เรื่องราวรอยร้าวภายในเชลซี กลายเป็นเรื่องใหญ่สุดในวงการฟุตบอลในรอบสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้นใหญ่เชลซี 2 คน ระหว่าง เบห์ดัด เอ็กบาลี กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ที่มีปัญหาภายในกันในหลาย ๆ เรื่อง เกิดการทะเลาะ หนักถึงขั้นมีข่าวว่าต่างฝ่ายอยากซื้อหุ้นของอีกฝ่ายมาเป็นของตัวเอง เพื่อทำให้อีกฝ่ายออกไปจากสโมสร อะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ของ เบห์ดัด เอ็กบาลี กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ มาถึงจุดนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน ใครเป็นเจ้าของเชลซีกันแน่ สำหรับแฟนบอลทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามเชลซีแบบจริง ๆ อาจเข้าใจผิดว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เป็นเจ้าของเชลซีและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด เพราะ ด้วยความที่เห็นในหน้าสื่อบ่อยที่สุด แต่ความจริงแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่สุด คือ กลุ่มทุนของ เบห์ดัด เอ็กบาลี ต่างหาก เชลซีมีเจ้าของจริง ๆ 5 คน ซึ่งคนที่ถือหุ้นใหญ่สุดคือ เบห์ดัด เอ็กบาลี และ โจเซ่ อี. เฟลิเซียโน่ ที่มาในนามกลุ่มทุน Clearlake Capital …
The post [บทความ] สรุปเรื่องราวรอยร้าวภายในเชลซี โบห์ลี่ย์ VS เอ็กบาลี ทะเลาะอะไรกัน appeared first on BT beartai.
เรื่องราวรอยร้าวภายในเชลซี กลายเป็นเรื่องใหญ่สุดในวงการฟุตบอลในรอบสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้นใหญ่เชลซี 2 คน ระหว่าง เบห์ดัด เอ็กบาลี กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ที่มีปัญหาภายในกันในหลาย ๆ เรื่อง เกิดการทะเลาะ หนักถึงขั้นมีข่าวว่าต่างฝ่ายอยากซื้อหุ้นของอีกฝ่ายมาเป็นของตัวเอง เพื่อทำให้อีกฝ่ายออกไปจากสโมสร
อะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ของ เบห์ดัด เอ็กบาลี กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ มาถึงจุดนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน
ใครเป็นเจ้าของเชลซีกันแน่
สำหรับแฟนบอลทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามเชลซีแบบจริง ๆ อาจเข้าใจผิดว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เป็นเจ้าของเชลซีและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด เพราะ ด้วยความที่เห็นในหน้าสื่อบ่อยที่สุด แต่ความจริงแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่สุด คือ กลุ่มทุนของ เบห์ดัด เอ็กบาลี ต่างหาก
เชลซีมีเจ้าของจริง ๆ 5 คน ซึ่งคนที่ถือหุ้นใหญ่สุดคือ เบห์ดัด เอ็กบาลี และ โจเซ่ อี. เฟลิเซียโน่ ที่มาในนามกลุ่มทุน Clearlake Capital ซึ่งถือหุ้นมากถึง 61.5% ส่วนอีก 38.5% ที่เหลือ แบ่งเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ถือหุ้นประมาณ 13% , มาร์ค วอลเตอร์ ถือหุ้นประมาณ 13% และ ฮันส์ยอร์ก วิสส์ ถือหุ้นประมาณ 13 %
ทะเลาะอะไรกัน
ประเด็นการทะเลาะกัน เรื่องหลักก็คือ ความเห็นไม่ตรงกัน ด้วยความที่ผู้ถือหุ้นมีจำนวนมาก ทำให้มีแนวทางและความคิดหลาย ๆ อย่างที่ไม่ตรงกัน โดยแบ่งย่อยเป็น 3 ประเด็นดังนี้
แนวทางการทำทีม
ด้าน โบห์ลี่ย์ มีแนวทางการทำทีมที่เน้นซูเปอร์สตาร์ พร้อมใช้งาน ค่าเหนื่อยสูง ดูได้จากตลาดรอบแรกที่ในตอนนั้น โบห์ลี่ย์ ยังผู้อำนวยการกีฬาชั่วคราวอยู๋ ที่มีการเซ็นทั้ง ราฮีม สเตอริ่ง, คูลิบาลี่, ปิแอร์ โอบาเมยอง, มาร์ค คูคูเรย่า และ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า อีกทั้งยังเคยมีข่าวอยากได้ คริสเตียโน โรนัลโด และ เนย์มาร์ อีก
ด้าน เอ็กบาลี่ หลังรู้สึกไม่พอใจกับแนวทางการทำทีมของ โบห์ลี่ย์ ในฤดูกาลแรก เนื่องจากนักเตะที่ซื้อมาทำผลงานได้ไม่ค่อยดี จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดซื้อขายรอบหลังจากนั้น โดยได้มีการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการกีฬาทั้ง พอล วินสแตนลี่ย์ และ ลอเรนซ์ สจ๊วต เข้ามาวางแนวทางการทำทีมใหม่ โดยมีแนวทางเป็นแผนระยะยาว เน้นซื้อดาวรุ่งมีแวว ค่าเหนื่อยไม่แพง ตัวอย่างเช่น นิโคลัส แจ็คสัน โคล พาลเมอร์ มอยเซส ไคเซโด้ และ โรเมโอ ลาเวีย เป็นต้น
การสร้างสนามใหม่เชลซี
ด้าน โบห์ลี่ย์ ประกาศจุดยืน ว่าจะทำให้สนามใหม่ของเชลซีทันสมัยที่สุดในอังกฤษ ซึ่งมีความต้องการ เจเน็ต มารี สมิธ สถาปนิกชื่อดังที่เคยมีประสบการณ์ในการทำสนามเบสบอลที่เมเจอร์ อเมริกามาก่อน เข้ามาทำสนามใหม่เชลซี
ด้าน เอ็กบาลี่ ไม่เห็นด้วยกับ โบห์ลี่ย์ เพราะมีคนของตัวเองอยู่แล้ว คือบริษัท Populous ที่มีประสบการณ์ในการสร้างสนามสเปอร์สมาก่อน
การแยกทางกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ด้าน โบห์ลี่ย์ สนับสนุนให้ โปเช็ตติโน่ ทำทีมต่อหลังสามารถพาทีมไปฟุตบอลยุโรปได้ในฤดูกาลที่แล้ว เพราะ รู้สึกพอใจกับทิศทางการคุมทีมที่มองว่ากำลังไปได้ดี
ด้าน เอ็กบาลี่ ไม่สนับสนุน โปเช็ตติโน่ ให้คุมทีมต่อ โดยมองว่า ไม่สามารถทำผลงานได้ตามที่คาดไว้ หากเทียบกับการลงทุนที่ซื้อนักเตะไป จึงต้องการการเปลี่ยนแปลง และ ได้เอา เอ็นโซ มาเรสก้า อดีตกุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ เข้ามาคุมทีมแทน
จากทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เกิดรอยร้าวมาเรื่อย ๆ จนถึงขั้นแตกหักในที่สุด
สุดท้ายจะจบอย่างไร
ตามรายงานของ Matt law สายข่าวเชลซีชื่อดัง รายงานว่าในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายมีความต้องการซื้อหุ้นของอีกฝ่ายนึง
ด้าน โบห์ลี่ย์ แม้ถือหุ้นเพียง 13 % แต่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถระดมทุน 2,500 ล้านปอนด์มาได้ เพื่อซื้อหุ้น 61.5 % จากเอ็กบาลี
ด้าน เอ็กบาลี ก็เชื่อว่าตัวเองสามารถซื้อหุ้นจาก โบห์ลี่ย์ รวมไปถึงหุ้นของ มาร์ค วอลเตอร์ และ ฮันส์ยอร์ก วิสส์ ได้เช่นกัน โดยที่ไม่ต้องระดมทุนจากกลุ่มทุนอื่น
จากความสัมพันธ์ที่เข้าค่ายแตกหักตามรายงาน จุดจบสุดท้ายในสถานการณ์นี้มีอยู่ 2 ทาง
1. ปรับความเข้าใจ ดำเนินแบบนี้ต่อไป ด้วยความเป็นมืออาชีพด้วยกันทั้งสองฝ่าย
2. เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องซื้อหุ้นของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ยาก คือ ทั้งสองฝ่ายไม่มีความต้องการอยากขายหุ้นของตัวเองเหมือนกัน
สุดท้ายแล้วเรื่องราวนี้จะจบลงอย่างไรก็ต้องติดตาม ฝ่ายที่ได้เปรียบในสถานการณ์นี้แน่นอนว่าต้องเป็น ฝ่ายเอ็กบาลี่ด้วยความที่มีหุ้นในมือมากกว่า ย่อมมีอำนาจในการต่อรองมากกว่าเป็นธรรมดา แต่สิ่งสำคัญคือต้องพยายามให้เรื่องนี้จบลงเร็วที่สุด เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างงี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อสมาธิของทีมงาน และ นักเตะ อย่างแน่นอน ซึ่งอาจทำให้ผลงานในสนามแย่ได้เลย
The post [บทความ] สรุปเรื่องราวรอยร้าวภายในเชลซี โบห์ลี่ย์ VS เอ็กบาลี ทะเลาะอะไรกัน appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/