เดนทิสเต้ เปิดเกมรุก Global Campaign คว้า “ลิซ่า Blackpink” เป็นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ พร้อมเปิดตัวหนังโฆษณา LISA Confident Smile ชูนวัตกรรมสุดล้ำของการแปรงฟันแบบไม่ใช้น้ำ หวังเจาะGEN Z – GEN Y มั่นใจดันส่วนแบ่งตลาดโต 3%
วันที่ 14 กันยายน 2564 หากพูดถึงแบรนด์เดนทิสและสมูทอี นับว่าเป็นที่รู้จักในตลาดคอนซูเมอร์ แม้เป็นแบรนด์ที่จดทะเบียนการค้าคนละบริษัท แต่ทั้ง 2แบรนด์ นี้มีเจ้าของคนเดียวกัน โดยแบรนด์เดนทิสเต้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันมีส่วนแบ่งอยู่ในตลาดยาสีฟันพรีเมี่ยมกว่า 40% จากภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลช่องปาก หรือออรัลแคร์ มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5 % ต่อปี
ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียมเดนทิสเต้ (DENTISTE’) กล่าวว่า หากย้อนกลับไปก่อนหน้าที่แบรนด์เดนทิสเต้จะประสบความสำเร็จ ได้ลองผิดลองถูกมากหลายครั้ง จนค้นพบว่าช่วงนั้น ในตลาดยาสีฟันแทบจะไม่มียาสีฟันสำหรับตอนกลางคืน จึงเกิดเป็นไอเดีย เพื่อทำวิจัยกับผู้บริโภค ด้วยการให้ผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่าง ทดลองใช้ยาสีฟัน 7 วัน ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างตอบเสียงเดียวกันว่า ใช้แล้วตื่นมาไม่มีกลิ่นปาก จึงได้ออกสินค้าที่เป็นยาสีฟันออกมาทำตลาดอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ เดนทิสเต้ ที่มีความหมายในภาษาฝรั่งเศสว่า ทันตแพทย์
อีกทั้ง ที่ผ่านมาเดนทิสเต้ได้ขึ้นแท่นเป็นยาสีฟันสำหรับก่อนนอน ซึ่งถือว่าเป็น นีชโปรดักท์ ในตลาดยาสีฟันที่ยังไม่มีคู่แข่งมาก่อน ควบคู่กับการเน้นสื่อสารการตลาดด้วยอีโมชั่น ในฐานะยาสีฟันสำหรับคู่รัก ที่คนนอนข้างๆ ชอบ เพราะไม่มีกลิ่นปากหลังตื่นนอน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
ดร.แสงสุข กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมการทำธุรกิจในปีนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นลากยาวมาถือเป็นปีที่ท้าทายในการทำตลาด แต่ในทางกลับกัน บริษัทฯยังให้ความสำคัญในการรุกตลาดต่อเนื่อง
ล่าสุด บริษัทฯได้ทุ่มงบตลาด เพื่อดึง “ลลิษา มโนบาล” หรือ ลิซ่า Blackpink มาเป็น Brand Ambassador เพื่อเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ DENTISTE’Anticavity Max Fluoride ซึ่งในทางทันตกรรมการแปรงฟันแห้งถือว่าเป็นการเคลือบฟลูออไรด์ และทางแบรนด์จำเป็นต้องเลือก ลิซ่า เพื่อให้ ลิซ่า เปลี่ยนพฤติกรรมการแปรงฟันโดยการบ้วนน้ำให้เป็นการแปรงฟันแห้ง
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา เดนทิสเต้ มีพรีเซ็นเตอร์เป็นคู่รักมาตลอด แต่ในครั้งนี้จะแตกต่างออกไป โดยปัจจัยที่เลือกลิซ่ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เนื่องจากโปรดักส์ของเดนทิสเต้ มีวางจำหน่ายใน 25 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะที่ประเทศเกาหลีใต้มีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับลิซ่าเป็นศิลปินในสังกัด YG Entertainment ประเทศเกาหลี มีอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก LISA SOLOที่สร้างกระแสหลังจากปล่อยภาพออกมาเพียงไม่นาน แฮชแท็ก #SoloistLisa ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของโลกและติดอันดับ 1 ใน 7 ประเทศทั่วโลก จึงเป็นโอกาสที่จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ในหลาย ๆ ประเทศ เพื่อตอกย้ำความเป็นโกลบอล แบรนด์มากขึ้น
“กว่าจะได้ลิซ่ามาเป็น Brand Ambassador ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะค่ายYG Entertainment พิถีพิถันมากในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับศิลปิน ซึ่ง เดนทิสเต้ ได้รับเลือก เนื่องจากคุณภาพของสินค้า ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดี”
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดต่อจากนี้ เบริษัทฯตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ LISA Confident Smile เน้นคอนเซ็ปต์ เรื่องการยิ้มอย่างมั่นใจ เพื่อเป็นการโปรโมตยาสีฟันชนิดแปรงแห้งสูตรฟลูออไรด์ 1,500 PPM ชูจุดขายสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อลมหายใจหอมสดชื่นและสุขภาพช่องปากที่ดี เข้าไปสื่อสารถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่อายุลดลง จึงต้องเข้าถึงในการสื่อสาร ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ร่วมกับทันตแพทย์ แจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้ ว่าสินค้ามีคุณภาพจริง และสื่อสารให้เข้าถึง คือการมี ”ลิซ่า” เป็นผู้ส่งต่อ Message สำคัญ โดยคาดว่าจะสร้างความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การได้ลิซ่ามาร่วมงานในครั้งนี้ เดนทิสเต้ ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด 3% โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า GEN Z และ GEN Y ให้ได้มากสุด เพราะเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกัน โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของเดนทิสเต้ คือกลุ่ม GEN X และ GEN Y ต้น ๆ รวมทั้งบริษัทได้จัดทำแปรงสีฟันรุ่นพิเศษ สินค้า รุ่นลิซ่า ที่มีตัวด้ามสีชมพู และ ชุดยาสีฟันแปรงสีฟัน Limited Edition เพียง 25,000 ชุดเพื่อต้อนรับพรีเซนต์เตอร์คนใหม่ของแบรนด์และเป็นการสร้างสีสันตลาด
อ่านข่าวต้นฉบับ: เดนทิสเต้ ดึง ลิซ่า Blackpink เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวธุรกิจ #ธุรกิจ-การตลาด