วันที่ 5 ตุลาคม 2020 บริษัท Apple ได้ปล่อยภาพยนตร์สารคดีรำลึกการจากไปครบ 10 ปีของบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท (และของวงการเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้) อย่าง สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ออกมาให้ชม มันเป็นภาพยนตร์สั้นที่ทำให้เราได้เห็นถึงผลงานอันยิ่งใหญ่หลายต่อหลายชิ้นตลอด 40 ปีที่เขาทำธุรกิจมา ผลกระทบของสิ่งที่จอบส์มีต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แอนิเมชัน เพลง หรือสมาร์ตโฟน มันมากจนแทบจะเรียกได้ว่า เทคโนโลยีทุกอย่างที่เราใช้อยู่ตอนนี้ เขามีส่วนร่วมในการทำให้มันเข้าสู่ตลาดและกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ถ้าใครติดตามอ่านเรื่องราวของจอบส์จะรู้ดีว่ามีหนังสือชีวประวัติของเขาชื่อ ‘Steve Jobs’ โดยมันเป็นเล่มหนึ่งและเล่มเดียวที่จอบส์ขอให้ วอลเตอร์ ไอแซคสัน (Walter Isaacson) มาเขียนเล่า มีการสัมภาษณ์กว่า 40 ครั้ง และกับคนรอบตัวของจอบส์อีกเป็นร้อยคน ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จอบส์บอกว่า เขาอยากให้ลูก ๆ ของเขารู้จักตัวเองมากขึ้นจากมุมมองที่มาจากเขาเอง ไม่ใช่คนอื่น อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวความเป็นมาของตัวเขาเอง ตั้งแต่ความเป็นมาของการก่อตั้งบริษัท Apple ในโรงรถกับสตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) ไปจนถึงเบื้องหลังการกำเนิด iPhone และ iPad และเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายที่เป็นสาเหตุให้เขาเสียชีวิตในที่สุด ในหนังสือชีวประวัติเล่มหนานี้ มีเรื่องราวและบทเรียนอันมีค่าแฝงเอาไว้อยู่มากมาย ทั้งเรื่องราวธุรกิจสตาร์ตอัพ การทำการตลาด ความคิดสร้างสรรค์ หน้าที่การงาน ไปจนถึงการใช้ชีวิตเลยทีเดียว 1. ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร จนกว่าเราจะแสดงให้เห็น จอบส์เล่าถึงเหตุการณ์เปิดตัว Macintosh ในปี 1984 ที่มีนักข่าวถามเขาว่าได้ทำการสำรวจตลาดยังไง สิ่งที่เขาตอบกับนักข่าวคือ “ตอนที่อเล็กซานเดอร์ แกรห์ม เบลล์ (Alexander Graham Bell)
The post บทเรียนล้ำค่าจากหนังสือชีวประวัติของ Steve Jobs รำลึก 10 ปีที่จากไป appeared first on #beartai.
วันที่ 5 ตุลาคม 2020 บริษัท Apple ได้ปล่อยภาพยนตร์สารคดีรำลึกการจากไปครบ 10 ปีของบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท (และของวงการเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้) อย่าง สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ออกมาให้ชม มันเป็นภาพยนตร์สั้นที่ทำให้เราได้เห็นถึงผลงานอันยิ่งใหญ่หลายต่อหลายชิ้นตลอด 40 ปีที่เขาทำธุรกิจมา ผลกระทบของสิ่งที่จอบส์มีต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แอนิเมชัน เพลง หรือสมาร์ตโฟน มันมากจนแทบจะเรียกได้ว่า เทคโนโลยีทุกอย่างที่เราใช้อยู่ตอนนี้ เขามีส่วนร่วมในการทำให้มันเข้าสู่ตลาดและกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน
ถ้าใครติดตามอ่านเรื่องราวของจอบส์จะรู้ดีว่ามีหนังสือชีวประวัติของเขาชื่อ ‘Steve Jobs’ โดยมันเป็นเล่มหนึ่งและเล่มเดียวที่จอบส์ขอให้ วอลเตอร์ ไอแซคสัน (Walter Isaacson) มาเขียนเล่า มีการสัมภาษณ์กว่า 40 ครั้ง และกับคนรอบตัวของจอบส์อีกเป็นร้อยคน ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จอบส์บอกว่า เขาอยากให้ลูก ๆ ของเขารู้จักตัวเองมากขึ้นจากมุมมองที่มาจากเขาเอง ไม่ใช่คนอื่น อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวความเป็นมาของตัวเขาเอง ตั้งแต่ความเป็นมาของการก่อตั้งบริษัท Apple ในโรงรถกับสตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) ไปจนถึงเบื้องหลังการกำเนิด iPhone และ iPad และเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายที่เป็นสาเหตุให้เขาเสียชีวิตในที่สุด ในหนังสือชีวประวัติเล่มหนานี้ มีเรื่องราวและบทเรียนอันมีค่าแฝงเอาไว้อยู่มากมาย ทั้งเรื่องราวธุรกิจสตาร์ตอัพ การทำการตลาด ความคิดสร้างสรรค์ หน้าที่การงาน ไปจนถึงการใช้ชีวิตเลยทีเดียว
1. ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร จนกว่าเราจะแสดงให้เห็น
จอบส์เล่าถึงเหตุการณ์เปิดตัว Macintosh ในปี 1984 ที่มีนักข่าวถามเขาว่าได้ทำการสำรวจตลาดยังไง สิ่งที่เขาตอบกับนักข่าวคือ
“ตอนที่อเล็กซานเดอร์ แกรห์ม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ประดิษฐ์โทรศัพท์เขาได้ทำการสำรวจตลาดไหม?”
นี่เป็นคาแรกเตอร์ของจอบส์ที่เราเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เขาเป็นคนที่ดุดันและเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและดื้ออยากทำให้สำเร็จ แถมยังเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบและมินิมอลลิสม์ด้วย
เขาจะโฟกัสไปยังดีไซน์ของสินค้าให้เหลือแค่สิ่งที่จำเป็น น้อยแต่มาก เอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ซึ่งเราก็เห็นแล้วในสินค้าและผลิตภัณฑ์แทบทุกอย่างที่เขาและบริษัททำนั้นเรียบง่าย แต่ทรงพลัง เต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ดู “ไม่ยุ่งยาก” แต่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่สัมผัสอย่างมหาศาล มันเป็นลายเซ็นของ Apple ชนิดที่ว่าในคู่มือของ Mac รุ่นแรก ๆ นั้นจะมีคำกล่าวของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ที่เขียนไว้ว่า “ความเรียบง่ายคือความลึกล้ำที่แท้จริง”
2. สร้างผลิตภัณฑ์ที่คุณอยากเห็น
ใครที่เกิดทันยุค iPod จะทราบดีว่าตอนที่เปิดตัวนั้นมันได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก มีแต่คนบอกว่าอยากได้มาใช้บ้าง ไม่เว้นแม้แต่พนักงานของบริษัทที่คลุกคลีอยู่กับมันทุก ๆ วัน เหมือนกันกับ iPhone ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมากี่รุ่นคนก็ยังอยากได้เป็นเจ้าของ ซึ่งนั่นก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีในการสร้างผลิตภัณฑ์บางอย่างขึ้นมา เราต้องสร้างสิ่งที่เราอยากเห็นและอยากใช้เอง
สร้างมันเพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้านั้นเป็นที่น่าจดจำ ทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นของที่มีคุณค่าเมื่ออยู่ในมือของลูกค้า Apple ไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์อย่างเดียว พวกเขาขาย ‘ประสบการณ์’ ที่ช่วยให้ลูกค้าแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อยกตัวอย่าง iPod ที่ตอนนั้นคนเจอปัญหากันอยู่ว่าจะจัดการและจัดเก็บเพลง MP3 กันยังไง Apple เลยมีสโลแกนที่ออกมาเขียนว่า “1000 เพลงในกระเป๋าของคุณ” ซึ่งมันชัดเจนเลยว่าสินค้าจะช่วยแก้ปัญหาอะไร เป็นประโยคที่ทั้งเรียบง่าย ชัดเจน และทรงพลังมาก
อีกเรื่องที่เราเห็นคือการวางสินค้าให้ลูกค้ามาหยิบจับเลยด้วยตัวเองในร้าน Apple Store คนที่เข้ามาคุยกับเราจะไม่ใช่พนักงานขาย แต่จะเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องผลิตภัณฑ์และพร้อมตอบคำถามกับเราเมื่อเจอปัญหา ดังนั้นเราจึงเห็นว่าคนจะอยากเข้าไปที่ร้าน Apple อยู่ตลอด เพราะไปลองเล่นสินค้าเหล่านี้ได้ แม้จะยังไม่ซื้อ แต่พอได้เล่นได้ดู ความรู้สึกว่าอยากหาข้อมูลต่อและกลับมาอีกครั้งก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย
3. พัฒนาไปข้างหน้า ด้วยการลดสิ่งที่ไม่จำเป็น
โจนี ไอฟ์ (Jony Ive) ผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายการออกแบบ (Chief Design Officer) เคยอธิบายเอาไว้ว่า “การจะทำให้เรียบง่ายจริง ๆ นั้น คุณต้องลงลึกอย่างมาก ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นของสินค้าตัวนั้นเพื่อที่จะเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้หมด”
จอห์น สกัลลีย์ (John Sculley) อดีตซีอีโอของ Apple บอกว่า “สิ่งที่ทำให้หลักการของจอบส์ต่างจากคนอื่น ๆ คือการที่เขาเชื่อว่าการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าคุณทำอะไร แต่เป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจไม่ทำต่างหาก”
นั่นหมายถึงว่าบริษัทอย่าง Apple นั้นมีเงินมากมาย สามารถทำอะไรก็ได้ถ้าอยากทำ (ถ้าต้องการ) แต่พวกเขาก็เลือกที่จะโฟกัสไปที่สินค้าทีละตัวแล้วทำให้มันเด่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เน้นให้มันโดดเด่นและไม่พยายามทำทุกอย่าง
4. เรียนรู้ที่จะทำแค่ไม่กี่อย่าง แต่ทำออกมาให้ได้ดีมาก ๆ
การตัดสินใจที่ว่าจะไม่ทำอะไรสำคัญพอ ๆ กับการตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไร
เราเห็นเรื่องราวของคนทำธุรกิจมากมายที่พยายามสร้างบริษัทเพื่อขอทุน ปั้นขึ้นมาขาย อาจจะเข้าตลาดหุ้นแล้วก็ได้เงินจบไปทำอย่างอื่นต่อ ที่จริงแล้วสำหรับจอบส์นั้นตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์คือสิ่งที่เขาหลงใหลและอยากทำมันออกมาให้ดี ซึ่งนั่นก็คือเป้าหมายหลัก ไม่ใช่ว่าจะทำ ๆ ออกมาขายให้ได้กำไรให้จบ ๆ ไปเท่านั้น จอบส์บอกว่า “เราทุกคนนั้นมีช่วงเวลาอันแสนสั้นบนโลกใบนี้ เราอาจจะมีโอกาสทำแค่ไม่กี่อย่างที่เยี่ยมและทำมันออกมาได้ดี” สิ่งคำคัญคือเลือกที่จะทำแค่ไม่กี่อย่าง แต่ทำมันให้ออกมาอย่างดีที่สุด
5. รู้จักวิธีการเล่าเรื่อง
เชื่อว่าทุกคนเคยอ่านหรือดูปาฐกถาของจอบส์กันบ้างแล้ว (ถ้าใครยังไม่เคย ตามลิงค์นี้ไปครับ https://youtu.be/1i9kcBHX2Nw) เขาเป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถในการจับใจความและถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทุกครั้งที่เขาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ สายตาทุกคู่จะถูกสะกดให้จ้องอยู่กับสิ่งที่เขากำลังนำเสนอ ผู้คนให้ความสนใจว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป เขาทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปตั้งแต่ต้นจนจบ อยากรู้ว่าอะไรที่จะมาต่อ อะไรเหรอที่เขาจะหยิบออกมาจากซองเอกสาร อะไรเหรอที่จะเป็น ‘One More Thing’ ที่มักเซอร์ไพรส์คนดูอยู่ตลอดเวลา เขาทำให้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลายเป็นงานแสดงโชว์ที่ทุกคนตั้งตารอคอย
6. มองไปยังอนาคต
ตอนที่ออกแบบ iPhone จ๊อบส์อยากได้หน้าจอที่เป็นกระจกไม่ใช่พลาสติกเหมือนกับที่มีในตลาดตอนนั้น เขาอยากได้กระจกที่มีความแข็งแรงและเป็นรอยได้ยาก เขาไปเจอกับ เวนเดล วีกส์ (Wendell Weeks) ที่ทำงานอยู่บริษัท Corning ผู้ผลิต Gorilla Glass ซึ่งจอบส์บอกว่าจะสั่งของเพื่อนำมาสร้าง iPhone ขอให้ส่งภายใน 6 เดือน แต่วีกส์บอกว่า Corning ไม่มีความสามารถในการผลิตเยอะขนาดนั้น แต่จอบส์กลับบอกเขาว่า “อย่าไปกังวล นายทำได้อยู่แล้ว ลองคิดให้ดี ๆ นายทำได้”
จอบส์เป็นคนที่หัวดื้อและในขณะเดียวกันก็มีความสามารถในการผลักดันให้คนรอบข้างมองไปข้างหน้า ไม่โฟกัสที่ปัญหาแต่ดูว่าพวกเขากำลังทำอะไร และจะไปถึงตรงนั้นได้ด้วยวิธีไหนมากกว่า
แม้เวลาล่วงเลยมาแล้วกกว่า 10 ปี เรื่องราวของจอบส์ยังคงเป็นบทเรียนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่อ่านเรื่องราวของเขาได้เสมอ ตอนจบของปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จอบส์กล่าวประโยคหนึ่งให้เด็กรุ่นต่อ ๆ ไปเอาไว้ว่า “Stay Hungry, Stay Foolish” เพราะเวลาของเราทุกคนบนโลกนี้สักวันก็ต้องหมดลง เพราะฉะนั้นให้กระหายที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เพื่อสร้างบางอย่างที่น่าจดจำเป็นของขวัญให้กับโลกใบนี้ และนั่นก็อาจจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่เขาอยากส่งต่อให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป
อ้างอิง 1 อ้างอิง 2
อ้างอิง 3 อ้างอิง 4
The post บทเรียนล้ำค่าจากหนังสือชีวประวัติของ Steve Jobs รำลึก 10 ปีที่จากไป appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/