เปิดประวัติ Bitkub ธุรกิจแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตอลสัญชาติไทย ถอดมุมมองแนวคิด “ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ซีอีโอวัย 31 ปี หลังบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS ลงทุน 1.78 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นเกินครึ่ง
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ประกาศส่ง SCBS เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บิทคับ ออนไลน์ สัดส่วน 51% มูลค่า 1.78 หมื่นล้านบาท พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรวางรากฐานธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มุ่งสร้างการเติบโตระยะยาว ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
SCBS ควัก 1.78 หมื่นล้าน เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ “บิทคับ ออนไลน์”
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมข้อมูลของบริษัท Bitkub หรือ “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” รวมถึงมุมมองแนวคิดของ “ท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
ภารกิจเราคือการปฏิวัติวิถีทางการเงินของทุกคน
“ภารกิจเราคือการปฏิวัติวิถีทางการเงินของทุกคน” นั้นปรากฎบนเว็บไซต์ Bitkub บริษัทก่อตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรุ่นใหม่สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้บริการเหนือระดับแก่บุคคลทั่วไป ให้สามารถซื้อ ขายและเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ตามต้องการ บริษัทได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยทุนจดทะเบียน 290 ล้านบาท และมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย
4 ปรัชญาเสาหลักค้ำจุนบิทคับ
ความถูกต้อง (Intregity) ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์และความถูกต้องสมบูรณ์ในทุกๆ กระบวนการ
ลูกค้าต้องมาก่อน (Customer) ความจำเป็นและสวัสดิภาพของลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ
ประสิทธิภาพ (Efficiency) รักษามูลค่าเงินด้วยบริการทางการเงินแบบไร้แรงเสียดทาน
นวัตกรรม (Innovation) เราเปลี่ยนความคิดให้เป็นจริงและเสนอกรณีการใช้คริปโตเคอเรนซีต่าง ๆ
ท็อป จิรายุส CEO ดีกรีออกซฟอร์ด
ท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซีอีโอของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บิทคับ ออนไลน์ หนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี ที่ให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้าน ICO และบริการแก้ปัญหาบล็อกเชน
ในช่วงชีวิตการทำงานของท็อปนั้นได้อุทิศให้กับอุตสาหกรรมบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล และเขายังเป็นอดีตผู้ก่อต้ังเว็บซื้อขายบิทคอยน์รายแรกของไทยนามว่า Coins.co.th
ก่อนหน้านี้ จิรายุส ได้ทำงานด้านวาณิชธนกิจและเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เคยทำงานให้กับธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ในด้านการศึกษา จบปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด อังกฤษ
เส้นทางสู่บิตคอยน์
จิรายุส บอกกับประชาชาติธุรกิจว่า ตอนเด็ก ๆ เป็นคนเกเรไม่ตั้งใจเรียน มีผลการเรียนต่ำจนกลายเป็นปมในใจ พอเข้ามหาวิทยาลัยจึงพยายามเปลี่ยนตัวเอง อ่านหนังสืออย่างหนักทุกวัน จนสามารถสอบเข้าสาขาเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร
ทั้งยังคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองได้ จากนั้นยังคงเรียนต่อในสหราชอาณาจักร โดยสอบเข้าระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก อย่างมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สาขาเศรษฐศาสตร์ได้
บริหารแบบทำสงคราม
ใน 2 ปีแรก บริษัทของเขามีพนักงาน 40 คน เขาบอกว่า ผมสวมหมวก war time เป็นซีอีโอแบบที่รบในสงคราม เพราะการทำธุรกิจสตาร์ตอัพช่วงแรกต้องรีบทุกอย่าง เพื่อจะทำให้บริษัทมีกำไรภายในช่วงรันเวย์ (runway) ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเงินทุนหมด และจะไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีรายได้
โดยส่วนใหญ่บริษัทสตาร์ตอัพมีรันเวย์อยู่ที่ 18 เดือน ถึง 2 ปีเท่านั้น ดังนั้น การรีบทำทุกอย่างเพื่อหากำไรจึงเปรียบเสมือนการประกอบเครื่องบินรบให้ทันก่อนที่จะถูกโจมตีนั่นเอง
ช่วง war time ต้องใช้วิธีบริหารองค์กรที่ผู้บริหารเป็นเหมือนแม่ทัพ คอยสั่งการทิศทางต่าง ๆ และพนักงานต้องทำตามกระบวนการที่ผู้บริหารกำหนด ซึ่งการบริหารแบบนี้สร้างความท้าทายในเรื่องของประสิทธิภาพ (efficiency) หน้าที่ของผมตอนนั้น คือ ต้องเค้น efficiency ของทุกคนออกมาให้ได้มากที่สุด และต้องได้ผลลัพธ์ที่สูง
กลยุทธ์สร้างนาฬิกา
เขาอธิบายว่า หลังจากผ่าน 2 ปีแรก บริษัททำกำไรแล้ว จึงเปลี่ยนมาสวมหมวก peace time เป็นซีอีโอช่วงสงครามสงบ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรื่องเงินไม่ใช่อุปสรรคและเราก็มีเวลา ดังนั้น ผู้บริหารต้องหันมาดูเรื่องวัฒนธรรมองค์กรเป็นหลัก ดูค่านิยมองค์กร และจุดประสงค์ขององค์กรที่ต้องเป็นตนเอง (authentic) ไม่เหมือนใคร
ที่สำคัญจะต้องมี Chief People Officer หรือผู้บริหารระดับสูงด้านการบริหารคน ส่วนวิธีการบริหารองค์กรในช่วงนี้จะตรงข้ามกับที่ทำใน war time เกือบทุกอย่าง
“ผู้บริหารในเฟสนี้คือคนที่สร้างนาฬิกา หมายความว่า เป็นคนที่ออกแบบองค์กร (organizational design) จะต้องกระจายอำนาจการตัดสินใจ (decentralize decision making) โดยต้องให้ทีมตัดสินใจแทน และให้โอกาสพวกเขาทำผิดพลาดบ้าง ให้พวกเขาทดลองทำสิ่งที่อยากทำ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
ซึ่งข้อดีคือ คนที่ทำผิดพลาด เขาจะโตขึ้น และผมเชื่อว่าการที่พนักงานมีทัศนคติและความเชื่อเดียวกับองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เก่งมาก แต่พอมีความเชื่อเหมือนเรา เราก็จะปั้นเขาให้เก่งได้”
แต่แค่ decentralize decision making ยังไม่พอ ผู้บริหารต้องให้ข้อมูลต่าง ๆ กระจายไปหาพนักงานอย่างรวดเร็วด้วย เพราะการที่พนักงานจะตัดสินใจได้ดี และทำงานได้ดี พวกเขาต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ครบก่อน
เลือกคนเก่งกว่าค่าเฉลี่ย
เขามองว่า บริษัทคือค่าเฉลี่ยของคน ดังนั้น บริษัทที่มีแต่คนมีความสามารถปานกลาง ระดับทั่วไป (average) จะส่งผลให้บริษัทอยู่แค่ระดับปานกลางในอุตสาหกรรมนั้น ๆ เท่านั้น แต่สำหรับ Bitkub จะเลือกรับคนที่มีความสามารถสูงกว่าค่าเฉลี่ย
โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า hire slow and fire fast คือ การสรรหาคัดเลือกพนักงานที่ดูให้ดี ดูนานๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พนักงานทำงานที่ส่งผลเสียแก่องค์กร ก็ต้องให้ออกอย่างเร็วที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย
สอนทักษะสร้างผู้นำ
เขาย้ำว่า ชุดความรู้ความสามารถ (skillset) ในช่วง peace time คือ การสร้างความเชื่อใจกัน และสร้างทักษะความเป็นผู้นำ
โดยโครงสร้างความเป็นผู้นำที่สำคัญของ Bitkub คือ การทำให้ C-level หรือผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ใช่ผู้ร่วมก่อตั้งเชื่อใจกัน กล้าที่จะแชร์ข้อมูลกัน และสามัคคีกัน ผมจึงเริ่มที่ตัวผมก่อน และสร้างค่านิยมองค์กรตัวหนึ่งที่เรียกว่า earn trust เริ่มจากผมที่แสดงความเชื่อใจกับพนักงาน และแชร์ข้อมูลที่สำคัญให้พวกเขา
“นอกจากนั้น เรามีโปรแกรมพัฒนาทักษะที่เรียกว่า AMA (Ask Me Anything) session คือ ทุกสัปดาห์ พนักงานทุกคนจะรวมตัวกัน คนที่อยากจะสอนเรื่องใหม่ ๆ ให้เพื่อนพนักงานได้รู้ ก็สามารถจองห้องประชุม และพนักงานจะกระจายไปเรียนรู้ตามห้องต่าง ๆ และทุกวันพฤหัสบดีเรามีกิจกรรมเรียกว่า Thirsty Thursday เป็นการพบปะคนที่อยู่ในทีมวัฒนธรรม เพื่อพูดคุยเรื่องวัฒนธรรมองค์กรในบรรยากาศสังสรรค์ และเป็นกันเองหลังเลิกงาน”
ถอดมุมคิด “Bitkub” เราเลือกคนเก่งกว่าค่าเฉลี่ย
ออฟฟิศยุคใหม่ ใส่ใจพนักงาน
ออฟฟิศ Bitkub เป็นสถานที่ทำงานที่ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ผสานศิลปะเข้ากับการทำงานอย่างลงตัว เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่อาคาร FYI Center ตรงสี่แยก ถ.รัชดาฯ-พระราม 4 ซึ่งเป็นอาคารที่ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการทำงาน
นายจิรายุส เปิดเผยว่า หลักการสร้างพื้นที่ทำงานของ Bitkub คืออำนวยความสะดวกพนักงานทุกด้านเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดภาระและเวลา ไม่ให้พนักงานต้องกังวลกับเรื่องอื่น ๆ ในที่ทำงาน เพื่อจะได้ทำงานอย่างเต็มที่
ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมอาหารเช้า, กลางวัน และของว่างให้ ถ้ารู้สึกเมื่อยล้าก็สามารถไปใช้บริการที่ห้องนวด ซึ่งมีเก้าอี้นวดหลายตัวเตรียมไว้ มีห้อง nap room สำหรับนอนพักด้วย นอกจากนั้นยังมีห้องตัดผมให้พนักงาน จะได้ไม่ต้องไปรอคิวร้านข้างนอก
ส่วนแปลนออฟฟิศที่นี่เป็นแบบ open office ไม่มีพาร์ทิชั่นกั้นระหว่างแผนกและโต๊ะ ทำให้การสื่อสารไหลลื่นไม่มีสะดุด ส่วนผนังสีขาวรอบออฟฟิศสามารถใช้เป็นกระดานเขียนได้ มีตู้โทรศัพท์สำหรับการคุยที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และมีพื้นที่กลางแจ้งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศด้วย
ห้องประชุมใช้ชื่อของเหรียญคริปโต เช่น ห้องบิตคอยน์ เป็นห้องประชุมใหญ่สุด, อีเธอเรียมเป็นห้องขนาดกลาง และโมเนโร่เป็นห้องเล็กสุด ในขณะที่โถงกลางขนาดใหญ่ใช้จัดงานสังสรรค์ของพนักงาน, ลูกค้า และพันธมิตรตามหัวข้อต่าง ๆ
ทั้งนี้ ผู้บริหารที่ Bitkub จะไม่มีห้องทำงานส่วนตัว แต่จะมีห้องใหญ่ 1 ห้อง สำหรับระดับผู้บริหารนั่งคุยงานกัน เพราะส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ข้างนอกร่วมกับพนักงาน และเดินไปมามากกว่าอยู่กับที่
“Bitkub” ออฟฟิศยุคใหม่ ตอบโจทย์สไตล์พนักงานอย่างลงตัว
อ่านข่าวต้นฉบับ: Bitkub ความสำเร็จของ ท็อป จิรายุส ซีอีโอหมื่นล้าน หลัง SCBS ซื้อหุ้น 51%
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน