หนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Lamborghini คงหนีไม่พ้น Urus เอสยูวีคันแรกของแบรนด์กระทิงกุสัญชาติอิตาลี หลังจากทำตลาดในประเทศไทยมาได้สักระยะ และมีผู้ใช้มากมายทั้งชายและหญิง เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์ แต่ยังคงได้สมรรถนะสูงตามชื่อชั้นของ Lamborghini อยู่ วันนี้สานต่อความสำเร็จด้วยการอัปเกรดระบบปลั๊กอินไฮบริด เป็นทางเลือกแก่ผู้ใช้งานที่อยากก้าวขาสู่พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เตรียมโชว์ตัวในงาน Beijing Auto Show 2024 ต้องบอกว่า Lamborghini URUS SE นอกจากจะเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกของแบรนด์แล้ว ยังเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกอีกด้วย รถคันนี้โชว์ตัวไปแล้วในงาน Volkswagen Group Media Night และกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ Beijing Auto Show 2024 ด้วยการดีไซน์ตัวรถภายนอกใหม่ ตอบโจทย์หลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ผสานกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนจากรุ่นเดิมได้มากกว่า 80% Lamborghini URUS SE มาพร้อมเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 4.0 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 141 kW ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 800 Ps แรงบิด…
The post Lamborghini URUS SE สานต่อรุ่นขายดีด้วยปลั๊กอินไฮบริด ขับไฟฟ้าได้ 60 กม. appeared first on BT beartai.
หนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Lamborghini คงหนีไม่พ้น Urus เอสยูวีคันแรกของแบรนด์กระทิงกุสัญชาติอิตาลี หลังจากทำตลาดในประเทศไทยมาได้สักระยะ และมีผู้ใช้มากมายทั้งชายและหญิง เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์ แต่ยังคงได้สมรรถนะสูงตามชื่อชั้นของ Lamborghini อยู่ วันนี้สานต่อความสำเร็จด้วยการอัปเกรดระบบปลั๊กอินไฮบริด เป็นทางเลือกแก่ผู้ใช้งานที่อยากก้าวขาสู่พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เตรียมโชว์ตัวในงาน Beijing Auto Show 2024
ต้องบอกว่า Lamborghini URUS SE นอกจากจะเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกของแบรนด์แล้ว ยังเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกอีกด้วย รถคันนี้โชว์ตัวไปแล้วในงาน Volkswagen Group Media Night และกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ Beijing Auto Show 2024 ด้วยการดีไซน์ตัวรถภายนอกใหม่ ตอบโจทย์หลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ผสานกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนจากรุ่นเดิมได้มากกว่า 80%
Lamborghini URUS SE มาพร้อมเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 4.0 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 141 kW ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 800 Ps แรงบิด 950 Nm มีอัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 km/hr ในเวลาเพียง 3.4 s (0.200 km/hr ใน 11.4 s) ทำความเร็วสูงสุดที่ 312 km/hr ถือเป็นรุ่นที่กำลังสูงสุดของ Urus ก็ว่าได้ แถมรองรับแบตเตอรี่ขนาด 25.7 kWh ขับขี่โหมดไฟฟ้าได้ 60 km (มาตรฐาน WLTP)
นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาวรูปแบบใหม่ พร้อมคลัตช์อิเลกโตรไฮดรอลิกแบบมัลติเพลต ซึ่งช่วยสร้างแรงบิดแปรผันระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้อย่างต่อเนื่อง กระจายแรงบิดและยึดเกาะถนนทุกสภพพื้นได้ดีขึ้น ถือเป็นครั้งแรกในรถตระกูล Urus ด้วย
ดีไซน์ตัวรถออกแบบฝากระโปรงใหม่ทรง Floating Design ที่ลบความเหลี่ยมคมลง เน้นความไหลลื่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากรุ่น Revuelto ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าคันแรกของ Lambotghini ในหลาย ๆ ส่วน กันชนท้ายและตะแกรงหน้าและหลังใหม่ก็อ้างอิงมาจากรุ่น Gallardo เสริมด้วยชุดไฟ Matrix LED แรงบันดาลใจจากหางวัวกระทิง ไฟท้ายรูปตัว Y พร้อมสปอยเลอร์หลังใหม่ เพิ่มแรงกดด้านหลังขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงดีขึ้น 35%
ส่วนภายในยังคงคอนเซ็ปต์ “Feel like a pilot” ที่ตกแต่งคู่สีได้มากมาย 47 เฉดสี แผงคอนโซลกลางโดดเด่นขึ้นด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว (ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม) พร้อมระบบปฏิบัติการ Human Machine Interface (HMI) ใหม่ และหน้าจอดิจิทัลสำหรับผู้ขับขี่ขนาดเดียวกัน กลางคอนโซลมีปุ่นปรับโหมดขับขี่ 6 รูปแบบ และโหมด Electric Performance Strategies (EPS) อีก 4 รูปแบบ อาทิ โหมดพื้นฐานทั้ง Strada, Sport, Corsa สำหรับท้องถนนและสนามแข่ง โหมด Neve, Sabbia และ Terra สำหรับพื้นผิวที่มีการยึดเกาะที่แตกต่างจากพื้นยางมะตอย โหมด EV Drive, Hybrid, Performance และ Recharge สำหรับการขับขี่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วย (ชาร์จไฟได้สูงสุด 80%)
ในโหมดขับขี่ไฟฟ้าของ Lamborghini URUS SE ขับขี่ได้ไกล 60 km และทำความเร็วได้สูงสุด 130 km/hr ซึ่งหากใช้ความเร็วสูงกว่านี้จะได้กำลังของเครื่องยนต์ V8 เข้ามาเสริมในจังหวะเร่งแซง เพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้น ทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างถุงลม ที่ปรับเปลี่ยนความสูงตัวรถตั้งแต่ 15 – 75 mm เพื่อการขับขี่ในแต่ละโหมดได้ดีขึ้น
สำหรับ Lamborghini URUS SE ยังไม่ได้เปิดราคา แต่คาดว่าทางเรนาสโซ มอเตอร์ (Renazzo Motor) ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย จะนำเข้ามาทำตลาดในไทยด้วยเช่นกัน ยังไงรอลุ้นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน Beijing Auto Show 2024 ระหว่างวันที่ 25 เมษายน – 4 พฤษภาคมนี้พร้อมกัน
The post Lamborghini URUS SE สานต่อรุ่นขายดีด้วยปลั๊กอินไฮบริด ขับไฟฟ้าได้ 60 กม. appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/