ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 23 มิถุนายน 2564
ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (26/3) ที่ระดับ 31.73/74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (22/6) ที่ระดับ 31..72/73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าเทียบกับเงินสกุลหลัก หลังจากเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (22/6) นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการแถลงการณ์ต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้างและครอบคลุม
โดยเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันเป็นแรงผลักดันให้เฟดต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงในปี 2564 นั้นเป็นผลกระทบโดยตรงจากการเปิดเผยเศรษฐกิจของสหรัฐหลังจากการมีการ lock down ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา โดยเฟดจะรอให้มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หรือปัญหาอื่น ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจกำหนดปรับทิศทางอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งสหรัฐ ได้มีการเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐประจำเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ระดับ 5.80 ล้านยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ ณ ระดับ 5.71 ล้านยูนิต
สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติเป็นเอกฉันให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี ในการประชุมนโยบายทางการเงินของไทยที่เสร็จสิ้นในช่วงบ่ายที่ผ่านมา (23/6) โดย กนง.มองว่าสถานการณ์โควิดระบาดระลอก 3 ในไทย ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลงและเติบโตไม่ทั่วถึง ขณะที่ระยะข้างหน้ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่อีก ทั้งนี้ กนง.ได้ให้ความเห็นว่ามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ จะส่งผลดีกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ กนง.ได้มีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะขยายตัว 1.8% และ 3.9% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ โดยปรับลดลงจากประมาณการเดิม ตามแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลง และอุปสงค์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกที่ 3 อีกทั้งด้านตลาดแรงงาน โดยเฉพาะภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ มีความเปราะบางมากขึ้นและอาจฟื้นตัวได้ช้าโดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 31.66-31.91 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 31.86/88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้านี้ (23/6) ที่ระดับ 1.1933/34 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่า จากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (22/6) ที่ระดับ 1.1893/94 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าหลังจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยในวันอังคาร (22/6) ที่ผ่านมา ถ้อยแถลงการณ์จากนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้กล่าวว่าสถานการณ์ในยูโรโนนั้นแตกต่างจากในสหรัฐ ดังนั้น ECB จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป
นอกจากนี้สถาบัน Markit ได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของเยอรมันประจำเดือนมิถุนายนที่ระดับ 64.9 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ ณ ระดับ 63.0 อีกทั้งตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของเยอรมันประจำเดือนมิถุนายนที่ระดับ 58.1 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ ณ ระดับ 55.8 โดยระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1910-1.1945 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1935/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (23/6) ที่รดับ 110.76/77 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่า จากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (22/6) ที่ระดับ 110.47/48 เยน/ดอลลาร์สหรัฐค่าเงินเยนอ่อนค่าหลังจากสถาบัน Markit ได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของญี่ป่นประจำเดือนมิถุนายนที่ระดับ 51.5 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ ณ ระดับ 53.2 นอกจากนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมเดือเมษายนในวันนี้
โดยระบุว่ากรรมการบริหารของ BOJ มีความเห็นตรงกันเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่บรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วได้นำมาใช้นั้น อาจทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นและเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ว่า BOJ จะยังคงนโยบายการเงินที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง โดยคาดหวังว่านโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษและโครงการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ BOJ นำมาใช้อยู่ในขณะนี้ จะช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวในระดับปานกลางอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตาเรื่องความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนประชากรและผลลัพธ์ของโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 110.61-110.63 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 110.93/94 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (23/6), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (23/6), รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งสหราชอาณาจักร (24/6), ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมของสหรัฐ ไตรมาสต่อไตรมาส (24/6), ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐ (24/6), ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐ (25/6) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (25/6)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ 0.00/0.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ 5.20/6.40 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับ: ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังเฟดย้ำไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน # การเงินการลงทุน