ธปท.ส่งหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง ประกาศการขยายเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ หรือ FIDF เป็นการชั่วคราวอีก 1 ปี จากอัตรา 0.46% ต่อปี เป็น 0.23% ต่อปี จนถึงสิ้นปี’65 จากสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อ และหลังจากนั้นให้นำส่งเงินในอัตรา 0.46% ต่อปีในงวดเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2566 มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง เรื่องประกาศ การกำหนดอัตราเงินนำส่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการส่งเงิน และการนำส่งเงินเพิ่มเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2564 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565
โดยสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือ การขยายเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เป็นการชั่วคราวอีก 1 ปี จากอัตรา 0.46% ต่อปี เป็น 0.23% ต่อปี สำหรับการนำส่งเงินงวดเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2565 และงวดเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2565 หลังจากนั้นให้นำส่งเงินในอัตรา 0.46% ต่อปี สำหรับการนำส่งเงินตั้งแต่งวดเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตามประกาศ ธปท. ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 กำหนดให้สถาบันการเงินส่งเงินนำส่งเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เงินนำส่งฯ ปีละ 2 งวด ในอัตรา 0.46% ต่อปี ซึ่งต่อมาในปี 2563 มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยรวมทั้งกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม
ธปท. จึงได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่ สกส 1. 1/2563 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินนำส่ง หลักเกณฑ์และวิธีการ ในการส่งเงินนำส่ง และการนำส่งเงินเพิ่มเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 7 เมษายน 2563 ปรับลดอัตราเงินนำส่งฯ ลงจากอัตรา 0.46% ต่อปี เป็น 0.23% ต่อปี เป็นการชั่วคราวในช่วงปี 2563 ถึง 2564 นั้น
โดยในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าทั้งภาครัฐและสถาบันการเงินจะได้เร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง อาทิ มาตรการพักชำระหนี้และการส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อลดภาระทางการเงินรวมถึงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจเพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 มีความยืดเยื้อและมีความไม่แน่นอนสูง ก่อให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจและประชาชนในวงกว้าง
ธปท. จึงเห็นควรขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เป็นการชั่วคราว ให้อยู่ที่ระดับ 0.23% ต่อปี ออกไป จนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินมีภาระต้นทุนทางการเงินที่ลดลงและสามารถส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงดังกล่าวนี้ไปช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวต้นฉบับ: ธปท. ขยายเวลาปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯชั่วคราว 1 ปี มีผล 1 ม.ค. 65
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน