วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน รัฐสภาของออสเตรเลียได้ผ่านกฎหมายห้ามใช้โซเชียลมีเดียในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เป็นฉบับแรกของโลก หลังจากร่างกฎหมายดังกล่าวพึ่งได้เสนอเข้าสู่สภาฯ ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งใช้เวลาในการเสนอ อภิปรายและโหวตผ่านร่างจบอย่างไวภายในสัปดาห์เดียว เนื่องจากมีความกังวลว่าโซเชียลมีเดียอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเยาวชน
The post ออสเตรเลียผ่านกฎหมายห้ามใช้โซเชียลมีเดียในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี appeared first on BT beartai.
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน รัฐสภาของออสเตรเลียได้ผ่านกฎหมายห้ามใช้โซเชียลมีเดียในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เป็นฉบับแรกของโลก หลังจากร่างกฎหมายดังกล่าวพึ่งได้เสนอเข้าสู่สภาฯ ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งใช้เวลาในการเสนอ อภิปรายและโหวตผ่านร่างจบอย่างไวภายในสัปดาห์เดียว เนื่องจากมีความกังวลว่าโซเชียลมีเดียอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเยาวชน
ร่างกฎหมายได้ผ่านชั้นกรรมาธิการวุฒิสภาเมื่อวันจันทร์ และผ่านโหวตในสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธด้วยคะแนน 102 ต่อ 13 เสียง โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านอนุรักษ์นิยมหลักและรัฐบาลฝ่ายซ้ายกลาง ต่อมาล่าสุดวันนี้ได้ผ่านโหวตโดยวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียง 34 ต่อ 19 เสียง และคาดว่าจะมีผลการบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายน 2025
กฎหมายฉบับใหม่นี้กำหนดว่าบริษัทเทคโนโลยีจะต้องดำเนินการด้วยขั้นตอนที่สมเหตุสมผล ในการป้องกันไม่ให้เยาวชนที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์เข้าถึงบริการโซเชียลมีเดีย มิฉะนั้นอาจต้องถูกปรับเป็นเงินเกือบ 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1,100 ล้านบาท)
Meta แสดงความกังวลว่ากระบวนการออกกฎหมายได้เร่งผลักดันกฎหมายให้ผ่านออกมา โดยไม่ได้พิจารณาหลักฐานอย่างเหมาะสม ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีได้ดำเนินการควบคุมดูแลให้เหมาะสมกับวัยและเสียง (การแสดงออก) ของคนหนุ่มสาวอยู่แล้ว และควรมีการหารือกำหนดเกณฑ์ให้โซเชียลมีเดียเหมาะเข้ากับวัยรุ่น นอกจากนี้ Alphabet (Google) เผยว่าควรเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อนจนกว่าจะทดลองระบบยืนยันอายุเสร็จ
อย่างไรก็ตาม มีการวิจารณ์ว่ากฎหมายฉบับนี้จะทำให้เกิดการรวบรวมข้อมูลส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มอาจต้องมีขั้นตอนการพิสูจน์ตัวตนว่าอายุถูกต้อง ซึ่งทำให้กรรมาธิการวุฒิสภาได้เพิ่มเติมเงื่อนไข โดยกำหนดไม่ให้มีการบังคับพิสูจน์อายุด้วยข้อมูลระบุตัวตนดิจิทัลหรือหนังสือเดินทาง
The post ออสเตรเลียผ่านกฎหมายห้ามใช้โซเชียลมีเดียในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/