สิ้นสุดมหากาพย์สัมปทาน 30 ปี นับหนึ่งดาวเทียมไทยคม ใต้ปีก เอ็นที ลุยบริหารงานเฟ้นรายได้ต่อ ย้ำลูกค้าเดิมใช้งานไม่มีสะดุด หวังโกยความเชื่อมั่น
วันที่ 11 กันยายน 2564 ปิดฉากสัมปทาน 30 ปีแล้ว เมื่อบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้โอนสิทธิทรัพย์ คือ ดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 ให้แก่รัฐบาล ภายใต้การดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่ ดีอีเอส ก็โอนสิทธิการดูแลดาวเทียมทั้ง 2 ดาว ให้แก่ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือเอ็นที เป็นผู้ดูแลต่อแล้วเช่นกัน โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นวันแรก
อนาคตดาวเทียมไทย (คม) ผลัดใบ ‘สัมปทาน’ บนจุดเปลี่ยนเทคโนโลยี
อินทัช แจงยังไม่ได้รับหนังสือจากดีอีเอส ให้เข้าถือหุ้นในไทยคม
ดีเดย์โอนสิทธิ์ให้ เอ็นที บริหาร ไทยคม 11 ก.ย.นี้
เอ็นทีลุยดูแลลูกค้าต่อไม่สะดุด
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอส และเอ็นที ได้มีการเตรียมความพร้อมและดำเนินการร่วมกันมาตลอด
รวมทั้งได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการขอใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่อให้เอ็นที สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. 64 เป็นต้นไป ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการวงจรดาวเทียมทั้ง 2 ดวงยังคงใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด
“ขอยืนยันว่า การให้เอ็นทีมาเป็นผู้บริหารจัดการทรัพย์สินในส่วนนี้ ได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นหลัก”
ขณะเดียวกันผู้ใช้บริการจะสามารถได้ใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และภาครัฐก็สามารถใช้ประโยชน์จากดาวเทียมทั้ง 2 ดวงได้ เพื่อเสริมศักยภาพให้ภาครัฐ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ความมั่นคงด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียม
รวมถึงพร้อมให้บริการแก่หน่วยงานรัฐ เพื่อใช้งานวงโคจรดาวเทียม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ เอ็นที กล่าวว่า เอ็นทีจะเป็นผู้ดูแลดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 ต่อหมดหลังอายุสัมปทาน ตามนโยบายของกระทรวงดีอีเอส
มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมทั้งเรื่องความปลอดภัย การป้องกันประเทศ และการสร้างรายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากไทยคมได้โอนกรรมสิทธิ์ดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 ให้กับดีอีเอสแล้ว ก็ยังสามารถใช้งานดาวเทียมทั้ง 2 ดวงได้ เนื่องจากมีอายุวิศวกรรมเกินระยะเวลาสิ้นสุดสัมปทาน
ทั้งนี้ไทยคม 4 เป็นดาวเทียมบรอดแบนด์ ที่ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (แบบจุดต่อจุด) ถูกยิงขึ้นสู่วงโคจรตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2548 มีพื้นที่ให้บริการ 14 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย กัมพูชา จีน อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมา ไทย ไต้หวัน เป็นต้น
ส่วนไทยคม 6 เป็นดาวเทียมทั่วไปที่ให้บริการสำหรับผู้ใช้บริการประจำที่ด้วยการส่งสัญญาณจากสถานีภาคพื้นดินขึ้นสู่ดาวเทียมและส่งกลับมายังสถานีรับสัญญาณภาคพื้นที่ ถูกจัดขึ้นสู่วงโครเมื่อเดือนมกราคม 2557 มีพื้นที่การให้บริการ C-band ภูมิภาคเอเซียใต้ ทวีปแอฟริกา และ Ku-band ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
จ่ายสัมปทานกว่า 1.3 หมื่นล้าน
หากย้อนก่อนหน้านี้ นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เคยให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายค่าส่วนแบ่งรายได้ของดาวเทียมทั้ง 6 ดวง ให้แก่รัฐบาลรวมกันไปแล้วกว่า 13,852.84 ล้านบาท มากกว่าจำนวนขั้นต่ำตามที่รัฐกำหนดไว้ในสัญญาถึง 10 เท่า (มูลค่าขั้นต่ำที่ 1,415 ล้านบาท)
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า การจัดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรภายใต้สัมปทานที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 ดาวเทียมไทยคม 1 (หลัก) และ ไทยคม 2 (สำรอง)
ตามด้วยชุดที่ 2 คือ ไทยคม 3 (หลัก) และ ไทยคม 4 (สำรอง) ไทยคม 3 ซึ่งเสียก่อนหมดอายุใช้งาน ดังนั้นไทยคมจึงได้ยิงดาวเทียมไทยคม 5 ขึ้นไปทดแทนไทยคม 3 ซึ่งดาวเทียมไทยคม 5 ได้เกิดขัดข้องเมื่อปลายปี 2562 เพราะมีอายุการใช้งานเกินกำหนด ทำให้ต้องปลดระวางต้นปี 2563
ส่วนดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 เป็นดาวเทียมเกิดข้อพิพาทระหว่างไทยคม กับ สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) โดย กสทช. ระบุให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จํานวน 10 ข่ายงานดาวเทียม รวมถึงวงโคจรที่ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ใช้ จะหมดสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานวันที่ 10 กันยายน 2564
ซึ่งไทยคมชี้แจงว่า ดาวเทียมทั้ง 2 ดวงเป็นการดำเนินการภายใต้ระบบใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของ กสทช. จึงไม่ถือว่าอยู่ภายใต้สัมปทาน พร้อมยื่นฟ้องที่ศาลปกครอง และเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคําสั่ง ให้ทุเลาการบังคับของมติของ กสทช. โดยให้ไทยคมมีสิทธิในการใช้วงโคจรและข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้องต่อไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
อ่านข่าวต้นฉบับ: สิ้นสุดสัมปทาน นับหนึ่งไทยคม ใต้ปีก เอ็นที
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #IT Techonogy #ข่าวไอที