แซลลี ฟิลด์ (Sally Field) เล่าความประทับใจ โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) ยอมเปลี่ยนตารางการถ่ายทำ ‘Mrs. Doubtfire’ หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต
The post Sally Field เล่าความประทับใจ Robin Williams ยอมเปลี่ยนตารางการถ่ายทำ ‘Mrs. Doubtfire’ หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต appeared first on BT beartai.
11 สิงหาคม ปี 2014 คือวันสุดท้ายของ โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) นักแสดงและนักแสดงตลกมากพรสวรรค์ เหลือไว้เพียงความทรงจำของผู้ชมที่ยังคงคงจดจำเขา ในฐานะของนักแสดงที่ทุ่มเทเพื่อมอบเสียงหัวเราะ ความสุข และแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมาโดยตลอด ผ่านมรดกผลงานการแสดงหลากหลายแนวที่ยังคงอยู่ในใจของผู้ชม แม้ว่าช่วงชีวิตสุดท้ายของเขาจะต้องทนทุกข์กับโรคพาร์กินสัน และอาการสมองเสื่อม จนทำให้เขาตัดสินใจโบยบินจากโลกนี้ไปในวัย 63 ปี
นอกจากผู้ชมจะประทับใจจากผลงานการแสดง นิสัยส่วนตัว และความทุ่มเทในงานอย่างสุดกำลัง ก็ยังคงเป็นที่จดจำของบรรดาเพื่อนร่วมงานของเขาอยู่เสมอ ในวาระครบรอบ 10 ปีการจากไปตลอดกาลของนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ Vanity Fair ได้เผยแพร่บทความพิเศษจากนักแสดง ผู้กำกับ และเพื่อนร่วมงานที่เคยร่วมงานกับเขา 20 คน มาถ่ายทอดและรำลึกประสบการณ์ความเอาใจใส่ ความเอื้อเฟื้อ และความจริงใจของนักแสดงผู้ล่วงลับคนนี้
1 ในนั้นรวมไปถึง แซลลี ฟิลด์ (Sally Field) นักแสดงรุ่นใหญ่ที่เคยร่วมงานกับวิลเลียมส์ในภาพยนตร์ตลกแนวครอบครัวอบอุ่นหัวใจ ‘Mrs. Doubtfire’ (1993) ครั้งนั้นฟิลด์รับบทเป็น มิแรนดา อดีตภรรยาบ้างาน ผู้ตัดสินใจฟ้องหย่า แดเนียล ฮิลลาร์ด สามีนักพากย์อิสระพ่อลูก 3 จนศาลสั่งให้เขาอยู่ห่างจากลูก ๆ เขาจึงปลอมตัวเป็นคุณนายยูเฟจีเนีย เดาท์ไฟร์ หญิงสูงวัยชาวสก็อต ทำทีมาสมัครเป็นแม่บ้านคนใหม่ เพียงเพราะอยากเจอลูก ๆ อีกครั้ง
ฟิลด์ เริ่มต้นเล่าถึงความประทับใจในการทำงานร่วมกับวิลเลียมส์ ที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณและความเอาใจใส่ ที่อาสารับหน้าที่ขอให้ผู้กำกับ คริส โคลัมบัส (Chris Columbus) ยอมปรับเปลี่ยนตารางการถ่ายทำอย่างกะทันหัน หลังจากที่เขารู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับปัญหาส่วนตัวในระหว่างถ่ายทำ
“ฉันไม่เคยเล่าเรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ ตอนนั้นเรากำลังถ่ายฉากหย่าร้าง ฉันอยู่ในรถเทรลเลอร์ที่จอดอยู่นอกฉากห้องพิจารณาคดี พ่อของฉันเคยมีอาการเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อ 2-3 ปีก่อน และอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ฉันได้รับโทรศัพท์ หมอโทรมาบอกว่าพ่อของฉันเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตกอย่างรุนแรง”
“หมอถามฉันว่า จะต้องการให้พ่อของฉันใช้เครื่องช่วยหายใจไหม ฉันตอบไปว่า ‘ไม่ค่ะ เขาไม่อยากได้แบบนั้น ขอให้เขาจากไปอย่างสงบดีกว่า และฉันขอฝากอย่าง ช่วยก้มลงไปบอกเขาว่า ‘แซลลีมาบอกลาแล้ว’ ด้วยนะคะ”
“แน่นอนว่าฉันเสียใจมาก ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำงานต่อในกองถ่าย ฉันไม่ร้องไห้เลย แต่โรบินกลับเดินเข้ามาหาและดึงฉันออกไปนอกกองถ่ายและถามฉันว่า ‘เธอโอเคไหม ? ‘ ฉันบอกว่า ‘โอเคค่ะ ทำไมเหรอ ? ‘ เขาบอกว่า ‘ก็ไม่รู้สิ ผมแค่คิดว่าต้องลองถามคุณดูสักหน่อยน่ะ’”
“ไม่หรอกค่ะโรบิน ฉันไม่ค่อยโอเค พอดีว่าพ่อของฉันเพื่งเสียชีวิตน่ะ”
“โอ้พระเจ้า งั้นเราคงต้องพาเธอออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
“แล้วเขาก็จัดการให้ทีมงานถ่ายทำฉากอื่นในวันนั้นแทน ฉันเลยได้กลับบ้าน โทรหาพี่ชาย และจัดการเรื่องต่าง ๆ นี่คืออีกด้านหนึ่งของโรบินที่คนไม่ค่อยรู้ เขาเป็นคนที่มีความอ่อนไหว และมีสัญชาตญาณในการเข้าอกเข้าใจคนอื่นมาก ๆ “
ในวาระที่หนังเรื่องนี้ครบรอบ 31 ปีของการฉายเมื่อปีที่แล้ว ลิซา ยาคุบ (Lisa Jakub) อดีตนักแสดงเด็กเจ้าของบทพี่สาวคนโต ลีเดีย ฮิลลาร์ด ได้มีโอกาสเล่าไว้ในพอดแคสต์ ‘Brotherly Love’ ถึงความเอื้อเฟื้อของวิลเลียมส์ นักแสดงที่รับบทเป็นพ่อของเธอราวกับพ่อแท้ ๆ ด้วยการเขียนจดหมายจดหมายไปถึงผู้บริหารของโรงเรียน เพื่อขอร้องให้โรงเรียนพิจารณาไม่ให้ไล่เธอออก หลังจากที่เธอหยุดเรียนชั้นมัธยมเพื่อมาถ่ายทำหนังเรื่องนี้ แม้ว่าความพยายามครั้งนั้นจะไม่เป็นผลสำเร็จก็ตาม
ล่าสุด ยาคุบได้มีโอกาสเล่าถึงความน่ารักอีกข้อที่วิลเลียมส์มีต่อเธอ ในบทสัมภาษณ์ของ Fox News ที่เธอจำกัดความเขาว่าเป็นคนที่มีนิสัยรอบคอบและใจกว้าง และเอาใจใส่เข้าไปถึงสุขภาพจิตของคนรอบข้าง
“โรบินเป็นทุกอย่างอย่างที่คุณหวังว่าเขาจะเป็นเลยค่ะ และมันยอดเยี่ยมมาก เมื่อนึกย้อนไปถึงเขาเมื่อตอนนั้น ฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้อยู่ร่วมกับเขา ได้ทำงานกับเขา และขอบคุณที่เขาใจดีกับฉันมาก ๆ เขาน่าจะเป็นคนแรก ๆ ที่พูดกับฉันอย่างตรงไปตรงมามาก ๆ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิต”
“เขามักจะเล่าให้ฉันฟังถึงการต่อสู้ของเขา และสิ่งที่เขาเคยผ่านมา นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้เป็นตัวประหลาด ฉันไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนเรื่องเกี่ยวกับตัวเองเอาไว้ มันเป็นแค่บางสิ่งบางอย่าง ที่บางคนต้องเผชิญก็เท่านั้นเอง”
หากใครที่เคยอ่านเบื้องหลังของหนังเรื่องนี้ จะพอทราบว่า วิลเลียมส์คือคนที่ทุ่มเทกับการแสดงของเขาอย่างสุดกำลังเสมอ นอกจากการยอมตื่นเช้า และเสียเวลา 4-5 ชั่วโมงเพื่อแต่งชุดคุณนายเดาท์ไฟร์ วิลเลียมส์ยังพยายามสร้างสรรค์ ปรับเปลี่ยนการแสดงและมุกตลกใหม่ ๆ เพิ่มเข้าไปในหนังอยู่เรื่อย ๆ จนเป็นที่มาของฟุตเทจหนังที่บันทึกการแสดงของเขาเอาไว้ รวมจำนวนกว่า 972 กล่อง คิดเป็นความยาว 2 ล้านฟุต หรือประมาณ 610 กิโลเมตร
โคลัมบัส ผู้กำกับที่ร่วมงานกับเขาในหนังเรื่องนี้ รวมทั้ง ‘Nine Months’ (1995) และ ‘Bicentennial Man’ (1999) ในเวลาต่อมา ได้เล่าถึงความทุ่มเทของเขาที่ทุ่มสุดตัวกับการแสดง และการ ‘เล่น’ ที่หมายถึงการด้นสดหน้ากอง รวมทั้งความน่ารักของเขาที่มีต่อทีมงานทุกคนในกองถ่าย
“โรบินกับผมทำข้อตกลงกันไว้ เขาบอกว่า ‘เราจะถ่ายทำกันตามบทสัก 2-3 เทคนะ แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาเล่นกัน’ ฉากตอนที่เขากำลังถอดชุดคุณนายเดาท์ไฟร์ และตอนที่เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาถึง มันจึงเป็นการด้นสดกันอย่างหนักหน่วง รวมถึงฉากสุดท้ายในร้านอาหารด้วย ทั้งแซลลี, เด็ก ๆ และ เพียร์ซ บรอสแนน (Pierce Brosnan) ไม่มีใครรู้เลยว่าโรบินจะพูดอะไรต่อไป”
“ซานฟรานซิสโกเป็นบ้านเกิดของเขาเลยครับ ดังนั้น เขาจึงรู้จักทีมงานในกองถ่ายหลายคน ภายในสัปดาห์แรก เขาเรียนรู้ชื่อของทุกคน ตั้งแต่คนจัดอาหารไปจนถึงผู้ช่วยฝ่ายโปรดักชัน แล้วถ้าใครที่มีลักษณะนิสัยแปลก ๆ เขาก็จะจำได้ และเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับคน ๆ นั้นได้ด้วย นั่นจึงทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนของพวกเรา และสร้างบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมให้กับทุก ๆ คน”
ฟิลด์ยืนยันถึงความทุ่มเทในการแสดงของเขา และทิ้งท้ายด้วยความระลึกถึงนักแสดงที่ ณ เวลานี้โบยบินจากโลกไปนานกว่าทศวรรษแล้ว
“หน้าที่ของฉันคือต้องตอบสนองกับสิ่งที่เขาทำ แบบเดียวกับที่คนจริง ๆ จะทำ ฉันชอบความรู้สึกที่ต้องเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอมาก ๆ ค่ะ คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่า คุณนายเดาท์ไฟร์เป็นคนแบบไหนจากการอ่านแค่บทภาพยนตร์ เธอกลายเป็นสิ่งที่มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง และส่วนใหญ่มันเกิดขึ้นเพราะเขา”
“ฉันยังคงคิดถึงเขาในฐานะที่เขายังคงอยู่ เขาไม่ได้ไปไหน และเขาก็ไม่ได้จากไปไหนด้วย เขายังอยู่ที่นี่ ฉันยังรู้สึกถึงเขาได้เสมอ”
The post Sally Field เล่าความประทับใจ Robin Williams ยอมเปลี่ยนตารางการถ่ายทำ ‘Mrs. Doubtfire’ หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/