หลังจากเว็บตูน Tomorrow ลงแฟลตฟอร์มไลน์ เว็บตูน (LINE WEBTOON) ได้ไม่นาน ตัวซีรีส์ก็ลงตามในเนตฟลิกซ์อย่างติด ๆ ด้วยหน้าปกโปสเตอร์ ทริลเลอร์ที่ดูมีสีสันครบเครื่องและหน้าตาหล่อสวยของนักแสดง อีกทั้งยังผลิตโดยสตูดิโอเอน (Studio N) สตูดิโอของค่าย NAVER เจ้าของเรื่องออริจินัลมาเอง ทำให้เราตั้งความหวังกับฉบับซีรีส์อยู่พอสมควร และมันสมกับที่ตั้งความหวังไว้หรือเปล่านะ มา ๆ มาเฉลยกัน! ทันทีที่เปิดซีรีส์ขึ้นมาเราก็ต้องร้องว้าวเบา ๆ ฉบับซีรีส์นี้ให้ทั้งความเคารพต้นฉบับสูงเอามาก ๆ แถบจะซีนต่อซีน แต่สิ่งที่ล้ำกว่าคืองานโปรดักชั่น อย่างที่เคยรีวิวไปในฉบับเว็บตูนก่อนหน้า ว่างานภาพเองนั้นยังไม่อาจเรียกได้ว่าสวยตรึงจิต แต่มีดีที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ดูเหมือนว่าทางสตูดิโอผู้ผลิตก็เห็นจุดนี้เป็นจุดอ่อนที่ควรเสริมเช่นกัน งานโปรดักชั่นที่เปิดมาจึงเรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มครบเครื่องมาก ๆ ทั้งแสงสี ซีนเปิดตัวละครก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้โดดเด่นเหนือชั้นกว่าฉบับการ์ตูนอย่างสุด ๆ ไปเลย แม้โดยรวมจะไม่ได้ลำดับการเล่าเรื่องราวเรียงออกมาเป๊ะ ๆ และใช้วิธี “จับกลุ่ม” เส้นเรื่องของฝั่งพระเอกที นางเอกทีแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง และก็ต้องยอมรับว่าวิธีเล่าฉบับซีรีส์นี้เสริมพลังความแฟนตาซี และกลิ่นอายลึกลับแนวปริศนาได้มากกว่าฉบับการ์ตูนอยู่โข ในฉบับการ์ตูนนั้น เรื่องเริ่มขึ้นที่ฝั่ง ชเวจุนอุง ชายหนุ่มวัย 27 ปีที่เดินเตร็ดเตร่ด้วยความเซ็งจิตเพราะตกงานเจอเข้ากับชายไร้บ้านที่กำลังจะฆ่าตัวตาย และได้เจอคู่ยมทูตหญิงและชายที่โผล่เข้ามา จนเกิดเรื่องราวที่ทำให้เขาพลาดตกลงไปในแม่น้ำฮันซะเอง เมื่อฟื้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพโคม่า และหญิงชายสองคนนั้นก็เสนองานยมทูตช่วยชีวิตคนให้เขาเสียแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการเล่าแบบรวด ๆ พรวด ๆ จากฝั่งพระเอกแบบใช้หมัดฮุกให้เข้าพอยต์เรื่องเลย (อ่านรีวิว Tomorrow ฉบับเว็บตูนได้ ที่นี่) ในขณะที่ฉบับซีรีส์เรื่องเปิดด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมวิกฤตของนางเอกก่อน ทำให้เห็นว่าเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้นะ เกี่ยวกับการช่วยคนจากการฆ่าตัวตายแน่ ๆ แล้วค่อยไปเล่าย้อนให้เห็นฟากพระเอกว่าเป็นคนยังไง แล้วค่อยดึงมาว่าเกี่ยวข้องกันยังไง อาจเพราะช่วงเวลาที่จะทำให้คนตัดสินใจจะไปต่อหรือพอแค่นี้ของฉบับซีรีส์มีช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า สามารถใช้องค์ประกอบศิลป์มาดึงดูดได้เต็มที่ ผู้สร้างก็เลยเลือกวิธีนี้ในการเล่า ซึ่งเราก็ยอมรับเลยว่า ส่วนนี้มันประสบความสำเร็จและมีผลดึงดูดคนดูซีรีส์ที่เน้นความสวยงามแฟนตาซีและอยากดูเรื่องที่ดูแปลกตาไปได้ดีกว่าจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ
The post [รีวิว] Tomorrow: ซีรีส์เกาหลียมทูตสวยหล่อสุดแฟนตาซี ดีเด่นที่ฉากว้าวและปมปริศนา appeared first on #beartai.
หลังจากเว็บตูน Tomorrow ลงแฟลตฟอร์มไลน์ เว็บตูน (LINE WEBTOON) ได้ไม่นาน ตัวซีรีส์ก็ลงตามในเนตฟลิกซ์อย่างติด ๆ ด้วยหน้าปกโปสเตอร์ ทริลเลอร์ที่ดูมีสีสันครบเครื่องและหน้าตาหล่อสวยของนักแสดง อีกทั้งยังผลิตโดยสตูดิโอเอน (Studio N) สตูดิโอของค่าย NAVER เจ้าของเรื่องออริจินัลมาเอง ทำให้เราตั้งความหวังกับฉบับซีรีส์อยู่พอสมควร และมันสมกับที่ตั้งความหวังไว้หรือเปล่านะ มา ๆ มาเฉลยกัน!
เทียบกันจะ ๆ ซ้ายคือ Tomorrow ฉบับซีรีส์ ขวาคือฉบับเว็บตูน
ทันทีที่เปิดซีรีส์ขึ้นมาเราก็ต้องร้องว้าวเบา ๆ ฉบับซีรีส์นี้ให้ทั้งความเคารพต้นฉบับสูงเอามาก ๆ แถบจะซีนต่อซีน แต่สิ่งที่ล้ำกว่าคืองานโปรดักชั่น อย่างที่เคยรีวิวไปในฉบับเว็บตูนก่อนหน้า ว่างานภาพเองนั้นยังไม่อาจเรียกได้ว่าสวยตรึงจิต แต่มีดีที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ดูเหมือนว่าทางสตูดิโอผู้ผลิตก็เห็นจุดนี้เป็นจุดอ่อนที่ควรเสริมเช่นกัน งานโปรดักชั่นที่เปิดมาจึงเรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มครบเครื่องมาก ๆ ทั้งแสงสี ซีนเปิดตัวละครก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้โดดเด่นเหนือชั้นกว่าฉบับการ์ตูนอย่างสุด ๆ ไปเลย
แค่ฉากเปิดพระนางเราก็ร้องว้าวแล้ว สีสันสวยงามมากหลากมุมงาม ๆ ของหัวหน้ายมทูต
แม้โดยรวมจะไม่ได้ลำดับการเล่าเรื่องราวเรียงออกมาเป๊ะ ๆ และใช้วิธี “จับกลุ่ม” เส้นเรื่องของฝั่งพระเอกที นางเอกทีแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง และก็ต้องยอมรับว่าวิธีเล่าฉบับซีรีส์นี้เสริมพลังความแฟนตาซี และกลิ่นอายลึกลับแนวปริศนาได้มากกว่าฉบับการ์ตูนอยู่โข
ในฉบับการ์ตูนนั้น เรื่องเริ่มขึ้นที่ฝั่ง ชเวจุนอุง ชายหนุ่มวัย 27 ปีที่เดินเตร็ดเตร่ด้วยความเซ็งจิตเพราะตกงานเจอเข้ากับชายไร้บ้านที่กำลังจะฆ่าตัวตาย และได้เจอคู่ยมทูตหญิงและชายที่โผล่เข้ามา จนเกิดเรื่องราวที่ทำให้เขาพลาดตกลงไปในแม่น้ำฮันซะเอง เมื่อฟื้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพโคม่า และหญิงชายสองคนนั้นก็เสนองานยมทูตช่วยชีวิตคนให้เขาเสียแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการเล่าแบบรวด ๆ พรวด ๆ จากฝั่งพระเอกแบบใช้หมัดฮุกให้เข้าพอยต์เรื่องเลย (อ่านรีวิว Tomorrow ฉบับเว็บตูนได้ ที่นี่)
ในขณะที่ฉบับซีรีส์เรื่องเปิดด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมวิกฤตของนางเอกก่อน ทำให้เห็นว่าเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้นะ เกี่ยวกับการช่วยคนจากการฆ่าตัวตายแน่ ๆ แล้วค่อยไปเล่าย้อนให้เห็นฟากพระเอกว่าเป็นคนยังไง แล้วค่อยดึงมาว่าเกี่ยวข้องกันยังไง อาจเพราะช่วงเวลาที่จะทำให้คนตัดสินใจจะไปต่อหรือพอแค่นี้ของฉบับซีรีส์มีช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า สามารถใช้องค์ประกอบศิลป์มาดึงดูดได้เต็มที่ ผู้สร้างก็เลยเลือกวิธีนี้ในการเล่า ซึ่งเราก็ยอมรับเลยว่า ส่วนนี้มันประสบความสำเร็จและมีผลดึงดูดคนดูซีรีส์ที่เน้นความสวยงามแฟนตาซีและอยากดูเรื่องที่ดูแปลกตาไปได้ดีกว่าจริง ๆ
กุญแจไขความทรงจำ หนึ่งไอเทมพิเศษของทีมยมทูตซึ่งไม่มีในเว็บตูนต้นฉบับ
แต่ก็ถือเป้นส่วนที่เพิ่มมาที่ทำให้เรื่องราวดูแฟนตาซีน่าตื่นตากว่าเดิมมาก
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้ช่องว่างระหว่างฉบับการ์ตูนและซีรีส์ขยายกว้างมากขึ้น แทนที่เรื่องจะโฟกัสไปกับภารกิจเพื่อความพรุ่งนี้แบบฉึบฉับ อินเร็วซึ้งเร็วแบบฉบับการ์ตูน ซีรีส์ก็พยายามใส่เรื่องราวของโลกวิญญาณ “จูมาดึง” ลงไป จนโฟกัสของตัวละครที่เดิมอยู่กับที่ทีมวิกฤตสามคน ขยายวงออกกว้างไปเป็นตัวละครอื่น ๆ ให้เราเริ่มเลือกโฟกัสไม่ค่อยถูก
ทั้งหมดสังกัดฝ่ายจัดการวิญญาณ ทีมจัดการภาวะวิกฤต ของโลกหลังความตาย
Credit : LINE WEBTOON
จะเห็นว่าแฟชั่นอะไรก็จัดเต็มไม่ต่างกับฉบับเว็บตูนเลยจริง ๆ
(อ่านต่อหน้า 2 คลิกด้านล่างเลย)
The post [รีวิว] Tomorrow: ซีรีส์เกาหลียมทูตสวยหล่อสุดแฟนตาซี ดีเด่นที่ฉากว้าวและปมปริศนา appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/