ระทึกน้ำมันโลกแตะ 100 เหรียญสหรัฐ หลังโอเปกพลัสยืนมติคงการผลิตเพิ่ม 4 แสนล้านบาร์เรลตามเดิม สภาองค์กรผู้บริโภคฯ อัดรัฐ”บริหารผิด” จี้ปรับโครงสร้างราคาไทยไม่ควรแพง ด้านสหพันธ์ขนส่งฯ ดึงเอกชนร่วมผนึกกำลัง
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ”รายงานว่า ทั่วโลกยังต้องติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือ โอเปกพลัส ครั้งต่อไปในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2564 ที่เห็นให้ “คง” แผนเพิ่มกำลังการผลิตวันละ 4 แสนล้านบาร์เรลในเดือนธันวาคม โดยไม่สนใจข้อเสนอของสหรัฐที่ขอให้เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อผ่อนคลายราคาน้ำมันตลาดโลก
ล่าสุด สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ได้จัดเสวนา “รวมพลังผู้บริโภค สะท้อนปัญหาน้ำมันราคาแพง” แลกเปลี่ยนมุมมอง ซึ่งนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มอาจปรับสูงขึ้นไปแตะ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากปัจจุบันที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลได้เช่นกัน
พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไทยยุคนี้เสพติดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเกือบ 6 บาท/ลิตร เป็นหนึ่งในโครงสร้างราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2557 มาจนถึงปัจจุบัน ทำให้กลไกลราคาไม่สะท้อนความจริง มีการดึงเอาเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนราคา LPG สนับสนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้โครงสร้างราคาอิรุงตุงนังไปหมด ซึ่งไม่ว่ารัฐจะเสพติดอะไรก็แล้วแต่ รัฐควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนและต้องเร่งหาวิธีการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้ได้
ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวว่า เมื่อเทียบราคาน้ำมันไทยกับต่างประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า สหรัฐมีราคาเฉลี่ย 21-22 บาท/ลิตร มาเลเซีย 17.11 บาท/ลิตร ทั้งที่นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากไทย จากนั้นให้บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ (ปิโตรนาส) บริหารจัดการ หรือเมียนมา 24.84 บาท/ลิตร ขณะที่ไทยอยู่ที่ 29.69 บาท/ลิตร โดยรัฐจะใช้วิธีนำกำไรที่ได้คืนให้ประชาชนด้วยการขายน้ำมันหน้าปั้มราคาที่ถูก เอาส่วนกำไรไปอุ้มไม่ได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันมาอุดหนุนราคาน้ำมันเหมือนที่ไทยทำ สาเหตุที่ราคาน้ำมันไทยแพงกว่าประเทศอื่น จึงเป็นเรื่องของการจัดการที่ผิดพลาด เพราะถึงแม้ว่าต้นทุนน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นถึง 17 บาท/ลิตร ก็นับว่าไม่สูงและไม่ได้ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น
ขณะที่นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่สหพันธ์หยุดวิ่ง 1 สัปดาห์เพื่อเรียกร้องมาตรการดูแลราคาดีเซล คือ เรื่องจำเป็นเพื่อต่อสู้แทนตัวแทนอื่นๆ องค์กรอื่นก็ต้องช่วยกัน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และสอบ. ต้องออกมาช่วยกัน เพราะไม่อย่างนั้นจะกระทบไปหมด ปัจจุบันพบว่ามีผู้ผลิตรายใหญ่ หรือ 5 เสือที่คุมตลาดราคาตรงนี้อยู่ ถ้ารัฐยังมองไม่ลึกบริหารจัดการไม่ได้ ปล่อยให้โรงกลั่นมาเก็งกำไร บุคคลไม่กี่กลุ่มได้ประโยชน์สุดท้ายมีแต่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
“สหพันธ์ฯ ไม่ได้คัดค้านการยกเลิกการใช้น้ำมันไบโอดีเซลไปตลอด ตอนนี้ B100 ปรับขึ้นไป 46 บาท ขอให้ลดชั่วคราวทำให้ราคาน้ำมันลดลง 1.50 บาท/ลิตร ลดได้ทันทีสรรพสามิต 2 บาท ภาษีท้องถิ่น ภาษีหน้าคลัง ภาษีหัวจ่ายแค่นี้ก็ได้และเป็นหน้าที่รัฐ แต่การหารือดังกล่างสิ่งที่เราเรียกร้องแต่รัฐไม่ฟัง เพราะรัฐยังจะกู้เงินเพื่อคงราคาดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาท การแสดงสัญลักษณ์ครั้งนี้เราจำเป็นต้องทำ สุดท้ายหากรัฐไม่รับฟังเรา ก็ต้องปรับราคาขนส่งขึ้น ซึ่งแน่นอนจะกระทบราคาสินค้า เราโดนโควิด-19 ไปก่อนหน้านี้ต้องหยุดขนส่งไปแล้ว”
อ่านข่าวต้นฉบับ: สภาองค์กรผู้บริโภคฯ อัดรัฐ “บริหารผิด” จี้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจการค้า