ก้าวสู่เดือนที่ 4 แล้วสำหรับการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสโดยไม่กักตัว
ผ่านไป 102 วัน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2564) มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า “ภูเก็ต” รวมทั้งสิ้น 45,536 คน พบจำนวนผู้ติดเชื้อ 142 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไข้กลุ่มสีเขียว ซึ่งไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยมาก มีจำนวนการเข้าพักในโรงแรม SHA+ รวม 804,399 คืน หรือเฉลี่ยประมาณ 10-11 คืนต่อคน
“ยุโรป-อเมริกา” ลูกค้าหลัก
นอกจากนี้ ยังพบว่าหลังจากรัฐผ่อนคลายมาตรการลดจำนวนวันให้นักท่องเที่ยวอยู่ในภูเก็ตเหลือ 7 วัน หรือ 7+7 extension (จากเดิม 14 วัน) อัตราจองโรงแรมที่พักล่วงหน้าปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน และการจองโรงแรมที่พักยังกระจายไปสู่จังหวัดข้างเคียงด้วย ไม่ว่าจะเป็นสุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ฯลฯ
โดยโรงแรมทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ป่าตอง 40.53% รองลงมาคือ เชิงทะเล 13.05% กะรน 12.51% ราไวย์ 7.14% ไม้ขาว 5.28% และ สัญชาติที่เดินทางเข้ามามากที่สุดอันดับ 1 คือ ไทย ตามด้วยสหรัฐอเมริกา, อิสราเอล, อังกฤษ, เยอรมนี และฝรั่งเศส
เรียกว่าส่วนใหญ่ยังเป็นนักเดินทางระยะไกลจากโซนยุโรป อเมริกา และเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลไทยผ่อนคลายมาตรการมากขึ้นจะทำให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับด้วย
บุ๊กกิ้งโรงแรมเดือนตุลาฯพุ่ง
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอัตราการจองโรงแรมในเดือนตุลาคม (ณ 11 ตุลาคม 2564) มีสัดส่วนการจองล่วงหน้าเข้ามาใกล้เคียงกับเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีอัตราการจองสูงที่สุดในช่วง 3 เดือนของโครงการ แนวโน้มดังกล่าวนี้สะท้อนชัดเจนว่า “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น
“ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต บอกว่า จากผลตอบรับที่เกิดขึ้นนี้พบว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400-500 คน หรือสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 700-800 คน คิดเป็นประมาณแค่ 1.5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เคยเข้ามาในช่วงก่อนวิกฤตโควิด
ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต
ดังนั้น สิ่งที่สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้ประเมินและวิเคราะห์ต่อว่า “ภูเก็ต” จะอยู่กับนักท่องเที่ยวแค่จำนวน 700-800 คนต่อวันไม่ได้
เสนอผ่อนคลาย 6 มาตรการ
โดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้นำเสนอให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการไป 5-6 ประเด็นหลัก ๆ สำหรับเดือนตุลาคมนี้ โดยบางประเด็นได้รับการพิจารณาแล้ว และก็ยังมีบางประเด็นที่ยังไม่ได้รับการพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อให้ตลาดรวมมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และผู้ประกอบการสามารถประคับประคองตัวเองให้กลับมาทำธุรกิจได้
ประกอบด้วย 1.ขอให้พิจารณาเพิ่มจำนวนประเทศที่สามารถเดินทางเข้ามาได้ จากเดิมที่อนุญาตให้ 72 ประเทศ โดยปัจจุบันกระทรวงการต่างประเทศได้อนุญาตให้ทุกประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้แล้ว
2.ขอลดจำนวนวันที่อยู่ในพื้นที่ภูเก็ตจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน เนื่องจาก 14 วันเป็นอะไรที่ยากสำหรับการทำการตลาด ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนวันที่ลงเหลือ 7 วันนั้นทำให้ต้นทุนการทำ RT-PCR ลดจาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง โดยล่าสุดรัฐบาลพิจารณาอนุมัติแล้ว
3.ลดวงเงินประกันโควิดจาก 100,000 เหรียญสหรัฐ เหลือ 50,000 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากระบบประกันในต่างประเทศจะจ่ายชดเชยเมื่อเข้านอนโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เข้ามาและพบการติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ บริษัทประกันไม่จ่าย
4.นำระบบ vaccine validation มาใช้ ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลให้ข้อมูลว่าประเทศไทยมีการพัฒนาระบบ Thailand pass สำหรับเป็น vaccine validation และสามารถนำมาใช้ได้ 1 พฤศจิกายนนี้
5.ลดจำนวนครั้งในการทำ RT-PCR เหลือ 2 ครั้ง และทำก่อนเดินทาง
และ 6.ผ่อนคลายข้อกำหนดที่ระบุให้ผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงบนเครื่องบินต้องเข้าพักโรงแรมที่เป็น ALQ และจ่ายเงินเอง เนื่องจากที่ผ่านมาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงขณะเดินทางบนเครื่องบินนั้นมีอัตราการติดเชื้อเป็นศูนย์
ชูกลยุทธ์ “PHUKET 121”
“ภูมิกิตติ์” บอกด้วยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาที่มีเพียง 1.5%ของจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงปกตินี้ ทำให้ทุกภาคส่วนยังคงส่งเสียงและคอมเมนต์ว่ายังไม่ได้ประโยชน์จาก “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เพราะเศรษฐกิจภูเก็ตพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยวถึง 95%
ดังนั้น ภูเก็ตจึงตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับเดือนธันวาคมนี้ โดยมีแผนเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยววันละ 700-800 คน หรือประมาณ 1.5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงเวลาปกติเป็นวันละ 10,000 คน หรือประมาณ 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงเวลาปกติให้ได้
ทั้งนี้ นอกจาก 6 มาตรการที่เสนอให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนคลายแล้ว สมาคมยังได้นำเสนอกลยุทธ์ที่เรียกว่า “PHUKET 121” ที่จะเริ่มในวันที่ 1 เดือน 12 หรือธันวาคม 2564 นี้ โดยมีแผนขอให้รัฐบาลพิจารณาปลดล็อกเงื่อนไขที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง อาทิ หลักการหรือขั้นตอนการเข้าประเทศต้องง่ายที่สุด
“ตอนนี้เข้าใจว่าการขอ COE ก็มีการปรับเปลี่ยนไป และจะมีระบบ Thailand pass เข้ามาแทนที่เรื่องการให้มีการตรวจโควิดก่อนเดินทาง รวมถึงเรื่องของการให้ระบบดิจิทัลเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งประเด็นนี้ต้องดูว่ารัฐบาลจะสามารถนำมาใช้ได้ 1 ธันวาคมนี้หรือไม่”
“ภูมิกิตติ์” บอกว่า หากทุกอย่างเดินไปตามแผนกลยุทธ์ดังกล่าวนี้ เชื่อมั่นว่าจังหวัดภูเก็ตจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% และเห็นตัวเลขที่ 10,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 300,000 คน และมีรายได้โดยตรงประมาณ 25,200 ล้านบาทได้ภายในเดือนธันวาคมนี้แน่นอน
ม.ค.ปีหน้าได้ 4.5 แสนคน
“ภูมิกิตติ์” ย้ำด้วยว่า การทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30% หรือมีจำนวน 10,000 คนต่อวันในเดือนธันวาคมนี้นั้น จะทำให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ที่ทั่วถึงขึ้น
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะเพิ่มเป็นวันละ 15,000 คนในเดือนมกราคม 2565 หรือประมาณ 450,000 คน และมีรายได้โดยตรงประมาณ 47,250 ล้านบาท ส่วนเดือนกุมภาพันธ์คาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 350,000 คน และมีรายได้โดยตรงประมาณ 27,300 ล้านบาท
นั่นหมายความว่าทุกคนน่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีรอยยิ้มกลับมาได้อีกครั้ง
อ่านข่าวต้นฉบับ: กลยุทธ์ PHUKET 121 New Chapter นักท่องเที่ยววันละหมื่น
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ท่องเที่ยวไทย #ข่าวท่องเที่ยว