ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,580-1,600 จุด โควิดกดดันอัพไซต์ผ่านแนวต้านใหญ่ 1,600 จุด ประชุม OPEC+ ตลาดคาดปรับเพิ่มกำลังการผลิต 500,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. เพื่อให้เพียงพอต่ออุปสงค์น้ำมันดิบโลก ด้าน EIA เผยสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อน ลดลงมา 6.7 ล้านบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงปรับตัวขึ้นได้ จับตาถ้อยแถลงของประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” ในงานฉลองครบรอบ 100 ปี พรรคคอมมินิสต์จีน “บล.ฟิลลิป” แนะคงกลยุทธ์ Selective Play เก็งกำไรระยะสั้นในสัดส่วนไม่เกิน 30% ของพอร์ตการลงทุน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดเช้านี้ SET Index จะแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,580-1,600 จุด วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในช่วงแรกจากความคาดหวังการทำ Window Dressing ปิดไตรมาส 2 ก่อนปรับตัวลงมาในช่วงท้ายตลาดด้วยแรงขายจากหุ้นกลุ่มพลังงานเพื่อลดความเสี่ยงรอติดตามผลการประชุม OPEC+ วันนี้
ประกอบกับการแพร่ระบาดภายในประเทศของ COVID-19 กดดันอัพไซต์ของตลาดทำให้ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านใหญ่ที่ 1,600 จุดได้ ต้องติดตามการประกาศตัวเลข Caixin Manufacturing PMI ของจีน และถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในงานฉลองครบรอบ 100 ปี พรรคคอมมินิสต์จีน โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายของจีนในอนาคต ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการต่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน คงกลยุทธ์ Selective Play เก็งกำไรระยะสั้นในสัดส่วนไม่เกิน 30% ของพอร์ตการลงทุน
มุมมองการประชุม OPEC+ ตลาดคาดว่าการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันนี้จะปรับเพิ่มกำลังการผลิต 500,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. 64 เพื่อให้เพียงพอต่ออุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการกลับมาเปิดเมืองและเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐและยุโรป ทำให้คาดการณ์อุปทานน้ำมันจะขาดแคลนตั้งแต่เดือน ส.ค. 64 เป็นต้นไป และในไตรมาส 4 ของปีนี้อุปทานน้ำมันจะขาดแคลนถึง 2.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ประกอบกับแรงหนุนจาก EIA เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อน ลดลงมา 6.7 ล้านบาร์เรล โดยปรับตัวลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.6 ล้านบาร์เรล จึงทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงปรับตัวขึ้นได้
ส่วนความคืบหน้าวัคซีน COVID-19 ของไทย การจัดหาวัคซีนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ต้องให้ความสำคัญโดยเฉพาะเมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่จะเร่งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตของไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือน ก.ค. 64
โดยล่าสุดทางญี่ปุ่นจะส่งมอบวัคซีน AstraZeneca ให้ประเทศไทยจำนวน 1.05 ล้านโดส และ ศบค. ได้ปรับแผนจัดหาวัคซีนเป็น 150 ล้านโดสภายในปี 2565 ทั้งนี้ความคืบหน้าของวัคซีนยี่ห้ออื่นมีดังนี้
1.Jhnson&Johnson รมว. สาธารณสุข เผยว่าไม่สามารถติดต่อกับตัวแทนขายของบริษัทได้
2.Pfizer ปีนี้จะสั่งซื้อรวม 20 ล้านโดส ที่คาดว่าจะเข้ามาช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
3.วัคซีนทางเลือก Moderna ที่ล่าสุดองค์การเภสัชกรรมเผยเตรียมทำสัญญาสั่งซื้อในช่วง
เดือน ส.ค.64 จำนวน 5 ล้านโดส โดยจะเข้ามา 3.9 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ และอีก 1.1 ล้านโดส ในไตรมาส 1 ปี 2565
ทางฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นปัจจัยหนุนเนื่องจากผลวิจัยล่าสุดเผยว่าวัคซีนของ Moderna มีประสิทธิภาพรับมือไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ทั้งนี้ ความเสี่ยงยังอยู่ที่การจัดหาวัคซีนที่ล่าสุดตัวแทนจำหน่าย Moderna เผยว่าโควตาวัคซีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เต็มแล้ว หากสั่งซื้อช้ากว่านี้อาจได้รับอีกทีปีหน้า เป็นความเสี่ยงที่ไทยอาจได้รับวัคซีนล่าช้าออกไป
อ่านข่าวต้นฉบับ: โควิดกดดันอัพไซต์ตลาดหุ้นไทยไม่สามารถผ่านแนวต้านใหญ่ 1,600 จุด
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน