บล.ฟิลลิป ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนสูงในกรอบระหว่าง 1,610-1,630 จุด รอผลประชุมเฟด กางสถิติ 4 เซ็กเตอร์เด่นหลังเฟดทำ QE Tapering รอบปี 56 บวกแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์โควิดดีขึ้น
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index เช้านี้จะแกว่งตัวผันผวนสูงในกรอบระหว่าง 1,610-1,630 จุด รอผลการประชุม FOMC ครั้งที่ 7 คืนนี้ที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะประกาศทำ QE Tapering แม้ว่าทางฝ่ายวิจัยจะคาดว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยรอบนี้จะจำกัด เนื่องจากสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติต่อมูลค่าตลาดลดลงจากประมาณ 33% ในปี 56 เหลือเพียง 26% ในปีนี้
แต่ระยะสั้นฟันด์โฟลว์จะไหลออกจากตลาดหุ้นฝั่ง Emerging Market กลับไปตลาดฝั่ง Developed Market ทั้งนี้จากสถิติการทำ QE Tapering ครั้งก่อนบ่งชี้ว่าตลาดฝั่ง Developed Market มีผลตอบแทนโดดเด่นกว่า จึงต้องระวัง SET Index หลุดแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,600-1,605 จุด ที่หากไม่สามารถยืนได้มีโอกาสเกิดการพักฐานครั้งใหญ่ก่อนจะกลับมาแกว่งตัวออกข้าง
สำหรับมุมมองต่อการประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย. 2564 เชื่อว่า Fed มีโอกาสสูงที่จะประกาศทำ QE Tapering ทันทีหลังจบการประชุมด้วยการลดวงเงินเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน เป็นเวลาจำนวน 8 เดือนจนครบวงเงินการทำ QE ประมาณ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะครบกำหนดในเดือน มิ.ย. 2565
สิ่งสำคัญที่ต้องติดตามจากการประชุมในครั้งนี้คือ มุมมองเงินเฟ้อจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ที่หากแสดงถึงความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและยาวนานกว่าคาดการณ์ไว้ Fed อาจเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าถึง 2 ครั้งในเดือน ก.ค. และ ธ.ค. 2565 โดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ราว 0.50-0.75% แต่ Fed จะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากมองว่าเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลงสู่ระดับปกติในช่วงกลางปีหน้า
โดยจากการที่ทางฝ่ายวิจัยรวบรวมสถิติ Sector เด่น หลังการทำ QE Tapering รอบปี 56 ผนวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น จึงมองว่ามี Sector และหุ้น Top pick เด่น ๆ ที่น่าสนใจลงทุน ดังนี้ 1.กลุ่มสื่อสาร : ADVANC 2.กลุ่ม Health Care : BDMS, BCH 3.กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ : KCE, HANA และ 4.กลุ่มขนส่งสาธารณะ : BEM
อ่านข่าวต้นฉบับ: หุ้นไทยผันผวนสูง 1,610-1,630 จุด รอผลประชุมเฟด
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน