ปตท. เดินหน้าลงทุนทั้งกลุ่ม ระยะ 5 ปี มูลค่า 8.65 แสนล้านบาท มุ่งสู่พลังงานในอนาคต แย้มเพิ่มสัดส่วนกำไรในปี 2030 เป็น 30% ลั่นครึ่งปีหลังไม่สะดุด โกยผลประกอบการตามครึ่งปีแรกที่ทำรายได้โต 23%
วันที่ 17 สิงหาคม 2564 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ยังคงลงทุนต่อเนื่อง แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยตั้งเป้าหมายเงินลงทุนของทั้งกลุ่มในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) ซึ่งไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุน จำนวน 865,000 ล้านบาท เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนตามกรอบวิสัยทัศน์ และให้สอดคล้องกับทิศทางในอนาคต รวมถึงปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางเทรนด์พลังงานสะอาด มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ทั้งการเป็นศูนย์กลางการกระจายแอลเอ็นจี ( LNG HUB ) สู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมรองรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเข้าสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพตามทิศทางโลก อาทิ มุ่งสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และมุ่งขยายการค้าปลีกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก รวมถึงขยายการลุงทุนในธุรกิจ ดำนวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science : ธุรกิจยา Nutrition และอุปกรณ์การแพทย์) ดึงความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ จับมือพันธมิตรทั้งในไทยและต่างชาติ และอาหารอนาคต ฟิวเจอร์ฟู้ด
นอกจากนี้บริษัท ยังเตรียมงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อใช้กับการลงทุนที่อาจจะมีขึ้นในช่วงระยะ 5 ปีข้างหน้า แต่ยังเป็นการประเมิน และไม่มีแผนลงทุนชัดเจน มูลค่า 784,000 ล้านบาท โดยกลุ่ม ปตท.วางเป้าหมายทิศทางการดำเนินงาน ภายในปี 2030 ว่า จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนสูง และเร่งการลงทุนในกลุ่มพลังงานอนาคต ซึ่งตั้งเป้าหมายสัดส่วนกำไรจากกลุ่มธุรกิจพลังงานในอนาคตเป็น 30% โดยเดินหน้านำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่ม 9 ล้านตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเดิม 8,000 เมกะวัตต์ เป็น 12,000 เมกะวัตต์
ขณะที่เงินลงทุนของเฉพาะ ปตท. และบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ที่ได้รับการอนุมัติในช่วง 5 ปี ตั้งเป้าไว้ที่ 117,840 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม การค้าระหว่างประเทศและปิโตรเลียมขั้นปลายในสัดส่วนที่มากที่สุด ทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า และการร่วมลงทุน รวมถึงพัฒนาพื้นที่ EECi อยู่ที่ 26% รวม 30,743 ล้านบาท ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 25% รวม 29,847 ล้านบาท พีทีทีแอลเอ็นจี โครงการสถานีกักเก็บแอลเอ็นจี (หนองแฟบ) 21% รวม 24,042 ล้านบาท การร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ปตท.ถือหุ้น 100% ทั้งธุรกิจไฟฟ้า และการลงทุนในปิโตรเลียมขั้นปลาย 17% รวม 20,225 ล้านบาท และธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 ที่ 11% รวม 12,983 ล้านบาท
“การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของ ปตท. ยังเป็นไปตามแผน ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะสามารถทำผลประกอบการได้ใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี หากไม่มีเหตุการณ์อื่น ๆ มากระทบรุนแรง ขณะที่มาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ จะส่งผลบวกต่อประเทศคู่ค้า รวมถึงการเงินโลกยังคงผ่อนคลาย ด้านอุปสงค์น้ำมันดิบดูไบจะเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้มากขึ้น ขณะที่อุปทานจะเพิ่มขึ้นจากกลุ่มโอเปกพลัส มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ“
อย่างไรก็ตามผลประกอบการครึ่งแรกของกลุ่ม ปตท. ปีใน 64 เปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 63 กลุ่ม ปตท. สามารถทำรายได้จากการขายจำนวน 1,011,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 186,201 ล้านบาท หรือ 23% จากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ทั้งจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการและราคาของ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 216,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129,570 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% ตามรายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้น และธุรกิจการกลั่นที่มีกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในครึ่งแรกของปี 64 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น เทียบกับขาดทุนจาก สต๊อกน้ำมันในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กลุ่ม ปตท. มีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2564 จำนวน 57,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,667 ล้าน บาท หรือมากกว่า 100%
อย่างไรก็ดี ปตท. ร่วมเคียงข้าง ดูแลสังคมไทยด้วย “โครงการลมหายใจเดียวกัน” ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ 400 เครื่อง พร้อมออกซิเจนเหลว แก่หน่วยงานรัฐ และโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง สนับสนุนโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง และสนับสนุนหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก 4 พื้นที่ความเสี่ยงสูงในกรุงเทพมหานคร จัดหาและนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) บริจาคให้ภาครัฐ พร้อมเตรียมนำเข้าเพื่อบริจาคอีกต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนจะมีการนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์เพิ่มเติมอีก 1 หมื่นขวด รวมถึงยาฟาวิพิราเวียร์ อีก 1 ล้านเม็ด
นอกจากนี้ ปตท. ยังขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาทต่อคนต่อเดือน ต่อไป อีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 และล่าสุดจัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ และพันธมิตรทางการแพทย์ รวมวงเงินช่วยเหลือกลุ่ม ปตท. ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 1,700 ล้านบาท
อ่านข่าวต้นฉบับ: ปตท. ลุยลงทุน 8.65 แสนล้าน มุ่งหน้าสู่พลังงานอนาคต
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจการค้า