วันนี้ผมขอรีวิวแนวท่องเที่ยวบ้างครับ….หลังเสร็จศึก Thailand Game Show 2023 อันใหญ่หลวง ผมก็หอบผ้าผ่อนลูกเต้าออกจากบ้านมาเลย มาในพื้นที่เล็ก ๆ ของโลกในด้านที่ตนเองยังไม่เคยมา โดยบินออกมาทางตะวันตกของไทย ข้ามอ่าวเบงกอลแสนกว้างใหญ่มาหย่อนใจอยู่มหาสมุทรอินเดีย …ครับ เรามา “มัลดีฟส์” ด้วยกันเป็นครั้งแรกเลย
The post [รีวิว] Naladhu Private Island : เกาะแก่งลับ ๆ กับทะเลทุกหน-แห่ง Maldives appeared first on #beartai.
วันนี้ผมขอรีวิวแนวท่องเที่ยวบ้างครับ….หลังเสร็จศึก Thailand Game Show 2023 อันใหญ่หลวง ผมก็หอบผ้าผ่อนลูกเต้าออกจากบ้านมาเลย มาในพื้นที่เล็ก ๆ ของโลกในด้านที่ตนเองยังไม่เคยมา โดยบินออกมาทางตะวันตกของไทย ข้ามอ่าวเบงกอลแสนกว้างใหญ่มาหย่อนใจอยู่มหาสมุทรอินเดีย…ครับ เรามา “มัลดีฟส์” ด้วยกันเป็นครั้งแรกเลย
ครั้งนี้ครอบครัวเราได้รับคำเชิญจาก Minor Hotels กลุ่มโรงแรมหรูในเครือ Monor International Group ของนักธุรกิจฝรั่งเติบโตเมืองไทยอย่างคุณบิล ไฮเนกกี้ PR ของค่ายเป็นผู้จุดประกายความคิด “คิดจะพักคิดถึงมัลดีฟส์” ให้เรา เรานัดแนะกันอยู่หลายเดือน ถึงการมาเยือนเกาะสุดเงียบและเรียบหรู Naladhu Private Island (นาราดูห์ ไพรเวต ไอส์แลนด์) แถมด้วยทัวร์ดำน้ำดูปลาฉลาม (ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก) ทั้งครั้งแรกในชีวิตและ#ครั้งแรกในมัลดีฟส์ ที่ทำเรารู้ว่า “ฉลามเป็นมิตรกว่าที่คิด”
Naladhu Private Island ตั้งอยู่ในกลุ่มก้อนเกาะมวลกลม ๆ ใกล้กับ MALE (มาเล่) เมืองหลวงแห่งมัลดีฟส์ ที่มีสนามบินใหญ่ให้เรามาลง ลงปุ๊บ ก็เจอแท็กซี่มารับเป็นทะเลที่มีเรือจอดเรียงรายเลย…ภาพความ Water World เริ่มต้นขึ้นตรงนี้…มีน้ำล้อมไปซะทุกหนทุกแห่ง
จุดที่เรามุ่งหน้าไป ใช้เวลาราว 30 นาทีจากสนามบิน MALE…มองจากแผนที่มันเป็นเพียงหนึ่งจุดเล็กจิ๋วในจุดอีกจำนวนมาก นับได้ 1,192 เกาะในประเทศผืนน้ำทะเลตื้นนี้…เมื่อถ่างซูมแผนที่ก็ทำเอาทึ่งถึงระบบการจัดการปกครองของประเทศนี้นะ
เกาะเล็กเกาะน้อยยึบยั่บไปหมด เดินทางหากันด้วยเรือกะเรือบินน้ำ ไปไหนที ก็ดูเป็นเรื่องใหญ่ แม้ไม่ใช่คนใหญ่คนโต
Naladhu Private Island เป็นโรงแรมในเครืออนันตราของไทย โดยในแนวปะการังนี้ จะมีอีก 2 โรงแรม คือ Anantara Dhigu (ดีกู) Maldives Resort ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า มีห้องพักประมาณ 200 กว่าห้องสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว และ Anantara Veli (เวลี่) โรงแรมที่เปิดให้เข้าพักได้เฉพาะผู้ใหญ่ และไม่อนุญาตให้เด็ก ๆ เข้ามาครึกครื้นด้วยนะ…(ผู้ใหญ่จะนอน ! 55) สองโรงแรมนี้จะเห็นห้องพักบนผืนน้ำ ตามลักษณะภาพจำมัลดีฟส์ที่เราเคยเห็นจากสื่อโฆษณา
แต่ความพิเศษจริง ๆ อยู่ที่ Naladhu Private Island ซึ่งไพรเวตสมชื่อ คือมีบ้านพักเพียง 20 หลังเท่านั้นบนเกาะไซส์เล็กสุด ใครปรารถนาหาความสงบ คุณจะได้รับความเงียบสงบ สมใจนึก ! ครับ เวลาคุณจะมา คุณแค่เลือกพักได้ในสไตล์ห้องพักที่คุณชอบ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกนอนโรงแรมไหน Facilities ต่าง ๆ คุณไปใช้ด้วยได้ทั้งนั้น ทั้งห้องอาหาร ห้องออกกำลังกาย สระน้ำหรือ คิดส์คลับ เพียงนั่งเรือข้ามไป-มาจึ๋งหนึ่งวิ่งไปบนน้ำใส ๆ
*เกาะ Naladhu เชื่อมกับ Veli ได้ก็จริง แต่การที่ Veli ไม่เชื่อมกับ Dhigu และ Dhigu ไม่เชื่อมกับ Naladhu ทำให้ทางโรงแรมต้องทำบริการเรือข้ามฟากแทบจะตลอดเวลา (6.00-23.00) ไว้ให้แขกสัญจร ถือเป็นโอเปเรชันที่โหดอยู่เหมือนกัน
ครอบครัวเราได้พักบ้านนี้ Ocean House with Pool & Private Beach Cabanas ชื่อก็บอกแล้วว่า เราจะได้ทั้งวิวทะเล สระว่ายน้ำ และคาบาน่ามุมสุดชิลไว้พักผ่อน ห้องนอนใหญ่ เสริมเตียงได้อีก 2 เตียง อยู่ 4 คนสบายไม่อึดอัด (ห้องอาบน้ำมีทั้งโซน Indoor/Outdoor พร้อมระบบ Steam น้ำร้อน)
การบินมามัลดีฟส์จากไทย มาได้ทั้งสองสนามบิน (สุวรรณภูมิ โดย Bangkok Airways และดอนเมือง โดย Air Asia) เลือกสนามบินปลายทางคือ MALE (มาเล่) ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. พอเดินทางมาถึงจะได้เวลาคืนมา 2 ชม. (มัลดีฟส์เวลาช้ากว่าไทย) การผ่านแดนมัลดีฟส์ ไม่ยาก แต่แค่ควรรู้มาก่อนว่าเขาขอกรอกข้อมูลผ่านแดนผ่านเว็บมาก่อน ระบบจะเจ็น QR Code ออกมา ซึ่งเอาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้สแกนใด ๆ เพราะพอกรอก มันก็เท่ากับเข้าระบบแล้ว
เมื่อผ่านด่านมาได้ Anantara จะส่งเจ้าหน้าที่มารอรับพร้อมป้ายชื่อเราที่ประตูทางออกสนามบิน และใกล้กันนั้นก็มีเลานจ์ให้เรานั่งพักให้หายเหนื่อย ให้โหลดแอป Anantara ด้วยบริการ WiFi ที่เร็วพอสมควร ดื่มน้ำตากแอร์พอชื่นใจ ก็พาเดินข้ามถนนไปอีกนิด ก็ถึงจุดจอดเรือ Nirvana ลำใหญ่เพื่อขนพวกเราเพียง 4 คน ไปเกาะ Naladhu ไพรเวตสมชื่อ!!
เรือ Nirvana พาเรามาจอดเทียบท่าเรือของ Naladhu พร้อมรับเสียงกลองต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้จัดการและพนักงานหลายท่าน รับ Welcome Drink เป็นน้ำมะพร้าวคนละลูก ก่อนที่ Butler ของเราคือคุณ IBBE (อิบเบะ) ชาวมัลเดเวียนโดยแท้ จะพาเราเข้าชมห้องพักพร้อมอธิบายการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้อง
เดินเข้าห้องนอกจากจะตกตะลึงในความสวยงามของที่พักแล้ว ยังต้องตกตะลึกกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ 2 จากพนักงานนวดอีก 2 ท่านที่รอเราอยู่ตรงคาบาน่าริมทะเล…แหม ! การตลาดดีมาก บินมาเหนื่อย ๆ นวดต้อนรับเรานิดหน่อย ก็ฟินเฟร่อสิครับ เป็นการจูงใจเราไปอุดหนุน Spa ต่อได้ง่าย ๆ เลย
มาถึงวันแรก เราก็นอนชิล ๆ ว่ายน้ำ กินลมชมวิว เดินหาดทรายขาว ๆ กันไป ยังรู้สึกว่ามัลดีฟส์มันก็สวยนะ แต่ภูเก็ต/กระบี่บ้านเราก็สวยสูสีสู้ได้
แต่พอวันที่ 2 พอได้ออกทะเล ได้ลงน้ำเท่านั้นแหละ สัมผัสถึงจิตวิญญาณมัลดีฟส์ที่หาไม่ได้ในที่อื่นธรรมชาติ สัตว์ทะเล และความสวยใสของน้ำทะเลช่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมัลดีฟส์ครับ จะไปหาที่ไหน ทั้งฉลาม ปลากระเบน เต่า ปลาน้อยใหญ่นานาพันธุ์ มันมาปาดังเบซาร์กันต่อหน้าต่อตาเราราวหนังสารคดี…ดูดีอุดมสมบูรณ์ไปซะหมด
กิจกรรมทางน้ำที่นี่เยอะมาก มา 3-4 วันก็เก็บไม่ครบ แถมครั้งนี้ผมมาให้สภาพร่างกายไม่พร้อม ยังมีอาการอึน ๆ สลับไข้จากหลอดลมอักเสบหลังเสร็จศึกงาน Thailand Game Show ผมเลยทำได้แค่ Snorkeling ดำน้ำตื้น แต่ผมเซฟลิสต์กิจกรรมของ ”Aquafanatic“ อันยาวเหยียดไว้ เพื่อครั้งหน้าต้องมาใหม่ กะว่าจะเริ่มเรียนดำน้ำกะ PADI ก็เพราะทริปนี้แหละ (หากมาเรียนที่นี่ ออกใบอนุญาตได้ในหลักสูตร 2 วัน) อยากดำดูฉลามวาฬใต้น้ำสักครั้งในชีวิต เห็นภาพโฆษณาแล้วใจมันฮึกเหิม!!
ทำกิจกรรมกันจนเหนื่อย ก็ถึงเวลาแห่งอาหารและการทำความรู้จักร้านรวงต่าง ๆ บน 3 โรงแรมนี้
ที่นี่ห้องอาหารเยอะมาก เปลี่ยนมื้อเปลี่ยนที่ไปได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อ แม้เราพักที่ Naladhu ซึ่งห้องอาหารจะเล็กหน่อย (ชื่อ The Living Room) เสิร์ฟแบบ A La Cart ตามเมนูนานาชาติ แซมด้วยอาหาร Maldivian พอกรุบกริบ แต่เราสามารถขอข้ามฝั่งมาลิ้มรสอาหารร้านอื่น ๆ ในฝั่ง Anantara Dhigu และ Veli ได้ ซึ่งมีอีก 4-5 ร้านใหญ่ ๆ อาทิ
⁃ ร้าน Fushi Cafe เป็นบุฟเฟต์นานาชาติ
⁃ ร้าน Sea.Fire.Salt อาหารทะเลเผา
⁃ ร้าน Aqua อาหารอิตาเลี่ยนริมสระน้ำ
⁃ ร้าน The Living Room เป็น All Day Dining
⁃ ร้านญี่ปุ่น Origami
⁃ ร้าน Cumin อาหารศรีลังกา อินเดีย
แต่เด็ดสุดขอยกให้อาหารไทยของเรา ร้าน Baan Huraa (แปลว่าบ้านปะการัง) สร้างบนแนวปะการังเลย ยุคก่อนสึนามิเข้า ทะเลแถวนี้มีปะการังที่สวยมาก แต่พลังทำลายล้างของสึนามิทำให้โครงสร้างนี้หายไป ได้เป็นความใสสะอาดของหาดแทน
เขาสร้างร้านนี้ไว้กลางน้ำตั้งแต่ปี 2007 อาคารโดดเด่นมาก อาหารไทยโดยเชฟไทย “อร่อยทุกจาน” น่าทึ่งในวิธีการ Supply อาหารบนจุดเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรนี้ นำมาจากหลายแหล่ง หมูไก่เครื่องแกงจากไทย เนื้อฟรีซมาจากออสเตรเลีย แต่คงสดใหม่และอร่อย เล่าละเอียดเดี๋ยวจะยาวเกิน ผมแปะภาพอาหารไว้ตรงนี้เยอะหน่อยนะครับ
ป.ล. หากอยากสั่งอาหารท้องถิ่น Maldivian มาลองแนะนำเมนู RedHun ราคา 95 USD ที่ร้าน The Living Room เป็น Lobster Curry กะหรี่รสมัลดีฟส์จะแปลกรสกว่ากะหรี่ญี่ปุ่น เผ็ดร้อนนุ่มนวลกว่าอินเดีย ได้รับอิทธิพลจากศรีลังกามาโดยตรง
จุดติเรื่องอาหารญี่ปุ่นบนเกาะคือไวยากรณ์ไม่ตรงสิ่งที่เรารู้จัก เนื่องจากไม่มีเชฟญี่ปุ่นแท้ ๆ บนเกาะนี้ การสั่ง ”ราเมนเนื้อ“ เพียง 1 จาน ถึงกับทำเราไม่กล้าสั่งอาหารญี่ปุ่นบนเกาะนี้อีกเลย
เรารู้ว่าการท่องเที่ยวคือรายได้หลักของมัลดีฟส์ พนักงานเล่าว่า รัฐบาลเข้มงวดมากเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม เรือที่เห็นขับไปไม่ได้หยุดหย่อนตลอดการมาเข้าพัก ไม่เห็นทิ้งคราบน้ำมันเครื่องไว้บนทะเลสักหยด รวมถึงเราไม่เคยเห็นเศษขยะบนชาดหาดเลย โรงแรม รีสอร์ตต่างพร้อมใจร่วมมือรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากๆ การใช้พลาสติกมีให้เห็นน้อยมาก ระบบจัดการดีมาก
มาครั้งนี้ ทึ่งในความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังต้องทึ่งในความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรคุณบิลไฮเนคกี้ด้วย ช่างยิ่งใหญ่และบริหารเชนโรงแรมไทยไปทั่วโลก ได้อย่างดีเยี่ยม น่าชื่นชมจริง ๆ ครับ
สนใจไปเที่ยวมัลดีฟส์ จำชื่อที่พักเหล่านี้ไว้ Naladhu Private Island หรือ Anantara Dhigu Resort Maldives, และ Anantara Veli ต้องลองซักครั้งครับมัลดีฟส์ และเราจะไปกันอีก มีจุดมุ่งหมายในการเรียนดำน้ำจริงจังแล้วล่ะ
The post [รีวิว] Naladhu Private Island : เกาะแก่งลับ ๆ กับทะเลทุกหน-แห่ง Maldives appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/