงคนทำงานบริษัท แต่รวมถึงคนที่ทำงานอิสระ หรือ gig workers ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านค่ารักษาพยาบาล หรือด้านการเงินหลังจากเกษียณ สิ่งเหล่านี้เป็นความเครียดที่วนเวียนอยู่ในสังคมการทำงาน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการดูแลสภาพจิตใจของคนทำงานด้วย”
ภาพ: ยูทูป Eco-Business, เกรซ ฟู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม สิงคโปร์
2) work culture (วัฒนธรรมการทำงาน) สถานที่ทำงานต้องมีรูปแบบที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีการใช้รูปแบบ hotdesking คือการที่ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานระดับปฏิบัติการทำงานในพื้นที่เปิดร่วมกัน และพนักงานทุกคนสามารถนั่งทำงานตรงไหนก็ได้ในสำนักงาน
ที่สิงคโปร์เราเริ่มเห็นการลดโครงสร้างลำดับขั้น (hierarchical structure) มากขึ้น ถึงแม้ในมุมกระบวนการทำงานหรือการอนุมัติเรื่องสำคัญ ๆ ยังมีลำดับขั้นที่จำเป็นอยู่ แต่การสื่อสารมีลำดับขั้นลดลงมาก
3) work infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานในสำนักงาน) การทำงานจะไม่ใช่ที่รวมตัวของพนักงานทุกคน ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ ต้องคิดหาวิธีเชื่อมต่อระหวางพนักงาน ทำให้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และหาทางจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำแบบมารวมกัน แบบทำระยะไกลได้
นอกจากนั้นเรื่องพื้นที่การทำงานในสำนักงานก็เป็นเรื่องที่สิงคโปร์นำมาพิจารณา โดยมุมมองของหน่วยงานภาครัฐ เรามองถึงวิธีจัดรูปแบบเมืองที่เป็ร ศูนย์กลางธุรกิจเปลี่ยนไป เพราะเราเห็นเทรนด์บริษัทต่าง ๆ มีการจัดการรูปแบบสถานที่ทำงานใหม่ และไม่ต้องการใช้พื้นที่สำนักงานมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังผลต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ให้ต้องพิจารณามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังตัดสินไม่ได้ชัดเจน เพราะเราเริ่มเห็นว่า บ้านไม่ใช่สถานที่ทำงานระยะยาว เพราะคนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว และการล็อคดาวน์เป็นเวลาหลายเดือนและข้อจำกัดทางการเข้าสังคมในการหยุดการแพร่กระจายของโควิด-19 ทำให้คนต้องการมาพบปะกัน
การที่คนทำงานสายงานที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้คน (non-essential worker) ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับประเทศ เพราะมีลดการเดินทางโดยยานพาหนะ ทั้งช่วยยังลดค่าใช้จ่ายของบริษัท
“แต่เราจะได้ประโยชน์จากการที่มีคาร์บอน CO2 น้อยลงได้แท้จริง หากบริษัทต่าง ๆ เปลี่ยน (remake) ตัวเองใหม่ คำนึงถึงการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรในสำนักงานใหม่ เช่น หากมีพนักงานมาทำงานที่ออฟฟิศน้อยลง ก็ต้องเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศน้อยลงไปด้วย หลายบริษัทในสิงคโปร์มีการเปลี่ยนไปใช้ระบบเซนเวอร์เปิดปิดไฟ และเครื่องปรับอากาศมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังคงต่ำอยู่”
“ฟู” กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญที่ประเทศสิงคโปร์พยายามหาคำตอบคือเรื่องของ “future location of work” (โลเคชั่นของที่ทำงาน) เพราะที่ผ่านมาเรามีพื้นที่เฉพาะที่เป็นจุดศูนย์กลางของธุรกิจที่ดึงดูนักลงทุนมาที่สิงคโปร์
แต่เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปในปัจจุบัน การทำงานเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในประเทศ ซึ่งก็เท่ากับว่า การทำงานเกิดขึ้นที่นอกประเทศได้เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อความสำคัญเรื่องของเอกลักษณ์ด้านพื้นที่น้อยลง การมีภาพจำว่าสิงคโปร์เป็นแหล่งการลงทุนอาจเปลี่ยนไปด้วย
“เราต้องหาคำตอบว่า จะดึงคนให้ทำงานอยู่ในประเทศได้อย่างไร สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศได้อย่างไร ที่ไหนจะเป็นฐานที่สร้างรายได้ และสิงคโปร์จะอยู่จุดไหนท่ามกลางการแข่งขันในโลก”
Shee Tse Koon ผู้บริหารกลุ่มและหัวหน้าประเทศ ธนาคาร DBS
“Shee Tse Koon” ผู้บริหารกลุ่มและหัวหน้าประเทศ ธนาคาร DBS สิงคโปร์ กล่าวถึงการวิจัยของ DBS ว่า การกำหนดสูตรการทำงาน 60-40 ช่วยให้เกิดทำงานดีที่สุดสำหรับพนักงาน
โดย 60 เปอร์เซ็นต์เป็นการทำงานที่สำนักงาน และ 40 เปอร์เซ็นต์เป็นการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (remote work) ซึ่งอาจเป็นสัปดาห์นี้ทำงานที่สำนักงาน 2 วัน และสัปดาห์ทำงานที่สำนักงาน 3 วัน เป็นต้น
“อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถมีการทำงานจากบ้านได้ 100% เพราะการปฏิสัมพันธ์และการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญต่อวัฒนธรรมขององค์กร การที่ผู้คนไม่ใช้เวลาในสำนักงาน เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ เอกลักษณ์และวัฒนธรรมของบริษัทอาจสูญหายไป”
อ่านข่าวต้นฉบับ: ส่อง “สิงคโปร์” การทำงานแห่งอนาคต ปรับออฟฟิศ-ดูแลคน-ดึงนักลงทุน
Link : Read More
Tags : #ข่าวสังคม #ความรับผิดชอบต่อสังคม