ที่ผ่านมาเรามักจะเห็น Apple นำเชื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ มาตั้งชื่อทางการค้าใหม่ให้ดูเป็นของตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นหน้าจอ 120Hz ซึ่งปกติไม่มีบริษัทไหนตั้งชื่อให้ Apple ก็ตั้งชื่อทางการค้าว่า ProMotion เป็นต้น ในส่วนของ AI นั้นก็จะมีเช่นกัน แล้วดันคล้องจองกับตัวย่อพอดีเสียด้วย
The post เจ้าพ่อตั้งชื่อ Apple จะเรียก AI ของตัวเองว่า Apple Intelligence และนี่คือฟีเจอร์ที่เราอาจได้เห็น appeared first on BT beartai.
ที่ผ่านมาเรามักจะเห็น Apple นำเชื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ มาตั้งชื่อทางการค้าใหม่ให้ดูเป็นของตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นหน้าจอ 120Hz ซึ่งปกติไม่มีบริษัทไหนตั้งชื่อให้ Apple ก็ตั้งชื่อทางการค้าว่า ProMotion เป็นต้น ในส่วนของ AI นั้นก็จะมีเช่นกัน แล้วดันคล้องจองกับตัวย่อพอดีเสียด้วย
มาร์ก เกอร์แมน (Mark Gurman) จาก Bloomberg เผยว่า Apple จะเรียก AI ของตัวเองว่า Apple Intelligence ที่เรียกครอบคลุมฟีเจอร์ AI ใน iPhone iPad และ Mac ทั้งหมด แม้ว่าฟีเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นฟีเจอร์ที่ทำงานได้บนอุปกรณ์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ แต่แหล่งที่มาบอกว่ามีบางส่วนที่อาศัยการทำงานร่วมกับ ChatGPT เช่นเดียวกัน และนี่คือฟีเจอร์ AI บางส่วนที่เราน่าจะได้เห็นใน iOS 18 ครับ
Apple Music: สร้างเพลย์ลิสต์และเปลี่ยนเพลงได้ดีขึ้นกว่าเดิม
Apple News: สรุปข่าวหรือบทความนั้น ๆ
Keynote, Pages: สร้างสไลด์แบบอัตโนมัติ, เขียนงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
Mail: การจัดกลุ่มหรือประเภทของอีเมล, คำแนะนำในการตอบกลับอีเมล เป็นต้น
Message: ตัวเลือก/คำแนะนำในการตอบกลับข้อความ, สร้างอีโมจิด้วย AI
Notes: การบันทึกข้อความด้วยเสียง และการถอดคำจากเสียง
Notification: AI จะเข้ามาช่วยสรุปและจัดการการแจ้งเตือน
Photos: ใช้ AI เข้ามาช่วยแต่งรูปภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม
Safari: ใช้ AI เข้ามาช่วยเสริมการท่องเว็บและสรุปหน้าเว็บ
Siri: เวอร์ชันที่ฉลาดขึ้น อาศัยการทำงานร่วมกับ ChatGPT
เกอร์แมนระบุว่าคุณสมบัติด้าน AI ส่วนใหญ่อาจจะรองรับเฉพาะ iPhone รุ่นใหม่ ๆ เช่น iPhone 15 ส่วน iPad และ Mac อาจจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ Apple M1 ขั้นต่ำ โดย AI จะเป็นฟีเจอร์เด่นของงาน WWDC ในปีนี้เลย มารอดูกันว่านอกจาก AI แล้วเราจะได้เห็น Apple เปิดตัวฟีเจอร์เด็ดอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่
The post เจ้าพ่อตั้งชื่อ Apple จะเรียก AI ของตัวเองว่า Apple Intelligence และนี่คือฟีเจอร์ที่เราอาจได้เห็น appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/