Charlie Munger รองประธานบริษัท Berkshire Hathaway ทิ้งมรดกทางปัญญาไว้เบื้องหลัง 5 บทเรียนสำคัญทั้งในเรื่องการดำเนินชีวิตและการลงทุน
The post ‘ชาร์ลี มังเกอร์’ มือขวาปู่บัฟเฟตต์ฝาก 5 บทเรียนอันล้ำค่าไว้แก่คนรุ่นหลัง appeared first on BT beartai.
ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ ผู้เป็นตำนานแห่งวงการการลงทุนที่เปรียบเสมือนคู่คิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์มายาวนาน เขาไม่เพียงแต่ทิ้งมรดกทางปัญญาไว้เบื้องหลัง แต่ยังฝากบทเรียนอันล้ำค่าไว้แก่คนรุ่นหลัง ทั้งในเรื่องการดำเนินชีวิตและการลงทุน
ในช่วงสุดท้ายของชีวิตมังเกอร์ได้ถ่ายทอดบทเรียนสำคัญที่เขาเชื่อว่าสามารถนำพาคนสู่ความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน โดยแต่ละข้อเต็มไปด้วยปรัชญาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพื่อไว้เป็นมรดกที่ไม่มีวันเสื่อมคลายสำหรับทุกคนที่อยากเติบโตและก้าวไปข้างหน้าในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาได้ฝาก 5 เคล็ดลับที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง สำหรับการประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน
ความน่าเชื่อถือคือหัวใจสำคัญ
สองนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งมังเกอร์และบัฟเฟตต์เชื่อว่า ‘ความน่าเชื่อถือ’ คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ เขากล่าวว่า “ความสามารถนี้ไม่ได้ยากเกินจะเรียนรู้ แต่กลับมีผลกระทบมหาศาลต่อความก้าวหน้าในชีวิต”
โดยความน่าเชื่อถือหมายถึง การทำสิ่งที่คุณสัญญาไว้อย่างซื่อสัตย์และต่อเนื่อง หากคุณรับปากหรือมอบหมายงานบางอย่างให้กับตัวเอง คุณต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์โดยไม่หาข้อแก้ตัว เพราะถ้าคุณขาดความน่าเชื่อถือ คุณจะล้มเหลวทันทีไม่ว่าจะมีความสามารถในด้านอื่นมากเพียงใด
ฝึกฝนการคิดย้อนกลับ
อีกหนึ่งแนวคิดที่โด่งดังของมังเกอร์คือ ‘การคิดย้อนกลับ’ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาโดยเริ่มจากการมองหาสิ่งที่อาจผิดพลาดหรือสร้างปัญหา แล้วหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นแทนการคิดไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว เขาเชื่อว่าการคิดเช่นนี้ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความล้มเหลวและเพิ่มโอกาสความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต
วิธีคิดนี้ช่วยให้เรามองปัญหาในมุมที่ต่างออกไป และสามารถระบุอุปสรรคหรือความเสี่ยงที่อาจมองข้ามไปได้ ตัวอย่างที่เขายกมาคือในเกมไพ่บริดจ์ (Bridge) ผู้เล่นที่เก่งจะไม่เพียงถามว่า “ฉันจะทำอย่างไรให้ได้แต้มมากที่สุด?” แต่จะคิดย้อนกลับไปด้วยว่า “อะไรคือสิ่งที่อาจทำให้ฉันเสียแต้มมากที่สุด?” การคิดทั้งสองทางนี้จะช่วยให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากขึ้น
ในชีวิตจริง การคิดย้อนกลับช่วยในหลายสถานการณ์ เช่น หากคุณต้องการความสำเร็จในงาน คุณควรถามตัวเองว่า “อะไรจะทำให้งานนี้ล้มเหลว?” แทนที่จะคิดแค่ “ฉันจะทำให้งานนี้สำเร็จได้อย่างไร” การค้นหาความล้มเหลวที่เป็นไปได้และป้องกันมัน จะเพิ่มโอกาสให้คุณประสบความสำเร็จมากขึ้น
เรียนรู้จากคนเก่งและความล้มเหลวของคนอื่น
การเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นทั้งในแง่ของความสำเร็จและความล้มเหลว เพราะเรานั้นไม่จำเป็นต้องเกิดจากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองเสมอไป แต่สามารถเร่งความสำเร็จได้ด้วยการศึกษาบทเรียนจากผู้อื่นในอดีตและปัจจุบัน
มังเกอร์ยกตัวอย่างแนวคิดการเรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่นในเชิงเปรียบเทียบว่า หากคุณสามารถ “ยืนบนไหล่ของยักษ์” คุณจะสามารถมองเห็นและเข้าใจโลกได้ไกลและกว้างกว่าเดิม ความสำเร็จของคนที่มาก่อนหน้าเราเต็มไปด้วยบทเรียนอันล้ำค่าที่ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปกับการทดลองที่อาจล้มเหลว
หนังสือประวัติศาสตร์ราคาไม่กี่ร้อยบาท อาจซ่อนบทเรียนที่มีคุณค่าเทียบเท่ากับเงินหลายพันล้านบาท หากคุณตั้งใจที่จะศึกษาและนำมาปรับใช้
— ชาร์ลี มังเกอร์
รวมถึงมังเกอร์ยังเน้นถึง ‘ความอ่อนน้อมถ่อมตน’ ในการเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว เนื่องจากเหล่าคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปและไม่เปิดใจรับฟังบทเรียนจากผู้อื่น มักจะพลาดโอกาสสำคัญในชีวิต
ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและการสังเกตข้อผิดพลาดของผู้อื่นเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว
เตรียมตัวรับมือกับความลำบาก
“ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ” เราต้องพร้อมรับมือกับปัญหาและความไม่ยุติธรรมที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต อย่างไรก็ตาม มังเกอร์เชื่อว่า การเตรียมพร้อมและมองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ช่วยให้เราเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่จมอยู่กับความทุกข์อันยากลำบาก
ในทุก ๆ ความลำบากนั้นแฝงไว้ด้วยบทเรียนสำคัญ หากเรามองมันเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง แทนที่จะจมอยู่ในความเสียใจหรือความทุกข์ จะสามารถเปลี่ยนความลำบากให้กลายเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ได้
โดยในเชิงปฏิบัติ มังเกอร์แนะนำให้เราฝึกมองสถานการณ์ในมุมมองที่หลากหลาย เช่น การคิดถึง “สิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น” และถามตัวเองว่าเรามีแผนหรือทรัพยากรอะไรบ้างที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นไปได้ แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยให้เรารับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดความวิตกกังวลในระยะยาวอีกด้วย
เข้าใจและจัดการความผิดพลาด
ทุกคนต้องเผชิญกับข้อผิดพลาดหรือการตัดสินใจที่ผิดพลาดในช่วงหนึ่งของชีวิต แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การพยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทั้งหมด แต่อยู่ที่ความสามารถในการเข้าใจและจัดการกับมัน มังเกอร์กล่าวไว้ว่า “ชีวิตไม่มีทางที่จะปราศจากความผิดพลาด แต่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะทำผิดพลาดให้น้อยกว่าคนอื่น และแก้ไขมันได้เร็วขึ้นเมื่อมันเกิดขึ้น”
เปรียบชีวิตกับเกมโป๊กเกอร์ ซึ่งในบางครั้ง คุณอาจต้องยอมแพ้แม้จะรักไพ่ในมือขนาดไหนก็ตาม เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักประเมินใหม่ว่าคุณอยู่ในสถานะที่ดีพอจะสู้ต่อหรือไม่ และไม่จมปลักกับสิ่งที่ผิดพลาดจนพลาดโอกาสใหม่ที่ดีกว่า
และสำหรับมังเกอร์ การเข้าใจความผิดพลาดไม่ได้หมายถึงการโทษตัวเอง แต่เป็นการใช้ข้อผิดพลาดนั้นเป็นโอกาสเรียนรู้ เขาแนะนำให้เรามองข้อผิดพลาดเป็นบทเรียนสำคัญ และใช้มันในการพัฒนาตัวเองและการตัดสินใจในอนาคต
ท้ายที่สุด Munger ฝากข้อคิดไว้ว่า ควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราสามารถนำบทเรียนเหล่านั้นมาปรับใช้ในชีวิตและงานของเราอย่างไร และเราจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไรในทุกวัน”
คำแนะนำของ Charlie Munger สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่ทั้งเรียบง่ายและลึกซึ้ง ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตและการทำงานได้จริง แม้เขาจะจากไปแล้ว แต่แนวคิดและมรดกทางปัญญาของเขายังคงเป็นแสงนำทางให้คนรุ่นต่อไปเดินตามสู่ความสำเร็จ
The post ‘ชาร์ลี มังเกอร์’ มือขวาปู่บัฟเฟตต์ฝาก 5 บทเรียนอันล้ำค่าไว้แก่คนรุ่นหลัง appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/