vivo X300 Series เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมงาน BT beartai ได้มีโอกาสไปร่วมงานและสัมผัสเครื่องจริงของสมาร์ตโฟนเรือธงที่เน้นการถ่ายภาพ ซึ่งรอบนี้จัดเต็มมาถึง 2 รุ่น ได้แก่ vivo X300 และ vivo X300 Pro บอกเลยว่างานนี้ vivo ยกระดับระบบกล้องไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีจาก Zeiss และเซนเซอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจสุด ๆ สเปกกล้องระดับเซียนด้วยระบบ Zeiss ภาพสวยตั้งแต่กดถ่าย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ vivo X300 Series คือระบบกล้อง Zeiss Imaging System ที่มาพร้อมเลนส์คุณภาพสูง เคลือบด้วยเทคโนโลยี Zeiss T* เพื่อลดแสงสะท้อนและแสงฟุ้ง ทำให้ภาพคมชัดและมีสีสันที่สมจริงราวกับตาเห็น vivo X300 Pro จัดเต็มด้วยกล้องหลักเซนเซอร์ Sony LYT-828 ขนาด 1/1.28…
The post รวมไฮไลต์เด็ด ”vivo X300 Series“ ใช้ OriginOS 6 ทั่วโลกครั้งแรก ! มีฟีเจอร์ใหม่อะไรบ้าง ? appeared first on BT beartai.
vivo X300 Series เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมงาน BT beartai ได้มีโอกาสไปร่วมงานและสัมผัสเครื่องจริงของสมาร์ตโฟนเรือธงที่เน้นการถ่ายภาพ ซึ่งรอบนี้จัดเต็มมาถึง 2 รุ่น ได้แก่ vivo X300 และ vivo X300 Pro บอกเลยว่างานนี้ vivo ยกระดับระบบกล้องไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีจาก Zeiss และเซนเซอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจสุด ๆ
สเปกกล้องระดับเซียนด้วยระบบ Zeiss ภาพสวยตั้งแต่กดถ่าย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ vivo X300 Series คือระบบกล้อง Zeiss Imaging System ที่มาพร้อมเลนส์คุณภาพสูง เคลือบด้วยเทคโนโลยี Zeiss T* เพื่อลดแสงสะท้อนและแสงฟุ้ง ทำให้ภาพคมชัดและมีสีสันที่สมจริงราวกับตาเห็น
vivo X300 Pro จัดเต็มด้วยกล้องหลักเซนเซอร์ Sony LYT-828 ขนาด 1/1.28 นิ้ว พร้อมกล้องซูม Periscope Telephoto ความละเอียดสูงถึง 200 MP ที่ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ HPB ขนาด 1/1.4 นิ้ว ซึ่ง vivo พัฒนาร่วมกับ Samsung และ MediaTek ทำให้การโฟกัสแม่นยำขึ้น จับภาพเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก
สำหรับ vivo X300 มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 200 MP ใช้เซนเซอร์ HPB ขนาด 1/1.4 นิ้ว เช่นกัน จับคู่กับกล้อง Ultra Wide 50 MP และกล้อง Periscope Telephoto 50 MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony LYT-602 สามารถซูมแบบ Optical ได้ถึง 3 เท่า แถมเลนส์ยังใช้กระจก Super Blue Glass ที่ช่วยให้ภาพใสเคลียร์ ลดแสงโกสต์และแฟลร์อย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญคือเป็นครั้งแรกที่รุ่นธรรมดามาพร้อมมาตรฐาน ZEISS APO ทำให้สีสันตรงมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมี กล้องหน้า 50 MP ที่รองรับการถ่ายวิดีโอ Portrait แบบ 4K 60fps และทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ vivo V3+ เพื่อภาพที่สวยงามไร้ที่ติ รวมถึงระบบกันสั่นระดับสูง CIPA 4.5 (X300) และ CIPA 5.5 (X300 Pro)
OriginOS 6 เปิดให้ใช้งานได้ทั่วโลกครั้งแรก !
โดยมือถือทั้งสองรุ่นใช้ชิปเซตเรือธง MediaTek Dimensity 9500 มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Android 16 และ OriginOS 6 ที่เพิ่งเปิดตัวระดับ Global ไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
ซึ่งเกิดจากเสียงเรียกร้องของแฟน ๆ ทั่วโลกที่อยากสัมผัสประสบการณ์ความลื่นของการใช้งานในมิติใหม่ ๆ
และในที่สุด vivo ก็ได้นำ OriginOS 6 Global Version มาให้ใช้กันเป็นครั้งแรกบน vivo X300 Series นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานระบบ Android 16 พร้อมสโลแกน ‘Smooth at Origin’ ที่สื่อถึงความลื่นไหลในทุกการใช้งาน การันตีโดยสื่อในประเทศจีนที่ยกให้เป็นระบบปฏิบัติการที่เปิดแอปพลิเคชันได้รวดเร็วที่สุดในเวลานี้
อย่างที่แฟน ๆ vivo ทราบกันดี ก่อนหน้านี้ระบบที่ให้ใช้งานในระดับ Global คือ FuntouchOS ซึ่ง OriginOS 6 จะแตกต่างจาก FuntouchOS เดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยดีไซน์ใหม่ที่เน้นความทันสมัย มีลูกเล่นแสงและเรืองแสงในปุ่มคำสั่งต่าง ๆ รวมถึงการปรับหน้า Control Center ใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Origin Island ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถลากภาพ วิดีโอ หรือไฟล์จากหน้าจอไปแชร์ได้สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิมมาก
ไม่เพียงแค่ดีไซน์ที่สวยงาม แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพที่ถูกปรับปรุงใหม่หมดจด ตั้งแต่การประมวลผลของ CPU, GPU, RAM และ ROM ไปจนถึงแอนิเมชันการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลสบายตา และการจัดการพลังงานที่ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ OriginOS 6 ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เรื่องความปลอดภัย ด้วย vivo Security ที่ช่วยปกป้องข้อมูลและมีโหมดส่วนตัว Private Space ที่สามารถแยกการจัดเก็บข้อมูลได้เสมือนใช้สมาร์ตโฟน 2 เครื่อง การเข้าถึงต้องใช้รหัสผ่านหรือสแกนนิ้วมือเท่านั้น
และตอนนี้ยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับ MacBook ได้แล้ว ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ จะมีการทยอยอัปเดต AI ด้านการถ่ายภาพตามมาภายหลัง
ดีไซน์บางเบา ไร้รอยนิ้วมือ ด้วยนวัตกรรมพิเศษ
ด้านดีไซน์และหน้าจอ vivo X300 มีขนาดหน้าจอ 6.31 นิ้ว ส่วน X300 Pro มีขนาด 6.78 นิ้ว ตัวเครื่องทั้งสองรุ่นผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และ IP69 ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งมาก บริเวณฐานโมดูลกล้องใช้เทคโนโลยี 3D Cold-Carved Glass ทำให้ขนาดโมดูลเล็กลง ดูเรียบง่าย และทนทานขึ้น ส่วนฝาหลังใช้เทคโนโลยี Coral Velvet ให้ผิวสัมผัสแบบด้านที่นุ่มนวลและไม่ทิ้งรอยนิ้วมือ
เลนส์เสริมเพิ่มความเป็นมืออาชีพดุจช่างภาพระดับโปร
ไม่เพียงแค่ประสิทธิภาพของกล้องจากตัวเครื่องเท่านั้น vivo ยังมีชุดเลนส์เสริม 2.35x ที่ช่วยเพิ่มพลังซูมให้คมชัดยิ่งขึ้นไปอีก (สูงสุดที่ระยะ 800 มม.) ซึ่งใช้ได้กับทั้งรุ่น X300 และ X300 Pro โดยภายในงานยังโชว์ให้เห็นประสิทธิภาพของสมาร์ตโฟน vivo X300 Pro ที่ใช้งานคู่กับเลนส์เสริมในการถ่ายทอดสดบนเวทีงานเปิดตัว ถือว่าเป็นการพิสูจน์ถึงพลังความคมชัดของกล้องว่าสามารถทำได้ดีเทียบเท่ากล้องระดับโปรเลยทีเดียว
และไฮไลต์สำคัญต่อมา คือการเปิดเผยราคาจำหน่ายในประเทศจีน โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
vivo X300 Pro มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ Dune Brown, Mist Blue, Cloud White และ Phantom Black ราคาเริ่มต้น 5,299 หยวน หรือประมาณ 26,600 บาท
vivo X300 มี 4 สี ได้แก่ Halo Pink, Iris Purple, Mist Blue และ Phantom Black ราคาเริ่มต้น 4,399 หยวน หรือประมาณ 22,100 บาท
สำหรับแฟน ๆ ชาวไทย vivo X300 Series เตรียมจะเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เพจ vivo
The post รวมไฮไลต์เด็ด ”vivo X300 Series“ ใช้ OriginOS 6 ทั่วโลกครั้งแรก ! มีฟีเจอร์ใหม่อะไรบ้าง ? appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/
