จะเป็นเช่นไรเมื่อบุรุษพยาบาลคนหนึ่งสวมบทเป็น ‘เทวดาแห่งความตาย’ ตัดสินใจแอบปลิดชีวิตของผู้ป่วยไปนับสิบ เพื่อที่ว่าผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน แม้ผู้ป่วยและญาติจะไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม กลายเป็นประวัติศาสตร์อันดำมืดของวงการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ก่อเหตุคือบุคลากรทางการแพทย์ จนทาง Netflix ได้หยิบเรื่องราวนี้มานำเสนอในหนังเรื่อง ‘The Good Nurse’ เขาคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงตัดสินใจทำเช่นนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันได้เลย ประวัติโดยย่อของฆาตกร ฆาตกรคนนี้ชื่อว่า ชาร์ลส์ คันเลน (Charles Cullen) เป็นลูกคนที่ 8 ของครอบครัว เกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1960 เมืองเวสต์ออเรนจ์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐ ฯ ครอบครัวเขามีสถานะทางการเงินที่ขัดสน เมื่อเกิดได้ 7 เดือน คุณพ่อก็เสียชีวิตลง ชีวิตตอนเด็กคันเลนนั้นค่อนข้างมีปัญหา เพราะพี่ ๆ นั้นนิสัยไม่ดีชอบทำร้ายเขา รวมถึงถูกเพื่อนบูลลี่ ในที่สุดด้วยวัย 9 ปี เขาดื่มสารเคมีหลายชนิดในห้องทดลองของโรงเรียนเพื่อฆ่าตัวตายแต่ก็ถูกช่วยไว้ ผ่านไปอีก 7 ปี คุณแม่ก็จากไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาลาออกก่อนจะจบ ม.ปลายอีกแค่ปีเดียว ไปเป็นช่างเทคนิคขีปนาวุธในกองทัพเรือ เขาทำงานได้ดีเลื่อนยศเป็นผู้ช่วยผู้บังคับการแต่ด้วยบุคคลิกภาพที่ผิดแปลกจากคนทั่วไป ทำให้ถูกลูกเรือบูลลี่ และอยากฆ่าตัวตายถึง 7 ครั้ง แต่ก็รอด ไปปรึกษาเรื่องนี้กับหมอ หมอก็ช่วยไรไม่ได้มาก ในที่สุดเขาก็ถูกปลดประจำการ โดยทางเบื้องบ้นอ้างว่า มีโรคประจำตัว เข้าสู่งานบุรุษพยาบาล ในวัย 24 ปี หลังจากถูกปลดจากกองทัพเรือ คัลเลนตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนพยาบาล ‘Mountainside Hospital School of Nursing’ เพื่อเป็นบุรุษพยาบาล เขานั้นเรียนดีและเป็นมิตรกับคนทุกคน เขาจบการศึกษาด้วยวัย 27
The post เรื่องจริงของ ‘The Good Nurse’ บุรุษพยาบาลแสนดี ที่แอบฆาตกรรมผู้ป่วยกว่า 29 ราย appeared first on #beartai.
จะเป็นเช่นไรเมื่อบุรุษพยาบาลคนหนึ่งสวมบทเป็น ‘เทวดาแห่งความตาย’ ตัดสินใจแอบปลิดชีวิตของผู้ป่วยไปนับสิบ เพื่อที่ว่าผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน แม้ผู้ป่วยและญาติจะไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม กลายเป็นประวัติศาสตร์อันดำมืดของวงการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ก่อเหตุคือบุคลากรทางการแพทย์ จนทาง Netflix ได้หยิบเรื่องราวนี้มานำเสนอในหนังเรื่อง ‘The Good Nurse’ เขาคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงตัดสินใจทำเช่นนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันได้เลย
ประวัติโดยย่อของฆาตกร
ฆาตกรคนนี้ชื่อว่า ชาร์ลส์ คันเลน (Charles Cullen) เป็นลูกคนที่ 8 ของครอบครัว เกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1960 เมืองเวสต์ออเรนจ์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐ ฯ ครอบครัวเขามีสถานะทางการเงินที่ขัดสน เมื่อเกิดได้ 7 เดือน คุณพ่อก็เสียชีวิตลง ชีวิตตอนเด็กคันเลนนั้นค่อนข้างมีปัญหา เพราะพี่ ๆ นั้นนิสัยไม่ดีชอบทำร้ายเขา รวมถึงถูกเพื่อนบูลลี่ ในที่สุดด้วยวัย 9 ปี เขาดื่มสารเคมีหลายชนิดในห้องทดลองของโรงเรียนเพื่อฆ่าตัวตายแต่ก็ถูกช่วยไว้
ชาร์ลส์ คันเลน ตอนเด็ก
ผ่านไปอีก 7 ปี คุณแม่ก็จากไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาลาออกก่อนจะจบ ม.ปลายอีกแค่ปีเดียว ไปเป็นช่างเทคนิคขีปนาวุธในกองทัพเรือ เขาทำงานได้ดีเลื่อนยศเป็นผู้ช่วยผู้บังคับการแต่ด้วยบุคคลิกภาพที่ผิดแปลกจากคนทั่วไป ทำให้ถูกลูกเรือบูลลี่ และอยากฆ่าตัวตายถึง 7 ครั้ง แต่ก็รอด ไปปรึกษาเรื่องนี้กับหมอ หมอก็ช่วยไรไม่ได้มาก ในที่สุดเขาก็ถูกปลดประจำการ โดยทางเบื้องบ้นอ้างว่า มีโรคประจำตัว
(คนซ้าย) ชาร์ลส์ คันเลน (Charles Cullen) ขณะทำงานในกองทัพเรือ
เข้าสู่งานบุรุษพยาบาล
ในวัย 24 ปี หลังจากถูกปลดจากกองทัพเรือ คัลเลนตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนพยาบาล ‘Mountainside Hospital School of Nursing’ เพื่อเป็นบุรุษพยาบาล เขานั้นเรียนดีและเป็นมิตรกับคนทุกคน เขาจบการศึกษาด้วยวัย 27 และแต่งงานกับ สาวโปรแกรมเมอร์ แอเดรียน เทาบ์ (Adrienne Taub) (หย่าร้างกันภายหลัง) แถมในปีเดียวกันก็ได้งานบุรุษพยาบาลดูแลผู้ป่วยถูกไฟไหม้ที่ ‘St. Barnabas Medical Center’ รัฐนิวเจอร์ซีย์ อีกด้วย
โรงเรียนพยาบาล ‘Mountainside Hospital School of Nursing’
ก่อเหตุฆาตกรรมครั้งแรก
ผ่านไปเพียงแค่ 1 ปี คันแลนก็เริ่มก่อเหตุฆาตกรรมผู้ป่วย โดยเหยื่อรายแรกนั้นเป็น ผู้พิพากษาเกษียณอายุ วัย 72 ปี ชื่อว่า จอห์น เยงโก (John Yengo) เข้ามารักษาด้วยอาการผิวไหม้เพราะแพ้แสงแดดอย่างรุนแรง แทนที่จะรักษาผู้ป่วยคนนี้คันเลนกลับฆาตกรรมเขาโดยฉีดยา ลิโดเคน (Lidocaine) เกินขนาด ซึ่งเป็นยาที่ระงับความรู้สึกเฉพาะที่ แต่ถ้าฉีดเกินขนาด หัวใจจะเต้นช้าหรืออาจหยุดเต้นจนเสียชีวิตในที่สุด
จอห์น เยงโก (John Yengo) เหยื่อคนแรกของ ชาร์ลส์ คันเลน (Charles Cullen)
ไม่ใช่แค่ชายคนนี้ที่ถูกฆาตกรรมในโรงพยาบาลนี้ มีผู้ป่วยหลายรายเสียชีวิตจาการถูกฉีดยาเกินขนาด หนึ่งในนั้นเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เสียชีวิตจากการได้รับอินซูลิน (Insulin) เกินขนาด
ฆาตกรรมแล้วเปลี่ยนโรงพยาบาลไปเรื่อย ๆ
หลังจากทำงานอยู่ที่นี่มา 5 ปี คันแลนถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลเพราะถูกจับได้ว่าใส่อินซูลินในถุงน้ำเกลือของผู้ป่วย แต่ด้วยข้อมูลพนักงานและประวัติผู้ป่วยของแต่ละโรงพยาบาลจะไม่ลิงก์กันในยุคนั้น ทำให้ประวัติเขาขาวสะอาดทุกครั้งที่ย้ายไปโรงพยาบาลใหม่ เล่ากันว่า 16 ปี ที่เขาทำงานเป็นบุรุษพยาบาล เขาเปลี่ยนที่ทำงานมาแล้วกว่า 9 ที่ด้วยกัน พอจะโดนจับได้หรือทำผิดกฎจนโดนไล่ออกก็แค่หาที่ทำงานใหม่เพียงเท่านั้น
รูปภาพเหยื่อของ ชาร์ลส์ คันเลน (Charles Cullen)
ยาที่เขานิยมใช้ฆาตกรรมผู้ป่วยมักจะเป็น ดิจอกซิน (Digoxin) ซึ่งเป็นยารักษาผู้ป่วยอาการหัวใจล้มเหลวหรือเต้นผิดจังหวะ และยาอินซูลิน เหยื่อของคันแลนรายหนึ่งก่อนเธอจะเสียชีวิต เธอได้บอกกับคนในครอบครัวว่า มีบุรุษพยาบาลคนหนึ่งฉีดยาอะไรก็ไม่รู้ให้เธอ จากนั้นอาการเธอก็ทรุดหนักและเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว ไม่นานคัลเลนก็ชิงลาออกจากโรงพยาบาลนี้ทันทีหลังผ่านการสืบสวนคดีผู้ตายผ่านเครื่องตรวจจับเท็จ ซึ่งเครื่องจับเท็จจับโป๊ะเขาไม่ได้
โรงพยาบาล ‘Warren Hospital’ หนึ่งในโรงพยาบาลที่ ชาร์ลส์ คันเลนทำงาน
ถูกจับกุม เพราะ ห่วงคนรัก
ในปี 2002 คัลเลนได้ทำงานที่โรงพยาบาล ‘Somerset Medical Center’ โรงพยาบาลสุดท้ายของเขา ซึ่งเขาจะฆาตกรรมผู้ป่วยมากถึง 13 คน ภายในปีเดียว ด้วยการฉีดยาดิจอกซินเกินขนาด จนฝ่ายเภสัชกรสงสัยว่า ใครเบิกยาดิจอกซินเยอะผิดปกติและมีผู้ป่วยจำนวนมากเสียชีวิตจากการได้รับดิจอกซินเกินขนาด จึงเรียกหน่วยงานรัฐที่เชี่ยวชาญเรื่องยาพิษชื่อว่า ‘New Jersey Poison Information and Education System’ มาสืบสวนคดีนี้
โรงพยาบาล ‘Somerset Medical Center’
ในระบบคอมพิวเตอ์พบว่า คัลแลนเป็นคนเบิกยาดิจอกซินที่มากผิดปกติรวมถึงยาอื่น ๆ และเมื่อสืบประวัติการทำงานย้อนกลับไปก็พบว่า เกือบทุกโรงพยาบาลที่เขาทำงานจะมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพราะได้รับดิจอกซินเกินขนาด แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานที่จะมัดตัวเขาได้ ตำรวจจึงออกอุบาย ให้เพื่อนร่วมงานที่คัลเลนตกหลุมรักชื่อว่า เอมี ราวเกร็น (Amy Loughren) ออกอุบายให้เขาสารภาพผิด และเก็บหลักฐานเสียงไว้
เอมี ราวเกร็น (Amy Loughren)
เธอเรียกคัลเลนมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บอกคัลเลนว่า เธอรู้เรื่องที่เขาฆาตกรรมผู้ป่วย และเธอจะช่วยในการสู้คดี คัลเลนก็อึ้งไปสักพัก แต่ไม่ได้สารภาพความผิดแต่อย่างใด เธอจึงกลับไปเตรียมการอีกครั้ง และเรียกคัลเลนมาพบกันอีกรอบ รอบนี้เธอใช้อุบายว่า ตอนนี้เธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาและเธออาจถูกจับไปด้วย ด้วยความเป็นห่วงคนรักจะถูกจับ คัลเลนจึงสารภาพผิด และยอมมอบตัวแต่โดยดี
แรงจูงใจในการฆาตกรรม
คัลเลนสารภาพว่า เขาฆาตกรรมไปทั้งหมด 40 คน แต่สามารถระบุชื่อได้จริง ๆ เพียง 29 คน บางแหล่งอ้างว่าตัวเลขจริง ๆ อาจมีมากถึง 10 เท่า เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการฆาตกรรม คัลเลนจึงตอบว่า ‘นี่ไม่ใช่การฆาตกรรมแต่นี่คือการเมตตา’ เพราะเขาไม่อยากให้ผู้ป่วยต้องทรมานจากโรคที่เป็นอยู่ จึงสวมบทเป็นเทวดาส่งพวกเขาไปสู่สวรรค์
ชาร์ลส์ คันเลน (Charles Cullen) ขณะขึ้นศาล
เมื่อถูกวินิจฉัยจากจิตแพทย์พบว่า เขามีอาการป่วยทางจิต อาทิ อาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง เพราะที่ผ่านมาก็พยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง, มีบุคคลิกภาพต่อต้านสังคม จากปมตอนเด็ก และ มีพฤตกรรมชอบทารุณกรรมสัตว์
ผลกระทบหลังจากนั้น
คัลเลนได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต 11 รอบ หรือประมาณ 397 ปี ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ และหลังจากเกิดคดีนี้ ทำให้สาธารณสุขของประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องมีการยกเครื่องกันใหม่ เพราะนี่คือคดีแรกที่ผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ มีการเชื่อมข้อมูลโรงพยายาลเข้าหากัน พิสูจน์สาเหตุการตายของผู้ป่วยให้ละเอียดขึ้น และที่สำคัญสุดคือ เกณฑ์ในการสมัครที่เข้มงวดมากขึ้น
หากใครอยากรู้เรื่องราวของฆาตกรคนนี้เพิ่มเติม ก็มีการนำเหตุการณ์จริงนี้มาทำเป็นหนังให้เราได้ชมกัน ชื่อเรื่องว่า ‘The Good Nurse’ รับชมได้แล้วที่ Netflix
ที่มา: หนังสือ ‘Inside the Minds of Healthcare Serial Killers: Why They Kill’ , ati , CRIME+ INVESTIGATION , TIME , Beatrice Yorker , muderpedia , SEVENTEEN
The post เรื่องจริงของ ‘The Good Nurse’ บุรุษพยาบาลแสนดี ที่แอบฆาตกรรมผู้ป่วยกว่า 29 ราย appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/