กระทรวงแรงงานเตรียมหารือ 4 หน่วยงาน ถึง 7 ประเด็น หลัง ศปก.ศบค. เห็นชอบหลักการนำเข้า MOU แก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติทะลักชายแดน
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เห็นชอบแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานตาม MOU ในสถานการณ์โควิดตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้เร่งหารือร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.), กระทรวงการต่างประเทศ (กต.), กระทรวงสาธารณสุข (สธ.), และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อดำเนินการนำเข้าโดยเร็ว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยปัญหาแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมืองตามเส้นทางธรรมชาติ และการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย
หลังพบสถานประกอบการในประเทศจำนวนมากขาดแคลนแรงงาน จึงได้มอบหมายกระทรวงแรงงานแก้ปัญหาดังกล่าว และวางแนวทางการนำเข้าแรงงานตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งวิธีนี้จะแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างตรงจุด ส่งผลให้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเพื่อทำงานลดน้อยลง
สุชาติ ชมกลิ่น รมว. แรงงาน
MOU แบ่งกลุ่มแรงงาน 3 สี
สำหรับแนวทางเบื้องต้นยังคงจัดกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่อนุญาตให้เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มสีเขียว ที่ฉีดวัคชีนครบ 2 เข็ม เป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป จะได้พิจารณาเป็นลำดับแรก โดยต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ต
กลุ่มสีเหลือง ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 1 เดือน
กลุ่มสีแดงที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย
“ทั้งนี้ นายจ้าง/สถานประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายซึ่งประกอบด้วย ค่าสถานที่กักกัน ค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ค่ารักษากรณีคนต่างด้าวติดเชื้อ หากแรงงานอยู่ในกิจการที่อยู่ในระบบประกันสังคม และเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หลังครบกำหนดระยะเวลากักตัวจะได้รับวัคซีนตามสิทธิผู้ประกันตน กรณีไม่ได้เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 นายจ้างจะต้องเป็นผู้จัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงานข้ามชาติ ซึ่งการอนุญาตให้นำเข้าจะอนุญาตตามจำนวนสถานที่รองรับในการกักตัว”
มติ ครม. ผ่อนผันขึ้นทะเบียน
นายสุชาติ กล่าวต่อไปถึงมาตรการที่กระทรวงแรงงานดูแลแรงงาน 3 สัญชาติ (เมียนมา กัมพูชา ลาว) ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาว่า กระทรวงแรงงานดำเนินการปรับเปลี่ยนระเบียบ นโยบาย หรือมาตรการต่าง ๆ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนายจ้าง/สถานประกอบการที่ขาดแคลนแรงงาน
พร้อมกับควบคุมป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเสนอ ครม. เพื่อความเห็นชอบ ซึ่งได้รับความเห็นชอบแล้ว 3 มติ ดังนี้
1.มติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ให้คนต่างด้าว 3 สัญชาตินี้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์ โควิด-19 ระลอกใหม่ โดยให้นายจ้างที่จ้างแรงงานข้ามชาติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างคนต่างด้าวผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทำให้แรงงาน 3 สัญชาติ กว่า 4 แสนรายได้รับอนุญาตทำงาน
2.มติ ครม. เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่แล้ว หรือเคยได้รับอนุญาตทำงาน แต่ไม่สามารถดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานตามขั้นตอนปกติเนื่องจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการทำงานได้ต่อไปถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 หรือ 2 ปี นับแต่วันที่การอนุญาตเดิมสิ้นสุด รวมทั้งขยายเวลาการหานายจ้างจาก 30 วัน เป็น 60 วัน ซึ่งทำให้แรงงานต่างด้าวได้รับอนุญาตทำงานกว่า 1 แสนคน ช่วยแก้ปัญหาให้นายจ้างที่ขาดแคลนแรงงาน และลดภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
3.มติ ครม. เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตรวจสถานที่ก่อสร้าง สถานประกอบการ โรงงาน และสถานที่ทำงาน เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าว เป็นระยะเวลา 30 วัน เก็บตกแรงงาน 3 สัญชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
โดยจะบันทึกข้อมูลนายจ้างและแรงงานต่างด้าว กำหนดวันนัดหมายให้นายจ้างมาดำเนินการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนแรงงงานต่างด้าว ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 เพื่อเข้าสู่ระบบการจ้างงานตามกฎหมายประเทศไทย และได้รับการดูแลตามสิทธิที่พึงมี
หากอยู่ในกิจการที่มีประกันสังคมมีสิทธิเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และได้รับการคุ้มครอง และสิทธิการรักษาพยาบาลเช่นเดียวกับคนไทยที่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือหากไม่อยู่ในกิจการที่มีประกันสังคมก็ได้รับสิทธิประกันสุขภาพตามสิทธิประกันที่มีการกำหนดให้ทำเมื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย
นายสุชาติกล่าวด้วยว่า กระทรวงยังมีโครงการให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวด้านอาหาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่แรงงานต่างด้าวในแคมป์ก่อสร้าง และลดภาระนายจ้าง/สถานประกอบการที่ถูกปิดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ร่วมระยะเวลา 27 วัน รวมแจกข้าวกล่องถึง 1.3 ล้านกล่อง สามารถช่วยเหลือคนต่างด้าวได้เกือบ 8 หมื่นคน
ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน
แผนงาน 7 ด้านรองรับนำเข้าแรงงาน
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากนี้จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเรื่องรายละเอียดขั้นตอน โดยจะหารือใน 7 เรื่องหลัก ได้แก่
การยื่นแบบคำร้องขอนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ
การดำเนินการของประเทศต้นทาง
การยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว
การอนุญาตให้นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ
จุดผ่านแดน/ด่านตรวจคนเข้าเมือง
สถานที่กักตัว
การอบรมและรับใบอนุญาตทำงาน
เมื่อได้แนวทางที่ชัดเจน จะเสนอต่อที่ประชุม ศบค. เพื่อเริ่มดำเนินการทันที
อ่านข่าวต้นฉบับ: กระทรวงแรงงานเร่ง MOU นำเข้าแรงงาน แก้ลักลอบเข้าเมืองทะลักชายแดน
Link : Read More
Tags : #ข่าวสังคม #ความรับผิดชอบต่อสังคม