กรมชลประทาน-สทนช. เตรียมแผนจัดการน้ำเมืองคอน พร้อมแจงผลงานรัฐบาลพัฒนาแก้ท่วมแล้ง กว่า 1,200 โครงการ ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 17 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 2 แสนไร่ ประชาชนได้ประโยชน์ 1.5 แสนครัวเรือน เดินหน้าพัฒนา 13 โครงการสำคัญ งบปี 2565-66
วันที่ 7 ตุลาคม 2564 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังร่วมติดตามคณะนายกรัฐมตรีลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการน้ำรับมือฤดูฝนปี 2564 จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ โดยเฉพาะตัวเมืองนครศรีธรรมราชที่เป็นจุดยุทธศาสตร์และพื้นที่ทางเศรษฐกิจ หากเกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำจากเทือกเขาหลวงจะไหลกระจายลงสู่ตัวเมืองผ่านทางคลองหลัก เช่น คลองท่าดี คลองคูพาย คลองสวนหลวง คลองป่าเหล้า คลองนครน้อย และคลองท่าซัก ก่อนที่จะไหลออกสู่ทะเล
กรมชลประทาน ได้ถอดบทเรียนจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2563 วางแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช ปี 2564 ในระยะเร่งด่วน ด้วยการกำจัดวัชพืชและขุดลอกคลองผ่านตัวเมืองนครศรีธรรมราชทั้ง 5 สาย ได้แก่ คลองคูพาย คลองสวนหลวง คลองป่าเหล้า คลองนครน้อย และคลองท่าซัก พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ อาทิ เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น รวม 211 เครื่อง รวมถึงการดำเนินโครงการอาคารป้องกันตลิ่งคลองคูพาย ระยะที่ 1 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองปากนคร เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช
ส่วนในระยะยาว ได้วางแผนดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งลักษณะของโครงการจะเป็นการขุดคลองระบายน้ำ 3 สาย ความยาวประมาณ 18.64 กิโลเมตร โดยสายที่ 1 สามารถระบายน้ำได้ในอัตรา 650 ลบ.ม./วินาที สายที่ 2 ระบายน้ำได้ในอัตรา 195 ลบ.ม./วินาที และสายที่ 3 ระบายน้ำได้ในอัตรา 750 ลบ.ม./วินาที พร้อมปรับปรุงคลองวังวัวและคลองหัวตรุด รวมถึงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำ จำนวน 7 แห่ง โดยมีระยะเวลาโครงการ 6 ปี (พ.ศ.2561 – 2566)
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ได้ดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำบางไทร 2 พร้อมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า อำเภอปากพนัง ปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว ซึ่งจะช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำของตำบลเกาะทวดและตำบลป่าระกำ อำเภอปากพนัง ออกสู่แม่น้ำปากพนังลงสู่ทะเลอ่าวไทยตามลำดับ และพิจารณาปรับปรุงอาคารชลประทาน บริเวณประตูระบายน้ำเปี๊ยะ อำเภอปากพนัง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยการปรับปรุงขยายประตูระบายน้ำให้สามารถระบายน้ำได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ปลูกส้มโอทับทิมสยาม ก่อนระบายออกสู่ทะเล จากเดิมที่มีประตูระบายน้ำเพียง 1 ช่อง ระบายน้ำได้ในอัตรา 20 ลบ.ม./วินาที ได้ออกแบบใหม่ให้มีประตูระบายน้ำ 2 ช่อง พร้อมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจำนวน 2 เครื่อง ซึ่งจะทำให้ระบายน้ำเพิ่มได้ในอัตรา 50 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันดำเนินการออกแบบเสร็จแล้ว และจะดำเนินการของบการก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ต่อไป
ขณะที่ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ในพื้นที่ 3 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก และลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีแม่น้ำที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำปากพนัง คลองชะอวด คลองท่าดี และคลองปากนคร แต่ละปีมักประสบปัญหาเสี่ยงภัยน้ำท่วมและขาดแคลนน้ำใน 5 พื้นที่สำคัญ ได้แก่ อำเภอเมือง น้ำท่วมเกือบทุกปี เนื่องจากมีน้ำหลากไหลผ่านคลองท่าดีซึ่งมีความจุน้อย ลุ่มน้ำปากพนัง น้ำท่วมขัง จากปริมาณน้ำแม่น้ำปากพนังล้นตลิ่ง และอิทธิพลจากน้ำทะเล พรุควนเคร็ง ป่าเสื่อมโทรมและไฟไหม้ป่าเป็นประจำ ที่มีจากการบุกรุกพื้นที่ อำเภอทุ่งสง น้ำหลากไหลเร็วและแรง เนื่องจากไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำต้นน้ำ ลุ่มน้ำคลองกลาย มีน้ำไหลหลากรุนแรง ตลิ่งพังทลาย รวมทั้งเกิดปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางป้องกันแก้ไขแต่ละพื้นที่
ดังนั้น สทนช.ได้พิจารณาแผนงานโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปี 2561 – 2563 พบว่า มีโครงการวม 1,223 แห่ง ดำเนินการโดย 12 หน่วยงาน ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 16.68 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 232,585 ไร่ ได้รับประโยชน์ 150,753 ครัวเรือน และพื้นที่ได้รับการป้องกันเกือบ 1 แสนไร่ เช่น ระบบระบายน้ำลุ่มน้ำปากพนังบน โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพรุจูด อ.ทุ่งสง แก้มลิงบ้านทุ่งทับใน อ.หัวไทร งานจัดระบบน้ำโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังบน (ไม้เสียบ) และ ขุดลอกคลองส่งน้ำ เป็นต้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้สนับสนุนงบกลางปี 63 รวม 418 แห่ง ได้แก่ การก่อสร้างปรับปรุงฝาย ก่อสร้างปรับปรุงระบบประปา ธนาคารน้ำใต้ดิน ก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ กำจัดวัชพืช ขุดเจาะบ่อบาดาล ขุดลอกและปรับปรุงแหล่งน้ำเดิม ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น 45 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 2 แสนไร่ ขณะที่งบบูรฯน้ำ ปี 64 มี 88 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 11,677 ไร่ รับประโยชน์ 34,901 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับการป้องกัน 1,720 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.89 ล้าน ลบ.ม. ป้องกันตลิ่ง 1.77 กม. เช่น ทำนบดินฯ อ่างเก็บน้ำคลองสังข์ เขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองชะอวด พัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรฯ ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ เป็นต้น
สำหรับในปี 2565-66 ใน จ.นครศรีธรรมราช แผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญ รวม 13 โครงการ อาทิ ระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนทุ่งสงระยะที่ 2 อ่างเก็บน้ำท่าประดู่ อ่างเก็บน้ำคลองแดง เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บอ่างเก็บน้ำ ห้วยน้ำใส เป็นต้น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุได้ 165 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 55,132 ไร่ พื้นที่ชลประทาน 5,400 ไร่ และ 35,850 ครัวเรือน
ขณะที่ความก้าวหน้าโครงการบรรเทาอุกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้ดำเนินการปี 2561-2566 มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในตัวเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งไหลมาจากเทือกเขาหลวงผ่านคลองท่าดี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างแต่เกิดความล่าช้าเนื่องจากติดปัญหาเรื่องการจัดหาที่ดินบางส่วน
อ่านข่าวต้นฉบับ: กรมชลฯ -สทนช. เร่งเเผนจัดการน้ำนครศรีธรรมราช ลุยโครงการน้ำงบปี65- 66
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจการค้า