ถ้าพูดถึง คลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) หลายคนอาจจะไม่รู้จัก และไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร มันอาจจะเหมือนกับ Cloud Drive (Google Drive, iCloud, OneDrive) ที่เราเอาไว้เก็บฝากไฟล์หรือเปล่า เอาจริง ๆ มันก็ใช่ เพราะจัดเป็น “หนึ่งในบริการ” นั่นเอง คำว่า Cloud Computing มันมีความหมายกว้างกว่านั้น ตามนิยามของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIST (National Institute of Standards and Technology) ระบุว่ามันคือ โมเดลการให้บริการที่ทำให้เราสามารถเรียกใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เช่น ระบบเครือข่าย (Network), เซิร์ฟเวอร์ (Servers), พื้นที่เก็บข้อมูล (Storage), แอปพลิเคชัน (Application) และบริการต่าง ๆ (Services) ผ่านอินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่ทุกเวลาที่เราต้องการ ปกติแล้วการจะเข้าไปใช้ Cloud Computing ได้ก็ต้องทำการ “เช่าใช้” ซะก่อน ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ…
The post ทำไม Cloud Computing จึงเป็นมากกว่าแค่เทคโนโลยี แต่คืออนาคตขององค์กร ? appeared first on BT beartai.
ถ้าพูดถึง คลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) หลายคนอาจจะไม่รู้จัก และไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร มันอาจจะเหมือนกับ Cloud Drive (Google Drive, iCloud, OneDrive) ที่เราเอาไว้เก็บฝากไฟล์หรือเปล่า เอาจริง ๆ มันก็ใช่ เพราะจัดเป็น “หนึ่งในบริการ” นั่นเอง
คำว่า Cloud Computing มันมีความหมายกว้างกว่านั้น ตามนิยามของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIST (National Institute of Standards and Technology) ระบุว่ามันคือ โมเดลการให้บริการที่ทำให้เราสามารถเรียกใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เช่น ระบบเครือข่าย (Network), เซิร์ฟเวอร์ (Servers), พื้นที่เก็บข้อมูล (Storage), แอปพลิเคชัน (Application) และบริการต่าง ๆ (Services) ผ่านอินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่ทุกเวลาที่เราต้องการ
ปกติแล้วการจะเข้าไปใช้ Cloud Computing ได้ก็ต้องทำการ “เช่าใช้” ซะก่อน ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ หลายราคา ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud Provider) ที่เป็นผู้ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Centers) โครงสร้างพื้นฐานสำหรับให้บริการเช่าทรัพยากรคอมพิวเตอร์ จะแบ่งสันปันส่วนอย่างไร
เทียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับ “คอนโดมิเนียมแบบเช่า” ที่เจ้าของโครงการ (Cloud Provider) มีหน้าที่สร้างตึก (เหมือนกับ Data Center), เดินระบบน้ำไฟ (เหมือนกับระบบ Network), จัดหายามรักษาความปลอดภัย (เหมือนกับระบบ Security) และดูแลทุกอย่างให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ส่วนเราในฐานะผู้ใช้ ก็แค่เลือก “เช่าห้อง” (ทรัพยากรคอมพิวเตอร์) ตามขนาดและรูปแบบที่ต้องการ แล้วจ่ายเงินตามที่ใช้งานจริง
Cloud Computing ส่วนใหญ่ก็จะมีคนมาเช่าเพื่อใช้งานหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่
ใช้รันแอปพลิเคชัน (Application Hosting) เพื่อให้เข้าถึงจากที่ไหนก็ได้ หรือต้องการใช้ประสิทธิภาพการประมวผลที่สูงกว่าอุปกรณ์ทั่วไป (เช่น นักพัฒนาแอปฯ หรือนักพัฒนาระบบ รวมถึงการใช้งานด้าน AI)
ใช้เป็นเว็บโฮสติง (Web Hosting) เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ (bt.th ก็เช่าใช้ในรูปแบบนี้)
ใช้เป็นโกดังเก็บข้อมูล (Storage) เพื่อให้สามารถเข้ามาเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ อันนี้น่าจะคุ้นเคยกัน เพราะ Google Drive, iCloud, OneDrive, Dropbox เองก็เป็นบริการที่หลายคนได้ใช้
ประเภทของ Cloud Computing
ปกติแล้วผู้ให้บริการคลาวด์ก็จะแบ่งพื้นที่ให้เรามาส่วนหนึ่ง แต่ถ้าไม่พอใช้ก็สามารถไปขอเช่าพื้นที่เพิ่มได้ตามความต้องการ ซึ่งรูปแบบการเช่าก็จะมี 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
IaaS – Infrastructure as a Service บริการให้เช่าโครงสร้างพื้นฐานของ Cloud : บริการนี้ทางผู้ให้บริการจะแบ่งพื้นที่มาให้ตามจำนวนเงินที่จ่าย และเปิดให้ “เราสามารถจัดการทุก ๆ อย่างได้ด้วยตัวเอง” ตั้งแต่การควบคุมหน่วยประมวลผล (Compute), จัดสรรพื้นที่หน่วยจัดเก็บข้อมูล (Storage), ปรับแต่งระบบเครือข่าย (Networking) หรือการติดตั้งระบบปฏิบัติการ เสมือนมี Data Center ส่วนตัว ที่อยู่บน Cloud
เทียบให้เห็นภาพมันก็เหมือนกับการเช่าที่ดินในโครงการจัดสรรที่เขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ทั้งถนน, ท่อประปา และสายไฟฟ้ามาจ่อรอที่หน้าแปลง ที่ดินผืนนี้เป็นของคุณชั่วคราว (ตราบเท่าที่จ่ายค่าเช่า) คุณมีอิสระเต็มที่ว่าจะสร้างบ้านทรงอะไร, ทาสีอะไร, จัดสวนแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เช่า IaaS ก็จะเป็นนักพัฒนาระบบฯ, นักพัฒนา AI, หรือธุรกิจที่เติบโตเร็ว, องค์กรที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
PaaS – Platform as a Service บริการให้เช่าแพลตฟอร์มบน Cloud : บริการนี้ทางผู้ให้บริการจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ มีแพลตฟอร์มและเครื่องมือต่าง ๆ ที่พร้อมใช้ ผู้เช่าสามารถเข้ามาพัฒนาแอปฯ หรือทดสอบสิ่งต่าง ๆ ในระบบฯ ได้โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเลย
เทียบให้เห็นภาพ บริการนี้ก็เหมือนกับ การเช่าครัวกลาง ที่เขาแบ่งห้องและเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัวให้แล้ว ไม่ต้องก่อสร้างเอง ไม่ต้องไปหาซื้อเครื่องครัวเอง เข้าไปแค่ตัวกับวัตถุดิบก็เริ่มทำอาหารได้ทันที หรืออีกแบบที่ใกล้เคียงกันคือเหมือนกับการขอเช่าคอมฯ แรง ๆ มาใช้งาน หรือการเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ส่วนใหญ่คนที่มาเช่าก็จะเป็นนักพัฒนาเว็บไซต์, นักพัฒนาแอปฯ มือถือ, สตาร์ตอัป และธุรกิจกลางและขนาดย่อม
SaaS – Software as a Service บริการให้เช่าซอฟต์แวร์สำเร็จรูป : บริการที่เชื่อว่าเราหลายคนน่าจะคุ้นเคยที่สุด เพราะใกล้ตัวเรามาก ๆ เช่น Google Workspace ที่มี Docs, Drive, Gmail, Canva ที่หลายคนใช้ออกแบบ, Microsoft 365 ที่ใช้ทำเอกสาร, Adobe สำหรับสาย Creative & Design
ทั้งหมดนี้คือบริการที่เราในฐานะผู้ใช้งาน สามารเข้าถึงและใช้งานได้เลยผ่านอินเทอร์เน็ต และทุกอย่างทุกจัดเตรียมไว้ให้แล้ว เราไม่มีอิสระในการปรับเปลี่ยนอะไรเกี่ยวกับระบบฯ เลย นั่นคือระบบให้อะไรมาใช้ ก็ใช้เท่านั้น ปรับแต่งไม่ได้
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการเจ้าไหนบ้างในท้องตลาด ?
ปัจจุบันเรามีผู้ให้บริการ Cloud Computing ระดับโลกหลายเจ้าให้ลองเลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, Google Cloud, Alibaba Cloud, Huawei Cloud, Tencent Cloud ซึ่งในอนาคตก็อาจจะมีมากกว่านี้ เพราะ Cloud Computing ก็กำลังบูมและคนหันมาเลือกใช้บริการมากขึ้น
Cloud Computing : อนาคตขององค์กร
ทุกวันนี้หลายองค์กรมีการใช้ Cloud Computing อยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่อาจจะอยู่ในระดับ SaaS แต่ในอนาคตอาจจะมีการขยับเข้ามาเป็น PaaS หรือ IaaS มากขึ้น เนื่องจากข้อดีหลัก ๆ ที่ตอบโจทย์ความท้าทายของยุคดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้แก่
ความคล่องตัวและความยืดหยุ่น ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการเพิ่มหรือลดทรัพยากร (เช่น Server หรือพื้นที่เก็บข้อมูล) ได้ทันทีตามความต้องการ (Pay-as-you-go) คือกุญแจสำคัญ Cloud Computing ช่วยให้ธุรกิจสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ เปิดตลาดใหม่ หรือรองรับช่วงที่มีผู้ใช้งานสูงสุดได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์เหมือนในอดีต
ลดต้นทุน ธุรกิจไม่จำเป็นต้องลงทุนล่วงหน้าจำนวนมากไปกับการซื้อ, ติดตั้ง และบำรุงรักษา Data Center ของตนเอง ซึ่งช่วยลดทั้งค่าใช้จ่ายด้านเงินทุน (Capex) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Opex) เช่น ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา และค่าจ้างบุคลากรเฉพาะทาง
ทำงานได้จากทุกที่ ด้วยโมเดลบริการอย่าง SaaS พนักงานสามารถเข้าถึงเครื่องมือและข้อมูลที่จำเป็นได้จากทุกอุปกรณ์ ทุกเวลา ทำให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ธุรกิจสามารถขยายการดำเนินงานไปยังตลาดทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ Cloud Computing เป็นมากกว่าแค่เทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่คือ อนาคตขององค์กรอย่างแท้จริง ลองนึกภาพดูสิว่า การที่เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ เข้าถึงทรัพยากรได้อย่างรวดเร็ว และปรับขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ทันทีที่ต้องการ มันคือความสามารถในการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุด
The post ทำไม Cloud Computing จึงเป็นมากกว่าแค่เทคโนโลยี แต่คืออนาคตขององค์กร ? appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/
