ชวนทำความรู้จัก “ใส่ใจ” แชทบอตปัญญาประดิษฐ์ ดูแลสุขภาพจิต เสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่มีความรู้ทางด้านจิตวิทยา สามารถพูดคุยกับผู้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา แก้ปัญหาช่วงโควิดระบาด
วันที่ 13 สิงหาคม 2564 รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยมหิดลระบุว่า คณะวิศวะมหิดล ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ผนึกความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวนวัตกรรมแชตบอต “ใส่ใจ” (Psyjai) ที่สามารถพูดคุยกับทุกเพศวัย ก้าวล้ำด้วยเอไอที่จะมาช่วยประเมินสภาวะจิตใจ และอารมณ์เบื้องต้น ทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียดด้วยหลักจิตวิทยา ซึ่งตอนนี้เปิดให้บริการแล้วในทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชม.
ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหาโควิด-19 ในปัจจุบัน ก่อให้เกิดความเครียดวิตกกังวลหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งความเครียดอาจแสดงออกมาเป็นรูปแบบของการนอนไม่หลับ ไม่สามารถหาความสุขจากกิจกรรมในวันธรรมดา ๆ ได้จนทำให้ท้อแท้ และรู้สึกว่าไม่สามารถเอาชนะความยากลำบากของตัวเองได้ รวมถึงความรู้สึกทุกข์ใจ และซึมเศร้า รวมถึงการเสียความมั่นใจในตัวเองจนรู้สึกตัวเองไร้ค่า เป็นต้น
ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
“ทีมวิจัยจึงพัฒนานวัตกรรมแชตบอตใส่ใจ (Psyjai) ที่เป็นเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่มีความรู้ทางด้านจิตวิทยาสามารถพูดคุยกับผู้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา และใช้งานง่าย โดยทีมวิจัยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการดูแลคนไทยให้มีสุขภาพจิตที่ดี ผู้ใช้งานสามารถตระหนักรู้ถึงสภาวะอารมณ์ของตนเอง”
“ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า จนนำไปสู่การจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดความยากลำบากของประชาชนในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพจิตในช่วงโควิด-19 ทั้งที่เป็นผลกระทบจากโควิด-19 หรือประเด็นปัญหาทั่วไป เพื่อช่วยคนไทยทุกเพศวัยสามารถดูแลสุขภาพจิตตนเองได้ทันท่วงที”
สำหรับแชตบอตใส่ใจ (Psyjai) จะให้บริการผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence : AI) วิเคราะห์อารมณ์จากเนื้อหาการพูดคุย และมีระบบจัดการการสนทนา (dialogue management) สำหรับส่งข้อความโต้ตอบให้สอดคล้องกับอารมณ์ และประเด็นปัญหาที่ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ หรือตรวจจับได้ เพราะ “แชตบอตใส่ใจ” ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
หนึ่ง ประเมินสภาวะอารมณ์ ได้แก่ อารมณ์เศร้า เครียด และวิตกกังวล ที่มีต่อภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ข่าวสารโซเชียลมีเดีย หรือจากผลกระทบต่ออาชีพการงาน การศึกษา การปรับตัวทางสังคม ภาระการดูแลสมาชิกในครอบครัว ทั้งนี้เพื่อสร้างภาวะตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงของภาวะสุขภาพจิตในระยะเริ่มแรกที่สามารถให้การดูแลง่าย
สอง ให้การดูแลประคับประคองอารมณ์ในระดับเบื้องต้น (emotional support) โดยอ้างอิงหลักการให้การดูแลจิตใจตามหลักจิตวิทยา โดยผู้ใช้งานสามารถพูดคุยกับแชตบอตได้ทุกที่ทุกเวลา และมีการบ้านหรือแบบฝึกหัด (homework) เพื่อกระตุ้นให้นำเนื้อหาที่พูดคุยไปปรับใช้จริง และผู้ใช้งานสามารถติดตามความก้าวหน้าของตนเองได้บนหน้าแสดงข้อมูล (dashboard)
ส่วนวิธีใช้งาน สามารถเข้าไปใช้งานโดยเสิร์ชหาคำว่า “Psyjai” ในช่องค้นหาของแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก หรือ www.facebook.com/psyjaibot/ หลังจากเข้ามาที่หน้าเฟซบุ๊กเพจใส่ใจแล้ว ก็สามารถกดปุ่ม “ส่งข้อความ” เพื่อเริ่มพูดคุยทันที
นอกจากนี้แชตบอต “ใส่ใจ” ยังมีระบบให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ใช้งานที่มีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายตนเอง หรือมีภาวะอารมณ์ที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยง โดยจะให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาความลับของผู้ใช้งานตามมาตรฐานสากล ทั้งในด้านคะแนนการประเมินสุขภาพจิต และเนื้อหาที่พูดคุย
รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ หัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่าปัจจุบันปัญหาด้านสุขภาพจิตมีความรุนแรงมากขึ้น พบได้ในคนทุกกลุ่มอายุ ในขณะที่ความสามารถในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพจิตที่เป็นมาตรฐานนั้นมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ทั่วโลกต่างกำลังเจอวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19
รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ หัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
จากสถิติของกรมสุขภาพจิต รายงานว่า เฉพาะช่วง ม.ค. 2564 เดือนเดียวมีผู้ขอรับบริการโทร.ปรึกษาผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เกี่ยวกับความเครียดจากโควิด-19 มีจำนวนสูงลิ่วถึง 1.8 แสนคน เปรียบเทียบกับทั้งปี 2563 มีจำนวนการโทร.ขอคำปรึกษาอยู่ที่ราว 7 แสนคน
ดังนั้น ใส่ใจ แชตบอตบริการทางสุขภาพจิต จึงตอบโจทย์ด้วยดี คือเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็วในการประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นด้วยตนเองอย่างถูกต้อง และสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้เป็นจำนวนมาก สะดวกมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดการเดินทาง และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกด้วย
พณิดา โยมะบุตร นักจิตวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตใจ แบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยทางด้านกายภาพ เช่น พันธุกรรม เพศ อายุ 2.ปัจจัยทางด้านจิตสังคม เช่น พื้นฐานทางจิตใจ อารมณ์ ทักษะการแก้ปัญหา สภาพแวดล้อม เป็นต้น
พณิดา โยมะบุตร นักจิตวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
“ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน กระทบการดำเนินชีวิตของคนในหลาย ๆ ด้าน ถือเป็นภาวะวิกฤตที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต วิธีป้องกันสุขภาพจิตดีที่สุดคือ หมั่นสำรวจภาวะอารมณ์และความคิดของตนเอง เรียนรู้และจัดการตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลที่เหมาะสม แต่ด้วยข้อจำกัดของจำนวนบุคลากรและการเข้าถึง ทำให้มีประชากรไทยจำนวนมากไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพจิตจนปัญหารุนแรงขึ้นจนถึงระดับที่แก้ไขได้ยาก”
“ทีมวิจัยพัฒนาแชตบอตใส่ใจ บูรณาการองค์ความรู้ทางจิตวิทยาคลินิก และจิตเวช ผสานเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างเครื่องมือเป็นบริการเพื่อสังคมที่เข้าถึงคนในวงกว้างได้ง่ายและลดช่องว่างดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของคนไทยแล้วยังเป็นการยกระดับการให้บริการสุขภาพจิตในประเทศไทยให้ก้าวไปกับโลกและไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอีกด้วย”
ดังนั้น หากใครรู้สึกไม่สบายใจ เครียด หรือสงสัยว่าตนมีอาการซึมเศร้าหรือไม่ สามารถเข้าถึงบริการ “ใส่ใจ” แชตบอตทางสุขภาพจิตทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเฟซบุ๊กทั้งในสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อ่านข่าวต้นฉบับ: รู้จัก “ใส่ใจ” แชทบอต AI ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต 24 ชม.
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #IT Techonogy #ข่าวไอที