แม้ทั่วโลกจะเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 แต่ด้วยแต้มต่อจาก FTA ผลักดันให้ไทยยังรักษาการส่งออกไปตลาดจีนและอินเดียได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัด Webinar หัวข้อ “FTA นำเกษตรไทย ทะลุโควิด ตะลุยตลาดมังกรและแดนภารตะ” โดยมีผู้แทนภาครัฐและเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล
FTA แต้มต่อส่งออกไทย
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับจีนและอินเดีย ได้แก่ FTA อาเซียน-จีน ไทย-อินเดีย และอาเซียน-อินเดีย ส่งผลให้มีการยกเลิกการเก็บภาษีส่งออก ทำให้สินค้าไทยได้เปรียบเมื่อต้องแข่งขันกับสินค้าประเทศอื่น โดยนับตั้งแต่ปี 2548 ที่มี FTA ไทย-จีน การส่งออกไปจีนขยายตัว 225% และนับตั้งแต่ปี 2547 ที่มี FTA ไทย-อินเดีย ช่วยการส่งออกไปอินเดียขยายตัว 500%
ล่าสุดในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) 2564 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนมูลค่า 4,459 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 45% และส่งออกสินค้าเกษตรไปอินเดียมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 84%
โควิดไม่สะเทือนส่งออก
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยกล่าวว่า ผลจากโควิดไม่กระทบ 2 ตลาดส่งออกนี้ โดยเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการส่งออกอาหารไทยไปตลาดจีนและอินเดีย ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ม.ค.-พ.ค. 2562 เทียบช่วงเดียวกันของปี 2564 พบว่าสัดส่วนการส่งออกไปจีนเพิ่มจาก 16% เป็น 26% ของมูลค่าการส่งออก ขณะที่สัดส่วนการส่งออกไปอินเดียเพิ่มจาก 1% เป็น 2% หรือเติบโต 100% ถือว่าสูงมาก
“เอฟทีเอที่มีกับ 2 ประเทศสร้างโอกาสอย่างดีเยี่ยม ซึ่งไทยมองข้ามไม่ได้เลย 2 ประเทศรวมกันมีประชากร 40% ของโลก โดยปกติไทยส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรปีละ 1 ล้านล้านบาท บริโภคในประเทศ 2 ล้านล้านบาท บวกลบขึ้นลงเล็กน้อย หากไทยไม่มีเอฟทีเอระหว่างกันก็ยาก”
“เพราะก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าไทยค้าขายกับอินเดียยากมาก ด้วยอินเดียเองเป็นประเทศเกษตรกรรมเช่นกัน กฎระเบียบและภาษีสูง และยิ่งมีสถานการณ์การระบาดของโควิดนั้นส่งผลให้ซัพพลายหลายสินค้าอาหารขาด อินเดียจึงต้องนำเข้าสินค้า 8 กลุ่มหลัก เช่น สินค้าไขมันและน้ำมันอาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องเทศ และน้ำผลไม้ โดยเฉพาะเครื่องดื่มวิตามิน”
ขณะที่ตลาดจีน ผลไม้สด “ทุเรียนสด” เติบโตมาก การขายจากมณฑลหลักสู่มณฑลรองเริ่มมีโลจิสติกส์ดีมากขึ้น สำคัญมากสำหรับช่วงโควิด แม้ค่าระวางเรือแพง แต่ส่งผ่านทางบก หรือทางอากาศ นอกจากนี้ มีสินค้าไก่ เครื่องดื่ม ผักสด ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร เป็นต้น
และเป็นที่น่าสังเกตว่า “ฟิวเจอร์ฟู้ด” เป็นสินค้าที่มาแรงมากในอินเดียและจีน ดังนั้น เราควรส่งเสริมการลงทุนอาหารกลุ่มนี้ plant-based food รวมถึงอาหารเพื่อสุขภาพต่าง ๆ ก็เช่นกัน
อินเดียอ้าแขนรับไทย
นางสาวสายทอง สร้อยเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี อินเดียกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 นับจากปีที่ผ่านมาทำให้ 8 กลุ่มสินค้าหลักของไทยส่งออกไปอินเดียเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดการส่งออกสินค้า 8 กลุ่มของไทย 5 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 6,030 ล้านบาท โตขึ้น 196% เกือบเท่าปีที่แล้วของทั้งปี
“การลดภาษีตามเอฟทีเอให้ไทย 0-5% (ยกเว้นสินค้าอ่อนไหว) ช่วยลดข้อจำกัดส่งออก ทำให้ไทยส่งออกเพิ่มขึ้น สินค้าอาหาร สินค้าเกษตรไทยครองตลาดอินเดีย และไทยได้ดุลการค้าจากอินเดียเทียบกับกลุ่มเพื่อนบ้านที่ส่งไปยังอินเดียมากที่สุด อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย แต่สินค้ายังกระจุกตัว”
“ขณะที่ไทยเริ่มกระจายหลายสินค้า ซึ่งจะเห็นว่าตลาดอินเดียมีประชากร 1,300 ล้านคน มี 28 มลรัฐ สภาพสังคมเปลี่ยนเเปลงไป และยิ่งพฤติกรรมยุคใหม่อย่างกลุ่มมิลเลนเนียล และ generation Z นิยมสินค้าสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะฟิวเจอร์ฟู้ดและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ”
ตลาดจีนโตแรงกำลังซื้อสูง
หันมามองตลาดจีน นางสาวจีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า แม้ว่าปีที่แล้วจีนเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.3% และยังคงใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยกำลังซื้อสูงขึ้น
ประชากรมีความใส่ใจเลือกองค์ความรู้และยอมจ่ายซื้อสินค้าคุณภาพสูง ส่งผลให้การส่งออกผลไม้ขยายตัวกว่า 7 เท่า และที่สำคัญทำให้ตลาดอาหารสุขภาพ สินค้าฟิวเจอร์ฟู้ดมีมูลค่าตลาดถึง 2.9 แสนล้านล้านหยวน โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้มาแรงมาก
และผลจากนโยบายลูกคนที่ 3 เพื่อเร่งอัตราการเกิด ช่วยผลักดันการบริโภคสินค้าเกี่ยวกับเด็ก ครอบครัว ทำงานที่บ้าน อาหารสัตว์เลี้ยง เติบโตตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ช่องทางการซื้อผ่านออนไลน์และสตรีมผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (บุคคลมีชื่อเสียง) ยังเป็นที่นิยมสูงสุด ดังนั้น เอกชนต้องมุ่งเจาะตลาดจีนผ่านทางนี้ มีทั้ง Thaitrade.com หรือแพลตฟอร์มของผู้นำเข้า อาทิ Tmall Global, JD Worldwide และ Pinduoduo
อ่านข่าวต้นฉบับ: FTA นำเกษตรฝ่าโควิด คว้าตลาดจีน-อินเดีย
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจการค้า