ไม่นานผ่านมา กลุ่มธุรกิจ TCP ผนึกกำลังร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สนับสนุน “กลไกอาสาสมัครคุณภาพ” เพื่อเร่งดูแลผู้ป่วยเด็กและครอบครัวในพื้นที่เปราะบางทั่วกรุงเทพมหานคร ด้วยการทำโครงการ “สานฝันการศึกษาเพื่อน้อง” สร้างโอกาสทางการศึกษาไม่ให้เด็กหลุดออกนอกระบบแบบครอบคลุมทุกมิติ
ทั้งนั้น เพราะวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบอย่างหนักสู่สังคมทุกภาคส่วน เด็กในชุมชนเปราะบางมีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งจากการเข้าไม่ถึงการรักษาที่มีคุณภาพ และปัญหาเศรษฐกิจ จนท้ายที่สุด อาจส่งผลให้การศึกษาต้องหยุดชะงัก
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP จึงสานพลัง กสศ.ช่วยเหลือเด็ก ๆ กลุ่มเป้าหมายระยะเร่งด่วน ผ่านการระดมทุนสนับสนุนโครงการสนับสนุนกลไกอาสาสมัครคุณภาพให้แก่อาสา กสศ. จำนวน 100 คน คนละ 400 บาท รวมงบประมาณ 1.2 ล้านบาท
และโครงการทุนสานฝันการศึกษาเพื่อน้อง มอบโอกาสให้เยาวชนได้ศึกษาต่อในช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. 1) ผ่านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการศึกษา จำนวน 400 คน คนละ 10,000 บาท รวมเป็นงบประมาณ 4 ล้านบาท เพื่อสร้างความเสมอภาค รวมถึงดูแลเด็กและเยาวชนครอบคลุมทุกมิติ
เบื้องต้น “นุชรี อยู่วิทยา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ TCP มุ่งดูแลสังคมในภาวะวิกฤต โดยมีแนวทางตามกรอบการทำงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งมีขอบเขตการทำงานเกี่ยวกับชุมชน นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ TCP ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องดูแลพนักงานกว่า 5,000 ชีวิต จึงเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมาก
นุชรี อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจ TCP
“เพราะตลอดหลายทศวรรษผ่านมา ให้การสนับสนุนโครงการการศึกษา ทั้งในและนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง เช่น มอบทุนการศึกษา แนะแนวอาชีพบุตรหลานพนักงาน ริเริ่มโครงการด้านการศึกษาร่วมกับภาครัฐ กระทั่งเมื่อวิกฤตโควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญขณะนี้ จนทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือเด็กกลุ่มเปราะบาง”
“ดังนั้น เรื่องเร่งด่วนที่เราจะเข้าไปดูแลร่วมกับ กสศ.คือการดูแลสุขภาพความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัย และอยู่ในสภาพที่พร้อมเรียนรู้ รวมทั้งมีทุนทรัพย์พอที่จะได้เรียนหนังสือต่อโดยไม่ต้องออกจากระบบกลางคัน โดยให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการกลไกอาสาสมัครคุณภาพ และโครงการทุนสานฝันการศึกษาเพื่อน้อง ที่ดูแลทั้งสุขภาพและทุนทรัพย์ไปพร้อมกัน”
“นุชรี” กล่าวต่อว่า ส่วนกลไกอาสาสมัครคุณภาพจะทำหน้าที่เป็นกำลังเสริมให้แก่หน่วยงานหลักต่าง ๆ เช่น อาสาสมัครคุณครูทั้งในระบบและนอกระบบในชุมชนอาสาสมัครเยาวชน จะช่วยรับส่งผู้ป่วยเด็กรวมถึงส่งชุดยาและเครื่องมือติดตามอาการ หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตในกรณีจำเป็นเร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง
“ทั้งยังสนับสนุนระบบอาสาสมัครดูแลเด็กสัมผัสเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ระหว่างระยะเวลากักตัว 14 วัน ในสถานที่กักตัว (state quarantine) รวมถึงดูแลเด็กป่วยติดเชื้อที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในสถานพยาบาลทุกรูปแบบ พร้อมจัดตั้งอาสาสมัครเยี่ยมเด็กและครอบครัวในพื้นที่ชุมชน เพื่อติดตามการเลี้ยงดู ส่งยา อาหารหรือเครื่องใช้จำเป็น และอาสาสมัครเลี้ยงดูเด็กชั่วคราวในครอบครัวอุปถัมภ์”
“ดร.ไกรยส ภัทราวาท” รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวเสริมว่า สถานการณ์ปัจจุบันพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 รายวันล่าสุดประมาณ 2,900 คน มีจำนวนเด็กติดเชื้อสะสม 107,245 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2564) ในจำนวนนี้คาดว่าราว 70% เป็นกลุ่มยากจนด้อยโอกาส
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
“เนื่องจากสมาชิกแต่ละครอบครัวอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด ความแออัดทำให้การติดเชื้อโรคโควิด-19 เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้รับผลกระทบในทุกมิติ ได้แก่ สุขภาพกาย ใจ สังคม และความเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา กสศ.จึงระดมความร่วมมือเพื่อทำงานเชิงรุกบรรเทาปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ผ่านศูนย์ประสานช่วยเหลือเด็กในภาวะวิกฤต กสศ. เพื่อเสริมการทำงานของหน่วยงานหลักที่ยังเป็นช่องว่าง หรือเป็นอุปสรรคทำให้กลุ่มเป้าหมายตกอยู่ในภาวะวิกฤต”
“โดยสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นเร่งด่วน และสำคัญที่สุดคือกลไกอาสา กสศ.ที่มีภารกิจชัดเจนว่าวิกฤตเกิดขึ้นกับเด็กของเราที่จุดไหน อาสา กสศ.จะเข้าไปช่วยในจุดนั้นอย่างรวดเร็วทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นทาง”
“นอกจากนี้ ในระยะฟื้นฟูจะมีการติดตาม วางแผนช่วยเหลือเป็นรายคนเพื่อป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา กสศ.จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมกันสร้างระบบคุ้มครองทางสังคม เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้เกิดขึ้นได้จริง”
แม้จะผจญอยู่ในท่ามกลางวิกฤตก็ตาม
อ่านข่าวต้นฉบับ: TCP จับมือ กสศ. ดูแลผู้ป่วยเด็กกลุ่มเปราะบาง
Link : Read More
Tags : #ข่าวสังคม #ความรับผิดชอบต่อสังคม