โบรกฯชี้เทรนด์เล่นหุ้นครึ่งปีหลังเน้น “หุ้นใหญ่-ปันผลเด่น” ต่างจากครึ่งปีแรกเน้นหุ้นเล็ก “บล.กสิกรไทย” มอง “STA-STGT” โดดเด่นสุดจ่ายปันผลสูง 13-15% รองลงมาเซ็กเตอร์ “อสังหาฯ-ไฟแนนซ์-รีท”ฟาก “บล.เคทีบี” แนะเข้าเล่นชุดแรก “หุ้นปันผลกลางปี” จ่ายช่วง ก.ค.-ส.ค.ก่อนช็อปปิ้งหุ้นปันผลปีละครั้งช่วง พ.ย.-ธ.ค./รอซื้อจังหวะย่อตัวลึก
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงครึ่งปีหลังการลงทุนในหุ้นจะแตกต่างไปจากช่วงครึ่งปีแรกอย่างมีนัย เนื่องจากครึ่งปีแรกนักลงทุนจะเล่นหุ้นเล็กเป็นส่วนใหญ่ และไม่สนใจหุ้นปันผล แต่ครึ่งปีหลังน่าจะกลับมาเล่นหุ้นใหญ่และหุ้นคุณค่า (value stock) และออกจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
โดยภาพรวมหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด คือ หุ้นถุงมือยาง ทั้ง บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) และ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) ซึ่งคาดการณ์อัตราเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) ในปีนี้จะมากกว่า 13% และมากกว่า 13-15% (ตามลำดับ)
รองลงมาเป็นเซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ มีค่าเฉลี่ยของกลุ่มในการจ่ายเงินปันผลอยู่ประมาณ 6% ซึ่งมีบริษัทที่จ่ายปันผลสูงระดับ 5-6% อาทิ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PSH), บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP), บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI), บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เป็นต้น
ส่วนหุ้นอีกกลุ่มที่จ่ายปันผลสูงประมาณ 3-5% คือ กลุ่มไฟแนนซ์อย่าง บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK) จ่ายปันผลในระดับ 5% และ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) จ่ายปันผลประมาณ 3%
“ถ้าจะเล่นหุ้นปันผล ความเสี่ยงต่ำ ๆ ไม่หวังกำไรจากการขายหุ้น (capital gain) อีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือ เซ็กเตอร์ไอซีที โดยเฉพาะกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ซึ่งจ่ายปันผลระดับ 8-9% ส่วนหุ้นที่ยังไม่สามารถจ่ายปันผลได้ คือ หุ้นสายการบิน และโรงแรม”
นายสรพลกล่าวด้วยว่า ส่วนการลงทุนหุ้นที่ราคายังมีอัพไซด์สูง ต้องมองว่าในความจริงแล้วบางตัวไม่ได้น่าสนใจซื้อเพราะอาจจะทำให้ราคาหุ้นย่อตัวลง แต่ถ้าจะเล่นต้องดูว่าเซ็กเตอร์ไหนที่มีอัพไซด์มากกว่า 20% ขึ้นไป อาทิ เซ็กเตอร์ก่อสร้างอย่าง บมจ.ช.การช่าง (CK) และเซ็กเตอร์ธนาคาร ซึ่งแต่ละตัวมีอัพไซด์สูงมากประมาณ 20-30% หากจะเล่นควรดูแบงก์ที่ความเสี่ยงต่ำและมีปันผลรองรับอย่าง บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งจ่ายปันผลกว่า 5%
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์บล.เคทีบีเอสที (ประเทศไทย) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลงทุนหุ้นปันผลสูงจะแบ่งการเล่นออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ หุ้นที่จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง, หุ้นที่จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง, หุ้นที่จ่ายปันผลไตรมาสละ 1 ครั้ง
ซึ่งหุ้นชุดแรกที่นักลงทุนจะเข้ามาเล่น คือ หุ้นที่จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยช่วงนี้เป็นการจ่ายปันผลกลางปีที่จะประกาศจ่ายปันผลช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้
เช่น บมจ.น้ำมันพืชไทย (TVO) และ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) โดยคาดการณ์อัตราเงินปันผลตอบแทนในปีนี้ประมาณ 7% และ 8% (ตามลำดับ) ส่วนหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงแต่จ่ายเป็นรายไตรมาสคือกลุ่มถุงมือยาง ทั้ง STA และ STGT คาดการณ์ dividend yield ปีนี้สูงเกิน 10% อย่างไรก็ดี นักลงทุนต้องคำนึงถึงราคาหุ้นด้วยตัวเอง
ส่วนหุ้นปันผลชุดที่เหลือนักลงทุนสามารถซื้อหุ้นเก็งปันผล 2 ช่วง คือ ซื้อตามปกติกับช็อปปิ้งช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. (ซื้อก่อนสิ้นงวด) ซึ่งจะเป็นหุ้นปันผลปีละครั้ง เช่น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จ่ายปันผลประมาณ 7% หรือ AP จ่ายปันผล 5% และ บมจ.ทีเอ็มที สตีล (TMT) จ่ายปันผล 5%
“การเล่นหุ้น dividend play จะมีจังหวะการลงทุนอีกแบบหนึ่ง คือ จังหวะเวลาในการซื้อ เช่น นักลงทุนจะซื้อหุ้น TISCO ไม่จำเป็นต้องไปรอซื้อช่วงปลายปีแต่จะมีจังหวะที่ราคาย่อตัวลงลึกไปแตะระดับ 80-85 บาท จากราคาหุ้นปัจจุบันที่ 89 บาท (ปิดตลาดวันที่ 24 มิ.ย. 2564) ซึ่งจังหวะนั้นเข้าไปซื้อได้”
นายมงคลกล่าวด้วยว่า ส่วนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ราคาหุ้นลงมาลึก นักลงทุนไม่แน่ใจตัวสินทรัพย์ หลัง ๆ จึงไม่ค่อยแนะนำซื้อ แต่ถ้าจะแนะนำกองใหญ่สุด คือ ทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ซึ่งจะจ่ายปันผลไตรมาสละครั้ง นอกจากนี้ จะมีกลุ่มเซ็กเตอร์หลักทรัพย์ซึ่งจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คือ บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) ซึ่งจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง จ่ายปันผลกว่า 8%
อ่านข่าวต้นฉบับ: ชี้เทรนด์เล่นหุ้นใหญ่ครึ่งปีหลัง โบรกส่องกลุ่มถุงมือยาง “จ่ายปันผล” เด่น
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน