แกร็บ ประเทศไทย ได้ประกาศเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI-led Organization) พร้อมเปิดเผยแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เกี่ยวข้องในระบบธุรกิจ
The post แกร็บประเทศไทยประกาศวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI appeared first on BT beartai.
แกร็บ ประเทศไทย ได้ประกาศเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI-led Organization) พร้อมเปิดเผยแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เกี่ยวข้องในระบบธุรกิจ
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใน 3 ด้านหลัก
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
อุปกรณ์ที่เชื่อมโยงด้วยอินเทอร์เน็ต (IoT)
นวัตกรรมโซลูชันบนแอปพลิเคชัน (In-app Solutions)
โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลิตผล พัฒนาประสบการณ์การใช้งาน และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
นวัตกรรมล่าสุดที่แกร็บได้เปิดตัว ได้แก่
ฟีเจอร์บัญชีครอบครัว (Family Account) สำหรับติดตามและชำระค่าบริการการเดินทางให้สมาชิกในครอบครัว
ฟู้ดล็อกเกอร์ (Food Lockers) สำหรับพนักงานออฟฟิศ
แผนที่ในอาคาร (Indoor Map) ช่วยให้คนขับค้นหาร้านอาหารได้รวดเร็วขึ้น
ระบบจัดสรรคำสั่งซื้อแบบทันเวลาพอดี (Just-in-Time Allocation)
การใช้ AI ในการออกแบบภาพอาหาร
บริการสินเชื่อดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการร้านค้า
นอกจากนี้ แกร็บยังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เช่น
การสแกนใบหน้าคนขับ (Biometric Authentication)
ระบบตรวจสอบการเดินทางแบบเรียลไทม์ (Real-time Trip Monitoring)
ฟีเจอร์ลดการใช้พลาสติก (Plastic Cutlery Opt-Out)
ฟีเจอร์ชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset)
แกร็บยังมุ่งพัฒนาองค์กรสู่ AI-led Organization โดยการฝึกอบรมพนักงานด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และสร้างเครื่องมือ เช่น GrabGPT และโปรแกรม Mystique เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมการตลาดและครีเอทีฟ
นายวรฉัตรย้ำว่า แกร็บยังคงมุ่งมั่นสานต่อพันธกิจ GrabForGood เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพัฒนาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
The post แกร็บประเทศไทยประกาศวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/