ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb หนุนสร้างระบบนิเวศเชื่อมโยงรายใหญ่-เอสเอ็มอี เร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ชี้ เอสเอ็มอีช่วยจ้างงาน 17 ล้านคน แต่ติดหล่มเข้าไม่ถึงแหล่งรายได้-ขีดความสามารถการแข่งขันถูกดิสรัปชั่น มั่นใจระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีบทบาทสำคัญกระจายสภาพคล่อง เผยโมบายแบงกิ้งผ่านเฟส 1 เร่งต่อยอดสู่โปรดักต์การลงทุน-ประกัน-ออมเงินระยะยาว พร้อมเดินคู่ขนานโลกใหม่-โลกเก่า
วันที่ 13 กันยายน 2564 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb กล่าวว่า อนาคตการเติบโตของสถาบันการเงิน จำเป็นจะต้องมีระบบนิเวศ (Ecosystem) หากเศรษฐกิจของประเทศเติบโตไม่ดี ภาคธนาคารพาณิชย์ก็คงเติบโตไม่ได้ดี ซึ่งประเทศไทยมีความแตกต่างจากประเทศอื่น โดยคนไทยพึ่งพาธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างสูง ขณะที่สิงคโปร์พึ่งพาตลาดทุน หรือสหรัฐฯ พึ่งพาตลาดตราสารหนี้ อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 ตลาดมีความสำคัญทั้งหมด
ทั้งนี้ จะเห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่จะเป็นผู้สร้างอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ส่วนบริษัทขนาดกลางและเล็กสร้างการจ้างงาน อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าบริษัทขนาดกลางและเล็กติดหล่มก่อนจะเกิดการระบาดของโควิด-19 รวมถึงธนาคารพาณิชย์ที่ติดหลุ่มดูได้จาก P/E ไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.6% และ ROE เฉลี่ยอยู่ที่ 6-7% จากเดิมเคยอยู่ที่ตัวเลข 2 หลัก
ดังนั้น หากทำให้เศรษฐกิจไปได้ระบบธนาคารพาณิชย์ก็จะมีบทบาทมากขึ้น เพราะไทยพึ่งพาระบบธนาคารสูง เช่น สหรัฐฯ กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านตลาดตราสารหนี้ โดยธนาคารพาณิชย์มีบทบาทในการกระจายทรัพยากรของประเทศ คือ เงินฝากที่มีกว่า 13 ล้านล้านบาท เพื่อกระจายความมั่งคั่งไปในแต่ละกลุ่มให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา 1 ใน 3 ถูกกระจายไปอยู่ที่บริษัทขนาดใหญ่ แต่ที่ผ่านมาบริษัทสามารถระดมทุนผ่านตราสารหนี้จึงพึ่งพาระบบะธนาคารพาณิชย์น้อยลง แต่ธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มมีปัญหา เพราะการเติบโตในประเทศทำได้ยากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ติดหล่มมากขึ้น เพราะไม่มีอัตราการเติบโต ไม่มีกำไร ทำให้ความยั่งยืนก็ขาดหายไปด้วย เนื่องจากเอสเอ็มอีถูกท้าทายด้วยดิสรัปชั่นและความสามารถในการแข่งขัน โดยในส่วนภาคประชาชน แม้ว่าจะถูกส่งความช่วยเหลือเป็นอันดับ 1 แต่การเติบโตแบบข้างเดียว เพราะกู้เงินและนำไปจับจ่าย โดยไม่เหลือสินทรัพย์ก็ไม่ก่อให้เกิดความยั่งยืน
“บริษัทใหญ่จ้างงาน 5 ล้านคน บริษัทกลางและเล็กจ้างงาน 17 ล้านคน เราจะเติบโตได้อย่างไร เมื่อเอสเอ็มอียังคงติดหล่ม โดยสิ่งที่ต้องทำ คือ การให้รายใหญ่เพิ่มผลิตภาพสินค้า และแบงก์พาออกไปต่างประเทศ เพื่อดึงการเติบโตเข้าประเทศ ส่วนเอสเอ็มอีต้องนำนวัตกรรมที่แบงก์สร้างขึ้นให้สามารถเชื่อมคู่ค้ารายใหญ่เข้าด้วยกัน โดยเรามองว่าการเข้าถึงและไม่ถึงสินเชื่อเป็นที่ปลายเหตุ เพราะรายย่อยเป็นหนี้ จะต้องหาทางให้สามารถใช้หนี้ได้ โดยประเด็นเอสเอ็มอีไม่ใช่ประเด็นเรื่องแหล่งเงินทุน แต่เข้าไม่ถึงแหล่งรายได้ เพราะการค้าขายทำไม่ได้ จึงจำเป็นต้องให้รายใหญ่จับมือเอสเอ็มอี เพราะหากปล่อยสินเชื่อไปเป็นหนี้ก็เหมือนกู้ไปตาย แต่ต้องให้เข้าถึงแหล่งรายได้ด้วย ส่วนรายย่อยจะต้องช่วยเรื่องความรู้ทางการเงิน การรวมหนี้ และออกโปรดักต์คุ้มครอง ซึ่งทีทีบีทำมาโดยตลอด และควรร่วมกันระหว่างธปท. แบงก์ และอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน”
สำหรับระบบแบงกิ้งไทย มองว่า ธนาคารพาณิชย์ได้ผ่านเฟส 1 บนโมบายแบงกิ้งเพื่อทำธุรกรรมโอนเงิน และชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ ไปแล้ว แต่โมบายแบงกิ้งมีความต้องการที่มากกว่าการทำธุรกรรมพื้นฐานเท่านั้น โดยทุกคนเริ่มขยับไปเป็นแพลตฟอร์มการเงิน การค้า แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่สามารถทำได้ เช่น เรื่องของธุรกิจประกัน จะทำอย่างไรให้คนเข้าถึง การขอสินเชื่อ การลงทุนและการออมระยะยาว โดยวิธีการจะต้องง่ายและสะดวก แม้ว่าจะหลายสถาบันทำไปแล้ว แต่จะเห็นว่าเป็นวงเงินขนาดเล็กๆ แต่วงเงินขนาดใหญ่คนยังคงเข้าสาขา ซึ่งสะท้อนความต้องการของแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไปดังนั้น โมบายแบงกิ้งจะสามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มไม่ได้ แต่จะต้องทำควบคู่กันระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่
“เราเพิ่งจะเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 6 แต่มองว่าศักยภาพแบงก์ไทยสูงมาก และสามารถลุยออกไปในภูมิภาคได้ โดยโมบายแบงกิ้งของไทยไม่แพ้ใครในเรื่องของความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจากเดิมจะบุกไปตั้งสาขาจำนวนมาก แต่วันนี้บุกไปด้วยโลกดิจิทัลไปสู่ภูมิภาค และความเชื่อมั่นต่อระบบแบงก์ไทยมีค่อนข้างสูง จึงควรใช้ความสามารถนี้ในการรุกธุรกิจโมบายแบงกิ้งไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนทีทีบีคงทยอยออกฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาหลังจากก่อนหน้านี้มุ่งเน้นการควบรวมกิจการ”
อ่านข่าวต้นฉบับ: ttb หนุนสร้างระบบนิเวศรายใหญ่-เอสเอ็มอีพยุงเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน