มาร์โก รอยส์ เจ้าชายแห่งเสือเหลือง ผู้ที่มอบทั้งชีวิตให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับภารกิจสุดท้ายในการพาทีมคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกก่อนที่จะจากลากันไป
The post [บทความ] ‘เจ้าชายแห่งเสือเหลือง’ มาร์โก รอยส์ กับภารกิจสุดท้ายก่อนลาดอร์ทมุนด์ appeared first on BT beartai.
ถ้าพูดถึงนักเตะที่จงรักภักดี ร่วมทุกร่วมสุขกับทีมอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ถึงจะต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งทีมไปไหน ชื่อของมาร์โก รอยส์ คงเด้งขึ้นมาชื่อแรกๆ ชายผู้มอบทั้งชีวิตให้กับโบดุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรอันเป็นที่รักเขา แม้มีโอกาสที่ย้ายไปในทีมที่ดีกว่าแต่ใจของเขาเป็นดอร์ทมุนด์เสมอมา
การประกาศอำลาทีมของมาร์โก รอยส์ น่าจะทำให้ใครหลาย ๆ คนใจหายไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะแฟนบอลเสือเหลือง กับการที่เราจะไม่ได้เห็นเขาในสีเสื้อดอร์ทมุนด์อีกต่อไป หลังรอยส์ อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ปิดฉาก 12 ปี ในถ้ำเสือเหลือง เตรียมขึ้นแท่นตำนานสโมสร
แต่ทว่าโชคชะตาอาจดูใจร้ายกับตำนานคนนี้ไปสักหน่อย ถ้าในแง่ความรัก ความทุ่มเท ที่มอบให้สโมสร ไม่มีใครสงสัยในจุดนี้ แต่ว่าด้วยความสำเร็จแชมป์เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย มันดูน้อยเกินไปหากเทียบกับสิ่งที่เขาภักดีกับสโมสรตลอดมา
แต่ฤดูกาลสุดท้ายนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี กับภารกิจครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากลากัน คือการพาดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาให้ได้ ซึ่งถ้าทำได้นี่น่าจะเป็นฉากจบที่สวยงามและสมบูรณ์แบบที่เหมาะสมกับตำนานอย่างมาร์โก รอยส์ เราจะพาไปไล่ย้อนเส้นทางของเจ้าชายแห่งเสือเหลืองคนนี้กัน
เด็กชาย มาร์โก รอยส์
มาร์โก รอยส์ เกิดวันที่ 31 พฤษภาคม 1989 เขาเป็นเด็กที่เกิดและโตที่ดอร์ทมุนด์ และด้วยเหตุนี้เลยทำให้เขาเป็นแฟนของเสือเหลืองตั้งแต่เด็ก ๆ ไปโดยปริยาย เขามีสายเลือดในการเป็นนักฟุตบอล พ่อของเขาเป็นโค้ชสโมสรท้องถิ่นเล็ก ๆ ในเมือง เด็กชายคนนี้มีความฝันและความหลงใหลในการเล่นให้กับดอร์ทมุนด์ตั้งแต่เด็ก
โดยเขาได้เริ่มต้นทำตามความฝันด้วยการเข้าร่วมศูนย์ฝึกชุดเยาวชนของดอร์ทมุนด์ตั้งแต่ 7 ขวบ ซึ่งรอยส์ ได้อยู่ที่นี่ยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ทุ่มเททุกอย่าง ทั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อจะขึ้นทีมชุดใหญ่ของดอร์ทมุนด์ให้ได้
แต่เส้นทางของ รอยส์ นั้นไมค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เขาไม่สามารถที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของดอร์ทมุนด์ได้ มิหนำซ้ำยังโดนดอร์ทมุนด์ทีมรักของเขาคัดชื่อออกจากทีมเยาวชนในปี 2006 โดยให้เหตุผลว่าร่างกายของเขาบอบบางเกินไป
มันเหมือนความฝันของเขาพังทลาย ในการถูกปฏิเสธจากทีมที่เขาใฝ่ฝันอยากเล่นให้มาโดยตลอด มันเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเสียใจ แต่ รอยส์ ก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาด้วยการออกไปพิสูจน์ฝีเท้ากับทีมในระดับลีกล่างอย่าง รอต-ไวส์ อาเลน ทีมดิวิชั่น 3 ของเยอรมัน
ในช่วงแรก รอยส์ เริ่มเล่นให้กับทีมสำรองของ รอต-ไวส์ อาเลน ก่อนจะถูกเรียกขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา โดยตำแหน่งที่เขาได้เล่นคือกองกลางตัวรุก แต่ก็ไม่ค่อยได้ลงสนามสักเท่าไหร่ ในปีแรกเขาลงเล่นเป็นตัวจริงไปแค่ 2 เกม และยิงได้ประตูเดียว แต่ในปีที่ 2 รอยส์ เริ่มมีพัฒนาการขึ้นอย่างชัดเจน ได้ลงเล่นสม่ำเสมอ และจบด้วยผลงาน ลงเล่น 28 เกม ยิงได้ 4 ประตู
จนไปเข้าตาแมวมองของทีมในบุนเดสลีกาอย่าง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค และได้ทำการคว้าตัวเขาไปร่วมทัพในปี 2009 ด้วยราคา 1 ล้านยูโร ที่นี่เขากลายกำลังคนสำคัญ เป็นจอมทัพที่ทีมจะขาดไม่ได้ ในฤดูกาลแรกเขาลงสนามให้ทีม 33 นัด ยิงได้ 8 ประตู เริ่มฉายแววขึ้นมาเรื่อย ๆ
ก่อนที่จะมาพีคที่สุดในฤดูกาล 2011-2012 ด้วยผลงานที่ทำไปถึง 18 ประตู จบฤดูกาลเขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีบุนเดสลีกา อีกทั้งยังถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วบุนเดสลีกา เป็นดาวรุ่งที่หลาย ๆ ทีมต้องการตัวไปร่วมทัพ มีข้อเสนอมากมายที่ยื่นมา แต่แน่นอนว่าหัวใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปไหน เขาเลือกดอร์ทมุนด์เสมอมา ทีมที่เขาใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก
เส้นทางตำนาน
ในฤดูกาล 2012-2013 เขาได้ย้ายกลับมาทำตามความฝันของเขาอีกครั้งกับสโมสรอันเป็นที่รักอย่างดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 17.1 ล้านยูโร ภายใต้กับคุมทัพของสุดยอดกุนซืออย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ ที่เพิ่งคว้าแชมป์บุนเดสลีกามา 2 สมัยติดต่อกัน
“ผมได้ตัดสินใจที่จะก้าวไปอีกขั้น ในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง ผมอยากจะเล่นให้กับสโมสรที่สามารถท้าทายตำแหน่งแชมป์ลีกและรับประกันการไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก ได้ ซึ่งผมมองเห็นโอกาสนี้ในทีมดอร์ทมุนด์” รอยส์กล่าวถึงการย้ายมาดอร์ทมุนด์
ในฤดูกาลแรกกับดอร์ทมุนด์ ในลีก รอยส์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้ทีมมี 3 ประสานที่ลงตัวนั้นคือ มาร์โก รอยส์ , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ มาริโอ เกิทเซ่ พวกเขาประสานงานกันได้เป็นอย่างดี ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่แม้พวกเขาจะทำได้ดีขนาดไหน ก็ไม่ถึงฝั่งฝัน
เนื่องจากต้องเจอกับทีมที่ขว้างทางเขาอยู่ นั้นก็คือ บาเยิร์น มิวนิค ทีมที่อุดมไปด้วยสุดยอดนักเตะ ณ เวลานั้นทั้ง ฟรองค์ ริเบรี่,อาร์เยน ร็อบเบน,บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และอีกหลาย ๆ คน ในฤดูกาลนั้นดอร์ทมุนด์จบฤดูกาลด้วยการเป็นแค่รองแชมป์บุนเดสลีกา
เท่านั้นยังไม่พอ ในเวทียูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก ที่พวกเขาฝ่าฟันทะลุมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ซึ่งคู่แข่งก็คือ บาเยิร์น มิวนิค ในเกมนั้นแม้ดอร์ทมุนด์จะสู้ได้ดี แต่สุดท้ายก็มาโดนลูกยิงของอาร์เยน ร็อบเบน ในช่วงท้ายเกม เป็นประตูชัยให้บาเยิร์นเอาชนะไป 2-1 ทำให้พวกเขาต้องผิดหวังอีกครั้ง
ในปีต่อมา ฤดูกาล 2013-2014 เป็นฤดูกาลที่มาร์โก รอยส์ ทำผลงานได้ดีที่สุด ด้วยผลงาน 23 ประตู กับอีก 18 แอสซิสต์ในทุกรายการ แต่ความสำเร็จในรายการใหญ๋อย่าง แชมป์บุนเดสลีกา หรือ แชมป์แชมเปียนส์ลีก ก็ยังไปไม่ถึงสักที
จนนักเตะหลายคนในทีมเริ่มถอดใจและเริ่มมองหาความสำเร็จให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, มัตส์ ฮุมเมิลส์ และ มาริโอ เกิทเซ่ ที่ย้ายสลับขั้วไปทางฝั่งบาเยิร์น มิวนิค มีแค่มาร์โก รอยส์ ที่แม้จะได้รับข้อเสนอจากทีมใหญ่ในยุโรปมากมายรวมถึงบาเยิร์น มิวนิค แต่เขาก็เรียกที่จะยืนหยัดอยู่สู้กับทีม
แต่แน่นอนความภักดีมีราคาที่ต้องจ่ายแม้ดอร์ทมุนด์บางฤดูกาลแม้จะทำผลงานได้แต่ก็มักจบด้วยการเป็นพระรองอยู่เสมอ ความสำเร็จแรกของรอยส์ต้องรอถึงฤดูกาล 2016-2017 แม้ในฤดูกาลนั้น รอยส์ จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรักษาอาการบาดเจ็บ ลงสนามในลีกไปแค่ 17 นัด
แต่ก็มีส่วนร่วมในการพาทีมเข้าชิงเดเอฟเบ โพคาล ด้วยการยิงประตูขึ้นนำบาเยิร์น มิวนิคในรอบรองชนะเลิศ ทำให้สุดท้ายดอร์ทมุนด์เอาชนะมาได้ 3-2 ผ่านเข้าชิงมาเจอกับ ไอน์ทรัค แฟรงเฟิร์ต และเอาชนะได้ 2-1 คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลได้สำเร็จ ‘รอยส์เริ่มนับ 1 ความสำเร็จกับดอร์ทมุนด์’
ทุกอย่างเหมือนจะเริ่มดี ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ จนกระทั่ง รอยส์ ต้องมาพบกับฤดูกาลที่แย่ที่สุดสำหรับเขาในฤดูกาล 2017-2018 เขาได้รับอาการบาดเจ็บอีกครั้งและครั้งนีหนักกว่าครั้งไหน ๆ เขาได้ลงเล่นในลีกไปเพียง 11 เกม
ในช่วงฤดูกาลหลังจากนั้น รอยซ์ ก็เริ่มลงสนามกับดอร์ทมุนด์ได้ไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยมักจะมีอาการบาดเจ็บอยู่เป็นระยะ แต่เวลากลับมาก็มักรักษาฟอร์มไว้ได้ จนมาในฤดูกาล 2020-2021 ในปีนี้รอยส์แทบไม่มีอาการบาดเจ็บ โดยลงสนามไป 49 เกมในทุกรายการ พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล สมัย 2 ได้สำเร็จ
รองแชมป์ที่น่าเจ็บปวดที่สุด
อย่างไรก็ดี แม้จะคว้าแชมป์บอลถ้วยอย่างเดเอฟเบ โพคาล แต่ความฝันในคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ก็ไม่สามารถทำได้สักที ทำได้แค่จบรองแชมป์ ความฝันเริ่มห่างไปเรื่อย ๆ จนในฤดูกาล 2021-2022
เป็นฤดูกาลที่ดอร์ทมุนเข้าใกล้คำว่าแชมป์ลีกมากที่สุด พวกเขานำเป็นจ่าฝูงมี 70 แต้มจนถึงนัดที่ 33 มีแต้มห่างบาเยิร์น มิวนิค 2 แต้ม ที่มี 68 แต้ม ในนัดสุดท้ายพวกเขาขอแค่ชนะ ก็จะการันตีแชมป์บุนเดสลีกา
“ทั้งสโมสรและทั้งเมืองจะมีความสุขมากหาก มาร์โก รอยส์ สามารถคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้ ผมรู้ว่ามีความหมายอย่างไรในฐานะกัปตันทีมและผู้เล่นของดอร์ทมุนด์ มาร์โก เขียนเรื่องราวมากมายที่นี่และทำสิ่งยอดเยี่ยมที่สโมสรแห่งนี้มานานหลายปี
“สิ่งหนึ่งที่คนจะพูดถึงเขาเสมอคือเขาไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ ผมคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่บดบังเขามาอยู่เสมอ” เซบาสเตียน เคล ผู้อำนวยการกีฬาของดอร์ทมุนด์กล่าว
ก่อนเกมหลายสื่อและแฟนบอลจากทั่วโลกต่างคาดหวังให้ รอยส์ สามารถปลดล็อคกับแชมป์ลีกครั้งแรกให้ได้สักที แต่ทุกสิ่งกลับพังทลายลงเมื่อความจริงมันไม่เหมือนความฝัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขาทำได้แค่เสมอกับไมนซ์ 05 ไป 2-2
แต่คู่แข่งแย่งแชมป์อย่างบาเยิร์น มิวนิค เอาชนะในนัดสุดท้ายได้ แซงดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์ ทำให้ดอร์ทมุนจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์อย่างน่าปวดใจ
ภาพที่แฟนทั่วโลกเห็นคือ ภาพที่ รอยส์ นั่งลงกับพื้นสนามพร้อมเอาเสื้อปกปิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตาแห่งความผิดหวังและเสียใจ เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ใจร้ายสำหรับ รอยส์ อย่างมาก ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 7 ที่เขาเป็นได้แค่พระรองในเวทีบุนเดสลีกา
มาร์โก รอยส์ ประกาศสละปลอกแขนกัปตันทีม
หลังจากพลาดแชมป์บุนเดสลีกา ในฤดูกาล 2022-2023 รอยส์ ด้วยอายุที่มากขึ้นและฟอร์มดร็อปลง บวกกับอาการบาดเจ็บที่รบกวนอยู่เรื่อย ๆ ตัวเขาได้ตัดสินใจในการสละปลอกแขนกัปตันทีม หลังเขาทำหน้าที่กัปตันมากว่า 5 ฤดูกาลเต็ม
“ผมมีเรื่องสำคํญจะบอกพวกคุณ ผมใช้เวลาคิดอยู่นานในช่วงวันพักร้อน และได้ตัดสินใจที่จะส่งต่อปลอกแขนกัปตันทีมให้กับคนอื่น ผมแจ้งให้ เอดิน แทร์ซิช และ เซบาสเตียน เคล ทราบเรื่องนี้ “
“ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุน นับเป็นเกียรติและความภมูใจที่ได้ทำหน้าที่ตลอด 5 ปี ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ ในหาผู้สืบทอดในตำแหน่งกัปตัน” รอยส์กล่าวถึงการสละปลอกแขน
ถ้าดูแบบไม่คิดอะไร สิ่งนี้อาจดูไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่นี่คือสิ่งที่ยืนยันความเป็น มาร์โก รอยส์ ได้เป็นอย่างดี ที่ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน เขาก็พร้อมที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับดอร์ทมุนด์เสมอ
ที่จริง รอยส์ ทำหน้าที่กัปตันจนถึงวันสุดท้ายที่อยู่กับสโมสรก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่เขาคำนึงถึงผลประโยชน์ของทีมเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างที่เขาทำจะไม่ให้แฟนบอลเสือเหลืองหลงรักเขาได้อย่างไร
การประกาศอำลา
คลิปอำลามาร์โก รอยส์
ในฤดูกาล 2023-2024 มาร์โก รอยส์ เดินทางมาถึงสัญญาปีสุดท้าย และ ตัวเขาได้ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาออกไป หลังจากอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน 12 ปี อันที่จริงทุกคนน่าจะเริ่มสังเกตได้จากจำนวนการลงสนามและบทบาทที่น้อยลง บวกกับอายุที่มากขึ้นของเขา ว่านี่น่าจะถึงช่วงเวลาที่ต้องอำลากันแล้ว
“เอาล่ะ ผมควรเริ่มอย่างไรดี ถึงแฟนบอลเสือเหลืองทุกคน ผมได้รับโอกาสลงเล่นในสนามที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้มา 12 ปี ผมอุทิศครึ่งชีวิตของตัวเองให้กับสโมสรแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและช่วงที่ไม่ค่อยดีนัก”
“สโมสรและผมตัดสินใจว่าจะไม่ต่อสัญญาของผมออกไป ผมภูมิใจและซาบซึ้งอย่างมากที่ได้เล่นให้กับสโมสรแห่งนี้มาหลายปี มันยากสำหรับผมที่จะหาคำพูดมาอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม มีเรื่องสำคัญที่ผมต้องบอกแฟน ๆ อย่างพวกคุณก่อน”
“เรายังคงมีเป้าหมายที่สำคัญรออยู่ข้างหน้า เราอยากไปเวมบลีย์ เราอยากนำถ้วยรางวัลนี้กลับมาดอร์ทมุนด์อีกครั้ง นี่คือเหตุผลสำคัญสำหรับการตัดสินใจประกาศครั้งนี้ และเป็นข้อสรุปของประเด็นทั้งหมด”
“จากนี้เราทุกคนจะโฟกัสไปที่เป้าหมายหลัก และเราจะได้พบกันอีกสองสามครั้งในสนามที่มหัศจรรย์นี้ อันที่จริงก็วันเสาร์นี้แหละ ตั้งใจเต็มที่ให้กับการแข่งขันที่จะมาถึง และผมจะรอพบพวกคุณ” มาร์โก รอยส์กล่าวอำลาไว้แบบนี้
ภารกิจสุดท้ายก่อนจากดอร์ทมุนด์
แม้ในฤดูกาลสุดท้ายของรอยส์ ผลงานในลีกของดอร์ทมุนด์จะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ผลงานในแชมป์เปียนส์ลีกพวกเขากลับทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมแม้จะอยู่ในกรุ๊ปออฟเดธ ที่มีทีมใหญ่ทั้งปารีส เอซี มิลาน และนิวคาสเซิล แต่ก็สามารถฝ่าฟันผ่านเข้ารอบได้เป็นที่ 1 ของกลุ่มได้
เขาฝ่าฟันทะลุผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ด้วยการผ่านทั้ง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น,แอตฯ มาดริด และปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง เป็นปีที่ไม่มีใครคาดคิดว่าดอร์ทมุนด์จะผ่านมาถึงรอบชิงได้ โดยพวกเขามักถูกยกเป็นเต็งในอันดับท้ายๆอยู่เสมอ
“เราได้ไป เวมบลี่ย์ มันบ้ามากจริง ๆ เราได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ในอีก 10 กว่าปีต่อมา เราต้องทำให้มันเกิดขึ้น นี่เป็นช่วงเวลาของเรา” มาร์โก รอยส์กล่าวหลังเกมที่พาทีมเข้าชิงได้สำเร็จ
เชื่อว่าหลายคนแม้จะไม่ใช่แฟนเสือเหลือง ก็ยังแอบเอาใจช่วยเพราะอยากเห็นชายคนนี้ได้ชูถ้วยแชมป์ส่งท้ายกับดอร์ทมุนด์ ทีมที่เขาจงรักภักดี ยืนหยัดกับทีมมาโดยตลอด เพื่อที่จะได้เป็นฉากจบที่สมบูรณ์แบบสำหรับตำนานคนนี้ กับภารกิจสุดท้ายในการพาดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีก
นี่เป็นโอกาสทองที่เขาจะได้แก้มือหลังอีกครั้งที่สนามเวมลี่ย์แห่งนี้ หลังเคยเข้าชิงเมื่อ 11 ปีที่แล้ว กับบาเยิร์น มิวนิค และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป โดยพวกเขามีโอกาสที่จะรีแมตช์อีกครั้งหากบาเยิร์น มิวนิค สามารถผ่านเรอัล มาดริดได้ในคืนนี้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าบทสรุปจะจบยังไง ไม่ว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ มาร์โก รอยส์ ทำมาตลอดระยะเวลา 12 ปี สิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันลบเลือนออกไปจากความทรงจำของแฟนบอลเสือเหลืองอย่างแน่นอน
The post [บทความ] ‘เจ้าชายแห่งเสือเหลือง’ มาร์โก รอยส์ กับภารกิจสุดท้ายก่อนลาดอร์ทมุนด์ appeared first on BT beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/