
วิล เฟอร์เรล (Will Ferrell) เมาท์ เจมส์ คาน (James Caan) วิจารณ์เขาในหนัง ‘Elf’ ไม่ตลกเลย แต่สุดท้ายพอดูจบถึงเปลี่ยนใจ
The post Will Ferrell เมาท์ James Caan เคยวิจารณ์เขาในหนัง ‘Elf’ ว่าเป็นคนไม่ตลก แต่สุดท้ายดูหนังจบถึงเปลี่ยนใจ appeared first on BT beartai.
หากพูดถึงหนังที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาส ‘Elf’ (2003) ก็คงเป็นหนังอีกเรื่องที่ติดอยู่ในลิสต์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ด้วยความสนุกของเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว และการรับบทเอลฟ์ตัวยักษ์ของ วิล เฟอร์เรล (Will Ferrell) ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชม ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังคริสต์มาสคลาสสิกที่หลายคนชื่นชอบ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจทางตลกแบบที่เฟอร์เรลแสดงในหนังเรื่องนี้
เฟอร์เรล นักแสดงตลกเจ้าของบท บัดดี ฮอบส์ ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ Messy โดยเขาได้มีโอกาสเล่าถึงเบื้องหลังการถ่ายทำเรื่องนี้ และเขายังพูดถึง เจมส์ คาน (James Caan) นักแสดงผู้ล่วงลับ ที่เคยร่วมงานกับเขาในการรับบทเป็น วอลเตอร์ ฮอบส์ นักธุรกิจผู้บริหารสำนักพิมพ์หนังสือเด็ก และพ่อแท้ ๆ จอมเย็นชาของบัดดี ที่เคยไม่เข้าใจ และวิจารณ์เขาแบบตรงไปตรงมาว่าช่างเป็นคนที่ไม่ตลกเอาเสียเลย
“ขอให้เขาไปสู่สุคติ เจมส์ คาน เราสนุกสนานกันมากเลยครับในการทำงานกับหนังรื่องนั้น เขาเป็นคนที่ชอบแซวผม คือผมเองก็ชอบทำตลกนะ แต่ไม่ได้ทำตลอดเวลา ตอนที่กำลังเตรียมเซ็ตถ่ายทำ คานบอกกับผมว่า ‘ฉันไม่เข้าใจนายเลยว่ะ นายไม่เห็นจะตลกเลย’ ผมก็เลยตอบว่า ‘ผมรู้ แต่ผมไม่ใช่ โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) สักหน่อย’ แล้วเขาก็จะบอกว่า ‘ผู้คนถามฉันว่าเขา (เฟอร์เรล) น่ะเป็นคนตลกไหม ? แล้วฉันก็ตอบว่า เปล่าเลย เขาไม่ตลกหรอก’ คือทั้งหมดนั่นเป็นการทำไปด้วยความรักน่ะนะครับ”
ด้วยเหตุนี้ ทำให้คานตัดสินใจปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวเองให้ดูมีความเป็นคนขี้โมโหที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์ โดยเฉพาะฉากที่วอลเตอร์โมโหสุดขีด ที่ระเบิดอารมณ์ไล่บัดดีจอมป่วนในห้องประชุม
“ในบทดั้งเดิม เขาจะรู้สึกหงุดหงิดมาก ๆ แล้วก็ระเบิดอารมณ์ใส่ผม แต่เขาไม่อยากจะทำแบบนั้น เขาอยากจะเก็บอารมณ์นั้นไว้จนกว่าจะถึงฉากในห้องประชุมที่เขาไล่ผมออกไป เขาอยากจะให้อารมณ์มันค่อย ๆ ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็คิดถูกมากเลย”
‘Elf’ เล่าเรื่องของ บัดดี ฮอบส์ เอลฟ์ตัวยักษ์ ที่แท้จริงแล้วเขาคือเด็กทารกธรรมดา ๆ ที่คลานเข้าไปในถุงของขวัญของซานตาคลอส ในวันคริสต์มาสอีฟของปี 1973 บัดดีถูกเลี้ยงดูโดยเอลฟ์ตัวจิ๋วในขั้วโลกเหนือ เขาเติบโตมาด้วยความรู้สึกแปลกแยก จึงมุ่งหน้าสู่เมืองนิวยอร์กเพื่อออกตามหาพ่อแท้ ๆ แต่สุดท้ายวอลเตอร์ก็ไม่ยอมรับเด็กโข่งไร้เดียงสาอย่างเขาเป็นลูก จนกระทั่งเขาได้พบครอบครัวใหม่ที่ประกอบไปด้วยแม่ และลูกชายที่ไม่อินกับคริสต์มาส
แม้คานจะไม่เข้าใจอารมณ์ขันของนักแสดงรุ่นน้อง แต่สุดท้ายเมื่อเขามีโอกาสได้ชมหนังเต็ม ๆ เขาก็เริ่มเข้าใจถึงความตลกในแบบของเฟอร์เรล และรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ตลกขนาดไหน
“จนกระทั่งเราเดินออกจากโรงหนังในรอบปฐมทัศน์ เราเดินออกมาด้วยกัน ผมถือว่ามันเป็นคำชมที่ดีที่สุดเลยนะครับ เพราะมันมาจากปากของ เจมส์ คาน เขาบอกว่า ‘ฉันอยากจะบอกนายว่า ฉันคิดว่าทุกอย่างที่นายทำตอนถ่ายหนังน่ะมันเกินเบอร์ไปมาก ตอนนี้ฉันเห็นในหนังแล้ว มันยอดเยี่ยมมาก’”
“แต่ว่าตลอดเวลานั้น ผมชอบตอนที่เขาไม่ได้แสดงนะครับ เขาดูรำคาญผมจริง ๆ เขาชอบพูดว่า ‘พระเจ้า หยุดพูดสักทีสิวะไอ้ห่-‘ ผมแค่แสดงเป็นเด็ก แต่มันทำให้เขารู้สึกคลั่งได้จริง ๆ และที่ตลกที่สุดก็คือตอนที่เขาเดินออกจากโรงหนัง ส่ายหัวแล้วก็พูดว่า ‘มันยอดเยี่ยมมาก’”
เฟอร์เรลยังได้มีโอกาสเล่าถึงเบื้องหลังการตกลงร่วมแสดง เพราะหนังเรื่องนี้ถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่ชิ้นแรกนับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจลาออกจากการเป็นนักแสดงของรายการตลกชื่อดัง ‘Saturday Night Live’ ที่ในเวลานั้นถือเป็นการออกจาก Comfort Zone ของเขาเลยก็ว่าได้
“ผู้จัดการคนหนึ่งเอาบทหนังเกี่ยวกับมนุษย์ที่ถูกเลี้ยงดูโดยเอลฟ์ในขั้วโลกเหนือมาให้ผมอ่าน และมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าบทยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ ผมลาออกจาก SNL มาพร้อม ๆ กับหนังเรื่องนี้ เพียงแค่บทตอนนั้นมันยังไม่ค่อยดีมากนัก”
“ตอนนั้นหนัง ‘Old School’ (2003) ที่ผมเล่นยังไม่ออกฉาย ผมก็เลยคิดว่า ‘งั้นลองทำให้ ‘Elf’ มันดูดีขึ้นมาดูสิ เพราะถ้าเราทำให้มันไปถึงเป้าหมายได้…’ คือผมรู้แล้วล่ะว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่ผมต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้มันออกมาดีก่อน แต่ผมรู้ว่ามันจะออกมาไม่ดีแน่ ๆ ถ้าไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ด้วยการออกมาจากคอมฟอร์ตโซนอันนั้น”
“ผมจำได้ว่า 2 สัปดาห์แรกของการถ่ายทำ เราถ่ายทำฉากภายนอกของนิวยอร์กทั้งหมด ถ่ายทำฉากจบของหนังก่อน แล้วค่อยไปถ่ายทำส่วนที่เหลือในแวนคูเวอร์ ผมอยู่ในรถเทรลเลอร์คันเล็ก ๆ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม อากาศหนาวมาก ผมอยู่ในชุดเอลฟ์และมองจ้องกระจก เอามือเท้าคางแล้วก็พลางคิดว่า ‘โอ้ พระเจ้า หวังว่างานนี้มันจะออกมาดีนะ นี่อาจจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของนายก็ได้ ตอนนั้นผมเดาไม่ออกจริง ๆ ว่ามันจะออกมาดี หรือไม่ก็กลายเป็นหายนะไปเลย”
‘Elf’ ได้รับคำชื่นชมในฐานะที่เป็นหนังตลกครอบครัวน้ำดีที่มีครบทั้งความตลก เรื่องราวสนุกสนานอบอุ่น รวมทั้งการแสดงที่มีเสน่ห์ของเฟอร์เรล รวมทั้งนักแสดงนำทั้งคาน และ โซอี เดสชาเนล (Zooey Deschanel) จนสามารถทำรายได้รวม 228 ล้านเหรียญ ส่งผลให้เฟอร์เรลกลายเป็นดาราตลกขึ้นชื่อ ส่วนผู้กำกับอย่าง จอน ฟาฟโรว์ (Jon Favreau) เองก็โดดเด่นจนได้เข้ามาเป็นผู้ตัดสายสะดือให้กับ Marvel Studios ด้วยการรับหน้าที่กำกับ ‘Iron Man’ (2008) ในเวลาต่อมา
แต่แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะขึ้นแท่นหนังคริสต์มาสคลาสสิกอีกเรื่องไปแล้ว แต่หนังเรื่องนี้กลับไม่เคยมีภาคต่อเลย เพราะนักแสดงนำอย่างเฟอร์เรลตัดสินใจปฏิเสธค่าตัวก้อนโต 29 ล้านเหรียญ เพื่อกลับมารับบทบัดดีในหนังภาคต่อเสียอย่างนั้น
“ผมต้องโปรโมตหนังเรื่องนี้ด้วยจุดยืนที่ตรงไปตรงมา ผมจะไม่พูดประมาณว่า ‘โอ้ ไม่นะ มันยังไม่ค่อยดีเลย แต่ผมแค่ปฏิเสธเงินจำนวนมากขนาดนั้นไม่ได้’ และผมก็คิดว่า ‘ผมจะพูดคำทำนองนี้ได้จริง ๆ เหรอ ผมคิดว่าผมพูดไม่ได้หรอก ดังนั้น ผมเลยรับปากเล่นหนังเรื่องนี้ไม่ได้’”
แต่ดูเหมือนเหตุผลเบื้องหลังในการปฏิเสธของเขาจะมีเบื้องหลังเบื้องลึกมากกว่านั้น คานเคยออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในปี 2020 ว่า สาเหตุที่ ‘Elf’ ไม่เคยมีการเดินหน้าพัฒนาภาคต่อเสียที ก็เป็นเพราะว่าเฟอร์เรล และฟาฟโรว์ไม่กินเส้น จากการที่ทั้งคู่เคยทะเลาะกันในกองถ่าย
“เรากำลังจะทำกันแล้วล่ะ และผมก็คิดว่า โอ้พระเจ้า ในที่สุดผมก็ได้แสดงในหนังแฟรนไชส์สักที ผมจะได้หาเงินได้เยอะ ๆ แล้วลูก ๆ จะได้ทำอะไรก็ได้อย่างที่เขาอยากทำ แต่ผู้กำกับกับวิลไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไหร่ คือวิลน่ะอยากทำ แต่ไม่อยากได้ผู้กำกับคนนี้ และในสัญญาของเขาก็มีการระบุเอาไว้แบบนั้นด้วย”
The post Will Ferrell เมาท์ James Caan เคยวิจารณ์เขาในหนัง ‘Elf’ ว่าเป็นคนไม่ตลก แต่สุดท้ายดูหนังจบถึงเปลี่ยนใจ appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/