แบไต๋พรีวิว BMW i5 ไปแล้วครั้งหนึ่ง รอบนี้มีโอกาสได้ไปทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าในสนามแข่งจริง ๆ ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ทั้งทดสอบอัตราเร่ง ช่วงล่าง การเข้าโค้ง ไปจนถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ และไม่ได้มีแค่ BMW i5 เพียงอย่างเดียว แต่ทาง BMW ยังขนขบวนรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ลองกันรวดเดียวเลย ก่อนอื่นขอย้อนความหลังสั้น ๆ กับ BMW i5 ผลิตขึ้นในโรงงานเดียวกับที่ผลิต BMW ซีรีส์ 5 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยด้วยกันคือ BMW i5 eDRIVE40 M Sport ขับขี่ประมาณ 500 – 580 กม. และรุ่นท็อป BMW i5 M60 xDrive ขับขี่ประมาณ 480 – 500 กม. ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกำลังแบต 81.2 kWh ต่างกันที่กำลังของมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ ซึ่งรุ่นท็อปให้กำลังสูงสุด 601 แรงม้าเลยทีเดียว การทดสอบ BMW i5 จะเริ่มตั้งการสลาล่อมเพื่อทดสอบระบบช่วงล่างและพวงมาลัย รวมถึงอัตราเร่งและการเข้าโค้งในสนามแทร็ก ได้ทดสอบพละกำลังของขุมพลัง 601 แรงม้า เหยียบหลังติดเบาะ แต่ช่วงล่างยังเอาอยู่ แม้จะเติมคันเร่งในโค้งก็ยังช่วยดึงกลับได้เป็นอย่างดี ต่อด้วยการทดสอบอัตราเร่งด้วยการ kick down ทดสอบพละกำลังแรงบิด 820 นิวตันเมตร และอัตราเร่ง 0 – 100 ภายใน 3.8 วินาที
The post รีวิว BMW i5 ทดสอบในสนาม 601 แรงม้า แรงจริง แต่รถเอาอยู่ appeared first on #beartai.
แบไต๋พรีวิว BMW i5 ไปแล้วครั้งหนึ่ง รอบนี้มีโอกาสได้ไปทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าในสนามแข่งจริง ๆ ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ทั้งทดสอบอัตราเร่ง ช่วงล่าง การเข้าโค้ง ไปจนถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ และไม่ได้มีแค่ BMW i5 เพียงอย่างเดียว แต่ทาง BMW ยังขนขบวนรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ลองกันรวดเดียวเลย
ก่อนอื่นขอย้อนความหลังสั้น ๆ กับ BMW i5 ผลิตขึ้นในโรงงานเดียวกับที่ผลิต BMW ซีรีส์ 5 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยด้วยกันคือ BMW i5 eDRIVE40 M Sport ขับขี่ประมาณ 500 – 580 กม. และรุ่นท็อป BMW i5 M60 xDrive ขับขี่ประมาณ 480 – 500 กม. ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกำลังแบต 81.2 kWh ต่างกันที่กำลังของมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ ซึ่งรุ่นท็อปให้กำลังสูงสุด 601 แรงม้าเลยทีเดียว
การทดสอบ BMW i5 จะเริ่มตั้งการสลาล่อมเพื่อทดสอบระบบช่วงล่างและพวงมาลัย รวมถึงอัตราเร่งและการเข้าโค้งในสนามแทร็ก ได้ทดสอบพละกำลังของขุมพลัง 601 แรงม้า เหยียบหลังติดเบาะ แต่ช่วงล่างยังเอาอยู่ แม้จะเติมคันเร่งในโค้งก็ยังช่วยดึงกลับได้เป็นอย่างดี
ต่อด้วยการทดสอบอัตราเร่งด้วยการ kick down ทดสอบพละกำลังแรงบิด 820 นิวตันเมตร และอัตราเร่ง 0 – 100 ภายใน 3.8 วินาที เสริมด้วยโหมด launch control ที่เป็นการล็อกรอบออกตัวด้วยการเหยียบคันเร่งแบะเบรกค้างไว้ ทำให้การออกตัวพุ่งไปข้างเสมือนยานออกตัวเลย ถึงแม้เราจะไม่ได้มีโอกาสใช้อัตราเร่งขนาดนี้บนถนนก็ตาม แต่ก็ได้อารมณ์และประสบการณ์การขับขี่ไปอีกแบบ
BMW i5 ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งความประหยัด การชาร์จ ไปจนถึงความยั่งยืน เห็นได้จากการออกแบบภายนอกที่ช่วยในเรื่องแอโรไดนามิกให้รถลู่ลมได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้กว่า 6.5 Wh/km หรือการใช้วัสดุหนังจากวีแกนเพื่อตอบรับกับความยั่งยืน ซึ่งใครยังชอบฟิลลิ่งของหนังแท้ก็มีออปชันเพิ่มได้
สุดท้ายคือฟีเจอร์ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Trainer ที่ช่วยบอกระยะที่เหลือว่าขับขี่ได้อีกกี่กม. หรือฟีเจอร์ Max range ช่วยเพิ่มระยะทางได้อีก 25% ในยามฉุกเฉิน แลกมากับการลดความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. ไปจนถึงการใช้ฟีเจอร์ Thermal ชาร์จกำลังไฟเต็มที่ 205 kW ทำให้ได้การชาร์จใกล้เคียงกับ 800V แม้กำลังชาร์จ 400V ก็ตาม และขาดไม่ได้กับออปชันช่วยจอดรถอัตโนมัติที่จดจำระยะ 200 เมตรสุดท้าย เวลาถอยจอดเข้าบ้าน ผู้ขับขี่สามารถลงจากตัวรถได้เลย แต่ต้องเดินตามรถไปด้วยนะ
นอกจากนี้ BMW i5 ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการณ์ OS 8.5 ปรับแต่งไอคอน ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ใช้งานเป็นประจำมาไว้หน้าจอหลักได้ อีกทั้งผู้ขับขี่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้แบบ OTA โดยไม่ต้องนำรถไปเข้าศูนย์บริการ รวมถึงฟีเจอร์น่ารัก ๆ อย่าง Game AirConsole ให้ผู้โดยสารเล่นเกมในรถระหว่างรอชาร์จไฟ แค่สแกน QR code และใช้สมาร์ตโฟนเป็นดังจอยสติ๊กได้เลย เล่นได้สูงสุด 7 คนด้วยนะ แม้รถจะนั่งได้ 5 ที่นั่งก็ตาม
The post รีวิว BMW i5 ทดสอบในสนาม 601 แรงม้า แรงจริง แต่รถเอาอยู่ appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/