ความจริงที่ซ่อนอยู่ในการเสียสละชีวิตของเอเรน มีเพียงแค่เพื่อนพ้องของเขาไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ และถูกตั้งเป็นอนุสรณ์สถานด้วย ‘หลุมศพของเขา’ ณ ต้นไม้ต้นหนึ่งบนเกาะพาราดีส์ แต่รู้หรือไม่ว่า อาจารย์อิซายามะได้ซ่อน Easter egg ไว้ที่หลุมศพนี้หลายจุดเลย โดยในบทความนี้ได้ทำการรวบรวมจุดน่าสงสัยมาให้ 5 จุด ซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนในอนิเมะตอนสุดท้าย ที่หลายๆ คนอาจจะไม่ทันได้สังเกตเห็นก็เป็นได้
The post 5 Easter egg ในบทสรุปของเรื่องผ่าพิภพไททัน (Attack on Titan) appeared first on #beartai.
ผ่าพิภพไททัน (Attack on Titan) ผลงานต้นฉบับของอาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ (Hajime Isayama) ที่ถูกดัดแปลงในรูปแบบของ อนิเมะทีวีซีรีย์ซีซันแรก ตั้งแต่ปี 2013 นับเป็นระยะเวลาถึง 10 ปี ที่อนิเมะเรื่องนี้ออกฉาย จนในที่สุดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา ทาง Mappa Studio ก็ได้ออกฉายตัวอนิเมะตอนสุดท้าย ซึ่งเป็นบทสรุปของทุกเรื่องราวอันยาวนานระหว่างสงครามของมนุษย์และไททันให้ทุกคนได้รับชมไปพร้อมกัน
คำเตือนสปอยล์ : เนื้อหามีการกล่าวถึงอนิเมะตอนสุดท้าย
หลังจากเรื่องราวทุกอย่างจบลง และทุกคนรับรู้ถึงการเสียสละของ ‘เอเรน เยเกอร์ (Eren Yeager)’ ที่ต้องแบกรับความหนักอึ้งของการเป็นวายร้ายผู้ทำลายล้างมนุษยชาติ ด้วยพลังพิภพคำรามที่นำเหล่าไททันจำนวนมหาศาลจากเกาะพาราดีส์ ออกไปเหยียบย่ำประชากรชาวโลกภายนอกกำแพงให้ตายไปกว่า 80% ของจำนวนทั้งหมด โดยจุดมุ่งหมายของการกระทำทั้งหมดนั้นได้ถูกเฉลยในตอนสุดท้ายของอนิเมะซีรีส์ ให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจความรู้สึกของเอเรนไปพร้อม ๆ กันกับเหล่าเพื่อนพ้องของเขา
และบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวก็จบลงด้วยการที่เอเรนในสภาพของไททันบรรพบุรุษ ถูกสังหารลงด้วยมือของ ‘มิคาสะ แอคเคอร์แมน (Mikasa Ackerman)’ เพื่อนสมัยเด็กของเขาและคนที่รักเขามากที่สุดคนหนึ่ง หลังจากนั้นศพของเอเรนก็ถูกนำไปฝังไว้ที่ต้นไม้บนเกาะพาราดีส์ ซึ่งเป็นจุดรวมความทรงจำในสมัยเด็กของเขา ส่วนเพื่อนร่วมรบในหน่วยสำรวจรวมไปถึง ‘อาร์มิน อาร์เลิร์ต (Armin Arlert)’ ได้ถูกประชากรชาวโลกที่เหลือรอดยกย่องให้เป็นวีรบุรุษผู้ปราบเอเรนลง และทำให้พลังไททันหายไปจากโลกใบนี้อีกด้วย
ความจริงที่ซ่อนอยู่ในการเสียสละชีวิตของเอเรน มีเพียงแค่เพื่อนพ้องของเขาไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ และถูกตั้งเป็นอนุสรณ์สถานด้วย ‘หลุมศพของเขา’ ณ ต้นไม้ต้นหนึ่งบนเกาะพาราดีส์ แต่รู้หรือไม่ว่า อาจารย์อิซายามะได้ซ่อน Easter egg ไว้ที่หลุมศพนี้หลายจุดเลย โดยในบทความนี้ได้ทำการรวบรวมจุดน่าสงสัยมาให้ 5 จุด ซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนในอนิเมะตอนสุดท้าย ที่หลายๆ คนอาจจะไม่ทันได้สังเกตเห็นก็เป็นได้
1. สถานที่แห่งจุดเริ่มต้นและจุดจบ
ถ้าใครจำได้ ต้นไม้ต้นที่เป็นหลุมฝังศพของเอเรนนั้น ปรากฏขึ้นครั้งแรกในอนิเมะซีซันแรก ตอนที่ 1 เลย หรือเรียกได้อีกอย่างว่าคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง วันนั้นเอเรนได้ตื่นขึ้นมาที่ใต้ต้นไม้ต้นนี้ หลังถูกมิคาสะปลุก แต่ในตอนที่เราเริ่มดูครั้งแรกนั้น มีคำพูดที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ของเอเรนหลายคำ ซึ่งเป็นข้อสงสัยมาตลอด เช่นคำว่า “มิคาสะ เธอไม่ได้ไว้ผมยาวเหรอ?” หรือ “รู้สึกเหมือนได้เห็นความฝันที่ยาวนานมาก ๆ แต่กลับนึกอะไรไม่ออกเลย…” หรือจะเป็นเรื่องที่ว่าทำไมเอเรนที่เพิ่งตื่นถึงร้องไห้โดยไม่รู้สาเหตุ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นข้อสงสัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้น ได้ถูกเฉลยเอาไว้ในตอนอวสานของเรื่องนี้ มิคาสะที่นั่งอยู่ข้างๆ หลุมศพของเอเรนและกำลังอยู่ในอารมณ์เศร้าเสียใจ ทรงผมของเธอ ณ ขณะนั้นเป็นผมยาวที่เอเรนสมัยเด็กเคยทักในตอนแรกสุด นอกจากนั้นการที่เอเรนร้องไห้ ก็สามารถสื่อได้ถึงความหมายว่า ‘พลังของไททันจู่โจม’ นั้นสามารถท่องไปในกาลเวลาต่างๆ รวมถึงอดีตและอนาคตได้ ดังนั้นการที่เอเรนเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝันที่ยาวนาน ถือเป็นอีกหนึ่งผลข้างเคียงจากความทรงจำของผู้ถือครองพลังไททันจู่โจมในอดีต (ถึงแม้ว่าตอนเด็กเอเรนจะยังไม่ได้เป็นผู้ถือครองพลังไททันจู่โจมก็ตาม แต่ในอนาคตเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ถือครองและสามารถใช้พลังนี้ได้)
นอกจากนั้นในช่วงที่อาร์มินพูดคุยกับซีคในสายธารความทรงจำที่เชื่อมโยงชาวเอลเดียไว้ด้วยกัน อาร์มินได้พูดถึงสมัยเด็กๆ ของพวกเขาทั้งสามคน (เอเรน มิคาสะ และ อาร์มิน) ที่มักจะมาวิ่งเล่นใต้ต้นไม้ต้นนี้บ่อย ๆ และเขาจะมาถึงเป็นคนสุดท้ายเสมอ ดังนั้นถ้าสังเกตดีๆ ในฉาก End credit จะมีฉากหนึ่งที่มีคนรูปร่างคล้ายอาร์มินแวะมาเยี่ยมหลุมศพของเอเรนเพียงคนเดียว นั่นอาจจะสื่อถึงความหมายได้ว่าแม้กระทั่งในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของเขา อาร์มินก็ยังมาเป็นคนสุดท้ายเสมอ
2. การถูกปลดปล่อยจากพันธนาการสู่อิสรภาพที่ไขว่คว้า
มิคาสะมักจะคู่กับผ้าพันคอสีแดงอยู่เสมอ จนเสมือนเป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่งของเธอไปแล้ว ซึ่งที่มาของผ้าพันคอผืนนั้น คือ เครื่องประดับที่เอเรนมอบให้แก่มิคาสะตอนเจอกันครั้งแรก ช่วงที่เอเรนลอบเข้าไปช่วยเหลือจากโจรที่สังหารพ่อแม่และจับตัวเธอไป ดังนั้นผ้าพันคอผืนนั้นสำหรับมิคาสะจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ผูกพันตัวเธอเอาไว้กับเอเรน แม้เธอจะเคยตัดใจทิ้งผ้าพันคอผืนนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งตอนที่เอเรนเล่นบทวายร้ายและตีตัวออกห่างพวกเธอด้วยการทำร้ายจิตใจ แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจตัดใจทิ้งสิ่งสำคัญชิ้นนี้ลงไปได้
ช่วงสุดท้ายของการต่อสู้กับเอเรนในสภาพของไททันบรรพบุรุษ หลังจากพรรคพวกชาวเอลเดียที่เหลือถูกเปลี่ยนให้กลายสภาพเป็นไททันไร้สติ กำลังรบทั้งหมดของชาวพาราดีส์ได้หายไป คนที่เหลือรอดมีเพียงแค่ผู้ถือครองพลังไททันทั้งเก้าและตระกูลแอคเคอร์แมนเท่านั้น ในตอนนั้นมิคาสะได้ตัดสินใจที่จะเป็นคนจบเรื่องราวทั้งหมดนี้ลงด้วยมือเธอ แม้ว่าในจิตใจของเธอจะยังคงปฏิเสธทางเลือกนี้ก็ตาม การแสดงออกถึงการตัดสินใจนั้น คือ การที่เธอผูกผ้าพันคอสีแดงผืนนั้นก่อนจะลงมือทำภารกิจสุดท้าย
ณ หลุมศพของเอเรน ในวันที่เรื่องราวทั้งหมดจบลง มิคาสะกำลังร้องไห้เสียใจกับการจากไปของเอเรน แม้เธอจะเป็นคนเลือกทางนั้นเอง แต่ความรู้สึกกับเหตุผลนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ในจังหวะนั้นได้มีนกตัวหนึ่งบินมาพันผ้าพันคอให้เธอ ในจุดนี้คิดว่าสิ่งที่อาจารย์อิซายามะต้องการจะสื่อถึงคือ นกตัวนั้นเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเอเรน
มาเพื่อบอกลามิคาสะด้วยการพันผ้าพันคอผืนนั้นให้เธอ ที่เป็นเสมือนของต่างหน้าของทั้งคู่…
มาในรูปร่างของนกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘อิสรภาพ’ เหมือนกับปีกนกที่อยู่บนตราของหน่วยสำรวจ…
มาในสถานที่แห่งความทรงจำของพวกเขา…
3. ป้ายหลุมศพที่ซ่อนความคำนึงถึงไว้
ป้ายหลุมศพของเอเรนในตอนสุดท้ายนั้น มีฉากหนึ่งที่ได้ทำการซูมไปยังอักษรสลักหน้าป้าย ซึ่งคาดว่าเป็นสิ่งที่มิคาสะได้สร้างไว้ให้แก่เอเรน ชายผู้ที่เธอรักที่สุดคนหนึ่ง โดยภาษาที่ถูกสลักไว้เป็นสิ่งที่อ่านไม่เข้าใจ เนื่องด้วยเป็นภาษาที่ตัวละครใช้ในเรื่อง ทว่ากับมีผู้ชมค้นพบถึงความหมายที่ซ่อนไว้ในป้ายหลุมศพนั้น จากการนำป้ายมากลับหัว ตัวอักษรที่ตอนแรกไม่สามารถทำความเข้าใจได้ จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาญี่ปุ่น ตัวอักษรคาตาคานะ (Katakana) และมีความหมายที่ซ่อนอยู่อีกด้วย
โดยหลักการอ่านจะเป็นการอ่านทีละบรรทัดจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน (อาจจะเพราะเป็นการกลับหัว บรรทัดบนสุดจึงเริ่มจากด้านล่างแทน) จะได้ตัวอักษรคาตาคานะดังนี้
サイアイノ
アナタ
ココデトワノ
イネムリニツク
และเมื่อนำตัวอักษรเหล่านี้ไปแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยจะได้ความหมายที่ซ่อนอยู่คือ
“最愛のあなた ここで永遠の居眠りにつく”
“แด่เธอ ผู้เป็นที่รักที่สุด, ได้หลับใหล ณ ที่แห่งนี้ตลอลกาล”
4. ความรักของมิคาสะที่มีต่อเอเรน
ในช่วงของ End credit ที่มีการกล่าวถึงกาลเวลาของต้นไม้ที่เปลี่ยนไปหลายสิบปี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของหลุมศพ เราจะสังเกตเห็นผู้คนต่าง ๆ ที่เข้ามาเยี่ยมหลุมศพนั้น โดยเริ่มต้นจะเป็นพรรคพวกที่ร่วมสู้กันในศึกสุดท้าย ที่ตอนนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของโลกไปแล้วจากการเสียสละของเอเรน จากนั้นสิ่งที่เราจะสังเกตเห็นเพิ่มเติม คือ การที่มิคาสะมาเยี่ยมหลุมศพของเอเรนตลอดจนกระทั่งเธอเข้าสู่วัยชราและเสียชีวิตลงไป
นอกจากนั้นสิ่งที่เราพบในฉากและหลายๆ คนน่าจะรู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกัน คือมิคาสะพาครอบครัวที่น่าจะเป็นของเธอมาเยี่ยมหลุมศพของเอเรนด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงจุดนี้อาจารย์อิซายามะไม่ได้เฉลยแน่ชัด ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนมาดูแลหัวใจของมิคาสะหลังจากนั้น หรือเด็ก ๆ เหล่านั้นเป็นครอบครัวของเธอจริงหรือไม่ แต่การแสดงให้เราเห็นฉากเหล่านั้น สามารถตีความได้ว่า มิคาสะนั้นยังคงรักและคิดถึงเอเรนอยู่เสมอ แม้จะเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน หรือแม้เธอจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม
และข้อมูลเพิ่มเติมจากช่องทาง X (Twitter) ของแอคเคาต์ Anime News And Facts ได้ทำการประกาศไว้เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2023 ว่าอาจารย์อิซายามะ จะทำการปล่อยมังงะตอนพิเศษที่ใช้ชื่อว่า ‘Attack on Titan Volume 35’ ออกมา เป็นจำนวนทั้งหมด 18 หน้า ในวันที่ 30 เมษายน 2024 ซึ่งจากการคาดเดาตามชื่อเรื่อง เนื้อหาในส่วนที่ถูกเพิ่มเติมมานี้อาจจะเป็นการเขียนอธิบายถึงบทสรุปแท้จริงที่ทุกคนสงสัยอยู่ก็ได้ ว่าเรื่องราวหลังจากนั้นของมิคาสะ และเพื่อนๆ ของเอเรนดำเนินไปอย่างไรต่อไป มาติดตามชมไปพร้อมกันดีกว่า
“Attack on Titan” will release a New 18 Pages manga by Hajame Isayama.
It will be released on April 30, 2024.
Titled “Attack on Titan Volume 35” it will be released along with the upcoming Illustration Artbook. pic.twitter.com/rMll0oohUA
— Anime News And Facts (@AniNewsAndFacts) September 30, 2023
5. ความหมายของจำนวนดอกกุหลาบที่ถูกซ่อนไว้
ดอกไม้กับหลุมศพเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาอย่างยาวนาน และ ‘ดอกกุหลาบ’ ก็เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักได้ซื่อตรงที่สุด เฉกเช่นเดียวกับการที่มีคนใช้ดอกกุหลาบบอกรักในวันวาเลนไทน์มาตลอด สิ่งหนึ่งที่ซ่อนไว้หลังจากฉาก End credit คือ จำนวนของดอกกุหลาบที่ต่างกันในสองฉากติดกัน
ฉากแรก คือ ดอกกุหลาบจำนวน 4 ดอกที่หน้าหลุมศพของเอเรน หลังจากกาลเวลาผ่านไปจนมิคาสะมีครอบครัวและก้าวเข้าสู่วัยชรา การตัดฉากมาที่ฉากนี้พร้อมดอกกุหลาบทั้งสี่ ในภาษาดอกไม้สื่อได้ถึงคำว่า ‘ฟ้าดินแยกเราเท่าไหร่ไม่ขาด ภพชาติพรากเราห่างกันไม่ได้’ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ที่มิคาสะจะมอบให้แก่เอเรนตลอดไป แม้จะไม่มีวันได้พบกันอีกต่อไปแล้วก็ตาม
ฉากที่ 2 คือ งานศพของมิคาสะในชุดคลุมสีขาวที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้มากมาย ทว่าตรงกลางนั้นมีดอกกุหลาบวางอยู่บนมือเธอเป็นจำนวน 6 ดอก สื่อความหมายในภาษาดอกไม้ได้ว่า ‘คิดถึงนะ รักมากด้วย’ นอกจากนี้จุดที่สังเกตเพิ่มเติมได้ในฉากนี้คือ มิคาสะยังคงพันผ้าพันคอสีแดงที่เอเรนมอบให้อยู่ตลอด แม้เธอจะเสียชีวิตไปด้วยวัยชราสิ่งนั้นก็ยังไม่ห่างกายเธอ
ส่วนแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้น อาจจะตีความได้ว่าเป็นการแต่งงานของเธอกับชายคนหนึ่ง ซึ่งได้สร้างความสุขให้แก่เธอหลังจากเอเรนได้จากไปแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นการแต่งงานระหว่างมิคาสะกับเอเรนในจินตนาการของเธอก็เป็นได้ (เพราะองค์ประกอบในฉากนี้หลายๆ อย่างส่วนมากสื่อไปถึงเอเรนเป็นหลัก) อาจารย์อิซายามะได้ทำให้เป็นจุดจบแบบปลายเปิดเพื่อให้ผู้ชมสามารถจินตนาการได้ต่อ แต่ความจริงเป็นยังไงนั้น คิดว่าอาจจะได้รับรู้พร้อมกันทุกคนเมื่อมังงะตอนใหม่ที่กล่าวถึงในหัวข้อที่แล้วถูกปล่อยออกมา
เรื่องราวหลังจากนั้น…
สงครามอันยาวนานของเอเรนและเพื่อนพ้องของเขาจากเกาะพาราดีส์นั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ณ หลุมศพของเขาที่ต้นไม้แห่งความทรงจำ ทว่าเรื่องราวหลังจากนั้นของโลกกลับไม่ได้จบลงแค่การเสียสละของเอเรน กาลเวลาผันเปลี่ยน ความสงบสุขอยู่เพียงแค่ชั่วครู่ สุดท้ายความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองก็ยังวนเวียนอยู่บนโลกแห่งนี้แม้จะไม่มีพลังไททันอีกต่อไปแล้วก็ตาม การพัฒนาวิทยาการด้านอาวุธของมนุษยชาติทำให้สงครามยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งจบลงด้วยการล่มสลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และวนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของจุดจบอีกครั้ง ด้วยการที่เด็กชายคนหนึ่งผู้เหลือรอดจากโลกได้ค้นพบโพรงไม้ประหลาดและเดินตรงเข้าไป หรือนั่นจะเป็นพลังไททันที่ถูกส่งต่อมาถึงยุคถัดไปกันนะ ?
ทว่าสิ่งที่เอเรนทำลงไปนั้นถือว่าสูญเปล่าหรือไม่ ?
แม้สุดท้ายมนุษยชาติจะล่มสลาย แต่การเสียสละของเอเรนในการใช้พิภพคำรามทำลายล้างมนุษย์ในช่วงเวลานั้นไปมากถึง 80% ทำให้ยับยั้งการเกิดสงครามไปได้อีกหลายสิบปี หรืออาจจะหลายร้อย หลายพันปี ซึ่งช่วงเวลานั้นเพียงพอที่จะทำให้พวกมิคาสะ อาร์มิน และเพื่อนพ้องของเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข โดยไม่ต้องพบเจอกับสงครามอีกต่อไป นั่นอาจจะเป็นเป้าหมายที่เอเรนต้องการที่สุดของการเสียสละนั้นก็เป็นได้
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในช่วง End credit ที่ทำให้ฉากนี้ออกมาได้สมบูรณ์แบบ คือ เพลงประกอบฉาก “二千年… 若しくは… 二万年後の君へ・・・(ถึงเธอ… ในอีกสองพัน… หรือสองหมื่นปีหลังจากนี้)” ของวง Linked Horizon เจ้าประจำที่ร้องเพลงเปิดและเพลงปิดหลายเพลงให้แก่อนิเมะเรื่องนี้มาตลอด ยิ่งถ้าไปอ่านความหมายของเพลงเพิ่มเติม จะทำให้เรายิ่งรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ที่อาจารย์อิซายามะอยากจะสื่อออกมามากกว่าเดิมอีกด้วย
ที่มา : จำนวนดอกกุหลาบ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
The post 5 Easter egg ในบทสรุปของเรื่องผ่าพิภพไททัน (Attack on Titan) appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/