รายงานแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย จำนวน 155.6 ล้านโดส พร้อมแผนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไทย ต้องครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ภายในเดือนธันวาคม 2564
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ครั้งที่ 18/2564 ของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19 กระทรวงสาธารณสุข
มีการรายงานแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ประเทศไทย พ.ศ.2564 และ แผนฉีดวัคซีนโควิด19 ของไทยภายในเดือนธันวาคม 2564 ดังนี้
แผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย พ.ศ.2564
ตลอดทั้งปีจะจัดหาวัคซีนรวมทั้งหมด 155.6 ล้านโดส จากวัคซีนจำนวน 5 ชนิด ได้แก่
วัคซีนซิโนแวค รวม 31.5 ล้านโดส
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า รวม 65.6 ล้านโดส
วัคซีนไฟเซอร์ รวม 31.5 ล้านโดส
วัคซีนซิโนฟาร์ม รวม 25 ล้านโดส
วัคซีนโมเดอร์นา รวม 2 ล้านโดส
หมายเหตุ : จำนวนวัคซีนขึ้นอยู่กับการส่งมอบวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิต
รวมยอดรับบริจาคประเทศจีน (1 ล้านโดส) ญี่ปุ่น (2.03 ล้านโดส) สหรัฐอเมริกา (1.5 ล้านโดส) อังกฤษ (4 แสนโดส) เกาหลี (4.7 แสนโดส) เยอรมนี (3.46 แสนโดส)
รวมยอดวัซีนซื้อจากประเทศสเปน (6.1 แสนโดส)
ไม่รวมยอดแลกเปลี่ยนวัคซีน ภูฏาน (1.5 แสนโดส) สิงคโปร์ (1.224 แสนโดส)
แผนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไทยภายในเดือนธันวาคม 2564
ประชากรในประเทศไทย 70 ล้านคน ต้องได้รับวัคซีนครอบคลุมร้อยละ 70 คิดเป็น 50 ล้านคนต้องใช้วัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส
หลักการสำคัญ ดังนี้
เพื่อให้ประชาชนทุกคนบนแผ่นดินไทย ได้รับวัคซีนด้วยความสมัครใจ
เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขให้รองรับการระบาดได้
เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ ตามแผนที่กำหนด
ตอนนี้มีการจัดหาวัคซีนโควิด 19 จำนวน 128.6 ล้านโดส ซึ่งมากกว่าแผนเดิมที่กำหนด ดังนั้น ประชากรในประเทศไทย 70 ล้านคน จะได้รับวัคซีนเข็ม 1 อย่างน้อย 60 ล้านคน คิดเป็นครอบคลุมการได้รับวัคซีนร้อยละ 85
เป้าหมายของการฉีดวัคซีนภายในปี 2564
ให้ความครอบคลุมของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 และอย่างน้อยร้อยละ 80 ภายในเดือนธันวาคม 2564
ให้ความครอบคลุมของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนธันวาคม 2564
อ่านข่าวต้นฉบับ: เปิดแผนฉีดวัคซีนโควิดในประเทศไทย เดือนธันวาคม 2564
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวธุรกิจ #ธุรกิจ-การตลาด