Tidal ได้ประกาศปรับแผนการให้บริการ มีทั้งเพิ่มการให้บริการฟรี (Free Tier) และอัพเกรดแผนการให้บริการแบบชำระเงิน นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์เพลงให้กับศิลปินโดยตรงด้วยแนวคิดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “ค่าลิขสิทธิ์แบบแฟนเพลงเป็นศูนย์กลาง” (Fan-centered royalties) ในส่วนของผู้ใช้บริการแบบชำระเงิน Tidal กำลังอัพเกรดระบบการให้บริการแบบมาตรฐานโดยรวมไฟล์เสียงแบบ lossless และความละเอียดสูงโดยใช้ชื่อว่า Tidal HiFi ในราคา $9.99 ต่อเดือน (ประมาณ 300 บาท) ซึ่งให้คุณภาพเพลงที่ดีขึ้น (จาก 320kbps AAC มาเป็น 1411kbps FLAC CD-quality lossless) และยังเพิ่มคุณสมบัติการฟังเพลงแบบออฟไลน์และการเข้าถึงคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น Tidal Connect และ My Activity ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกในการฟังรายวันแบบรายบุคคล นอกจากนี้ Tidal ยังได้เพิ่มแผนการให้บริการในแบบที่ 3 นั่นคือ Tidal HiFi Plus ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 19.99 เหรียญ (ประมาณ 600 บาท) ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมไฟล์เสียงระดับพรีเมียมของ Tidal ซึ่งจะมอบประสบการณ์เสียงใน “รูปแบบเสียงที่สมจริงที่สุด” รวมถึงเสียงในระบบ Dolby Atmos และ Sony 360 Audio และระบบเสียงที่ผ่านการบันทึกเสียงแบบ Master Quality Authenticated (MQA) ของ Tidal นอกจากนี้ใน Tidal HiFi Plus ยังได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ 2 อย่างคือ
The post TIDAL อัพเกรดแผนการให้บริการและเพิ่มรูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงที่ผู้ใช้บริการได้สนับสนุนศิลปินคนโปรดโดยตรง appeared first on #beartai.
Tidal ได้ประกาศปรับแผนการให้บริการ มีทั้งเพิ่มการให้บริการฟรี (Free Tier) และอัพเกรดแผนการให้บริการแบบชำระเงิน นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์เพลงให้กับศิลปินโดยตรงด้วยแนวคิดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “ค่าลิขสิทธิ์แบบแฟนเพลงเป็นศูนย์กลาง” (Fan-centered royalties)
ในส่วนของผู้ใช้บริการแบบชำระเงิน Tidal กำลังอัพเกรดระบบการให้บริการแบบมาตรฐานโดยรวมไฟล์เสียงแบบ lossless และความละเอียดสูงโดยใช้ชื่อว่า Tidal HiFi ในราคา $9.99 ต่อเดือน (ประมาณ 300 บาท) ซึ่งให้คุณภาพเพลงที่ดีขึ้น (จาก 320kbps AAC มาเป็น 1411kbps FLAC CD-quality lossless) และยังเพิ่มคุณสมบัติการฟังเพลงแบบออฟไลน์และการเข้าถึงคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น Tidal Connect และ My Activity ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกในการฟังรายวันแบบรายบุคคล
นอกจากนี้ Tidal ยังได้เพิ่มแผนการให้บริการในแบบที่ 3 นั่นคือ Tidal HiFi Plus ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 19.99 เหรียญ (ประมาณ 600 บาท) ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมไฟล์เสียงระดับพรีเมียมของ Tidal ซึ่งจะมอบประสบการณ์เสียงใน “รูปแบบเสียงที่สมจริงที่สุด” รวมถึงเสียงในระบบ Dolby Atmos และ Sony 360 Audio และระบบเสียงที่ผ่านการบันทึกเสียงแบบ Master Quality Authenticated (MQA) ของ Tidal นอกจากนี้ใน Tidal HiFi Plus ยังได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ 2 อย่างคือ Direct artist payouts และ Fan-centered royalties
รูปแบบการให้บริการทั้ง 3 แบบของ Tidal
ซึ่งคุณสมบัติใหม่นี้ได้ปรับรูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงให้แตกต่างไปจากรูปแบบที่บริการสตรีมมิงต่างใช้กันมาแต่เดิม กล่าวคือในรูปแบบเดิมนั้นบริการสตรีมมิงจะรวมยอดสตรีมทั้งหมดไว้ในกองเดียวและจ่ายเงินให้กับศิลปิน นักแต่งเพลง และผู้ถือสิทธิ์ตามเปอร์เซ็นต์ของยอดสตรีมทั้งหมด เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นศิลปินตัวท็อปอย่าง Justin Bieber, BTS, Weeknd หรือ Adele คุณก็จะได้ส่วนแบ่งเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าคุณเป็นศิลปินตัวเล็กตัวน้อยก็แน่นอนว่าส่วนแบ่งนั้นก็จะน้อยตามไปด้วย
รูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์แบบมาตรฐานที่ใช้กันโดยทั่วไป
แต่ด้วยรูปแบบ “ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง” ผู้สร้างสรรค์บทเพลงและผู้ถือสิทธิ์จะได้รับเงินตามจำนวนที่ผู้ใช้แต่ละคนสตรีมเพลงของพวกเขา ดังนั้นศิลปินคนโปรดของเราก็จะได้รับรายได้ทั้งหมดที่ได้มาจากการฟังของเรานั่นเอง ซึ่งรูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มมาใหม่ 2 รูปแบบนั้นมีรายละเอียดดังนี้
การชำระเงินโดยตรงกับศิลปิน (Direct-to-artist payments) : ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป Tidal จะเปิดตัวการชำระเงินโดยตรงกับศิลปินแบบรายเดือน ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้ศิลปินสามารถเข้าถึงกระแสการชำระเงินเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์โดยตรงจากแฟนตัวยงใน Tidal ในแต่ละเดือน โดย 10% เปอร์เซ็นต์ของค่าธรรมเนียมสมาชิกของสมาชิก HiFi Plus จะถูกโอนไปยังศิลปินที่มียอดสตรีมสูงสุดของเรา ซึ่งเราสามารถดูได้ว่าศิลปินคนไหนมียอดสตรีมสูงสุดในหน้า My Activity ซึ่งการชำระเงินโดยตรงกับศิลปินนี้เป็นรายได้เพิ่มเติมจากค่าลิขสิทธิ์การสตรีมที่มีอยู่แต่เดิม
ค่าลิขสิทธิ์ที่ยึดแฟน ๆ เป็นศูนย์กลาง (Fan-centered royalties) : เริ่มต้นในปี 2022 Tidal จะใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ ด้วยรูปแบบใหม่นี้ค่าลิขสิทธิ์ที่มาจากสมาชิก HiFi Plus แต่ละบัญชีจะไม่ถูกนำมารวมกัน ในทางกลับกันค่าลิขสิทธิ์จะจ่ายตามกิจกรรมการสตรีมจริงของสมาชิก HiFi Plus แต่ละคน ซึ่งต่างจากวิธีการรวบรวมสตรีมที่เป็นที่ใช้กันในอุตสาหกรรมดนตรี ด้วยวิธีนี้จะทำให้แฟน ๆ ได้มีบทบาทมากขึ้นในการสนับสนุนศิลปินคนโปรดของพวกเขา
ระบบ Fan-centered royalties ของ Tidal
เจสซี โดโรกุสเคอร์ (Jesse Dorogusker) ผู้บริหารของ Square ที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำ Tidal ได้กล่าวว่า “เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรม และเป็นครั้งแรกที่เปิดให้แฟน ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มนี้ในวงกว้างขึ้น” “Tidal ยังสนับสนุนศิลปินด้วยเงื่อนไขรายได้ที่ยุติธรรมกว่าและการชำระเงินที่รวดเร็วกว่า และแฟน ๆ กำลังหาวิธีที่ดีกว่าในการสนับสนุนศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ ข้อเสนอเหล่านี้เป็นก้าวแรกของหลาย ๆ อย่าง และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับศิลปินเพื่อพัฒนาเครื่องมือของเราเพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตและสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบของตนเองต่อไป”
Source
The post TIDAL อัพเกรดแผนการให้บริการและเพิ่มรูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงที่ผู้ใช้บริการได้สนับสนุนศิลปินคนโปรดโดยตรง appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/