
ยังจำได้ไหม ทีมแบไต๋เคยไปเดินชมงาน Auto Shanghai 2023 โดยทีม GWM ประเทศไทยเป็นผู้ชวนเราไป แถมยังพาไปชมตึก R&D ของทางแบรนด์ด้วย ซึ่งในงานนั้นแบรนด์ TANK หนึ่งในเครือของ GWM ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่คือ TANK 500 และ TANK 300 ซึ่งเป็นรถเอสยูวีพรีเมียม ล่าสุดเพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยแล้ว TANK 500 เป็นรถเอสยูวีที่เน้นความหรูหรามาพร้อมสมรรถนะออฟโรด เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีตัวเลือกอยู่ไม่มากในตลาดของไทยและมักติดปัญหาเรื่องราคา เพราะรถสมรรถนะออฟโรดสูงอย่างแบรนด์ยุโรปย่อมมีราคาที่สูง ในขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นเองก็ขาดความหรูหราไป TANK 500 จึงหวังเข้ามาตอบโจทย์ตลาดรถเอสยูวีไทยในเวลานี้ ดีไซน์ภายนอกของ TANK 500 เน้นความบึกบึน หรูหรา ขนาดใหญ่ ตัวรถยาวกว่า 5 เมตร (5078 มม.) กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมสัญลักษณ์รูปตัว T กระจังหน้าไฟ LED ครบ มีกล้อง 360 ด้านท้ายตกแต่งสไตล์ออฟโรด พร้อมซันรูฟ และออปชันบันไดไฟฟ้าทำงานเมื่อปลดล็อกประตู ภายในของ TANK 500 ตกแต่ง 2 สีคือโทน Blue & Beige และโทน Black คอนโซลตกแต่งวัสดุไม้ หน้าจอกลาง 14.6 นิ้วและหน้าจอผู้ขับขี่ 12.3 นิ้ว ถือว่าให้มาใหญ่มาก ๆ มาพร้อมพวงมาลัยไฟฟ้าและที่ชาร์จไร้สาย มีช่องใส่เก็บของขนาดใหญ่ใส่ขวดน้ำได้และเชื่อมต่อกับระบบแอร์ช่วยรักษาอุณหภูมิของเครื่องดื่มได้ด้วย ที่สำคัญยังตกแต่งด้วยนาฬิกาออโตเมติกให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรถคลาสสิก ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนัง Nappa 7 ที่นั่ง
The post รีวิว GWM TANK 500 เอสยูวีไฮบริด ออฟโรดแน่น ออปชันครบ รอเปิดราคา 28 ก.ย.นี้ appeared first on #beartai.
ยังจำได้ไหม ทีมแบไต๋เคยไปเดินชมงาน Auto Shanghai 2023 โดยทีม GWM ประเทศไทยเป็นผู้ชวนเราไป แถมยังพาไปชมตึก R&D ของทางแบรนด์ด้วย ซึ่งในงานนั้นแบรนด์ TANK หนึ่งในเครือของ GWM ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่คือ TANK 500 และ TANK 300 ซึ่งเป็นรถเอสยูวีพรีเมียม ล่าสุดเพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยแล้ว
TANK 500 เป็นรถเอสยูวีที่เน้นความหรูหรามาพร้อมสมรรถนะออฟโรด เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีตัวเลือกอยู่ไม่มากในตลาดของไทยและมักติดปัญหาเรื่องราคา เพราะรถสมรรถนะออฟโรดสูงอย่างแบรนด์ยุโรปย่อมมีราคาที่สูง ในขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นเองก็ขาดความหรูหราไป TANK 500 จึงหวังเข้ามาตอบโจทย์ตลาดรถเอสยูวีไทยในเวลานี้
ดีไซน์ภายนอกของ TANK 500 เน้นความบึกบึน หรูหรา ขนาดใหญ่ ตัวรถยาวกว่า 5 เมตร (5078 มม.) กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมสัญลักษณ์รูปตัว T กระจังหน้าไฟ LED ครบ มีกล้อง 360 ด้านท้ายตกแต่งสไตล์ออฟโรด พร้อมซันรูฟ และออปชันบันไดไฟฟ้าทำงานเมื่อปลดล็อกประตู
ภายในของ TANK 500 ตกแต่ง 2 สีคือโทน Blue & Beige และโทน Black คอนโซลตกแต่งวัสดุไม้ หน้าจอกลาง 14.6 นิ้วและหน้าจอผู้ขับขี่ 12.3 นิ้ว ถือว่าให้มาใหญ่มาก ๆ มาพร้อมพวงมาลัยไฟฟ้าและที่ชาร์จไร้สาย มีช่องใส่เก็บของขนาดใหญ่ใส่ขวดน้ำได้และเชื่อมต่อกับระบบแอร์ช่วยรักษาอุณหภูมิของเครื่องดื่มได้ด้วย ที่สำคัญยังตกแต่งด้วยนาฬิกาออโตเมติกให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรถคลาสสิก
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนัง Nappa 7 ที่นั่ง 3 แถว ปรับได้ 6 ทิศทาง (เฉพาะแถวหน้า) ที่มีระบบนวดไฟฟ้าและระบายความร้อนที่ตัวเบาะของผู้ขับขี่แถวหน้า แถวสองมีระบบปรับอากาศ รวมถึงแถวสามมีปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าขึ้นลงและช่องแอร์ด้วย แต่เมื่อปรับเป็นที่นั่งแล้วจะเหลือพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว
TANK 500 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2 ลิตร ทำงานระบบไฮบริดที่ให้กำลังรวมสูงกว่า 300 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ตัวรถออกแบบเพื่อการใช้งานในเมือง ด้วยความที่เป็นรถขนาดใหญ่ นั่งสบาย ขึ้นลงสะดวกเพราะมีบันไดสไลด์ออกมายามขึ้นลง
TANK 500 จัดเต็มระบบออฟโรด มีโหมดขับขี่ 11 โหมด โดยเฉพาะโหมดโคลน ดิน ทราย ที่ใช้งานในความเร็วต่ำ (ไม่เกิน 80 กม./ชม.) รวมถึงโหมด Auto ที่ให้ตัวรถคำนวนการขับขี่ตามสภาพพื้น ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยน หรือติดๆ ดับๆ เมื่อความเร็วสูงขึ้น
จุดเด่นของ TANK 500 คือจัดเต็มระบบขับขี่ออฟโรด ที่มีอยู่ในรถออฟโรดระดับไฮเอนด์ ไล่ตั้งแต่ระบบ OCC (Off-Road Cruise Control) แต่เป็นการควบคุมความเร็วไม่เกิน 12 กม./ชม. หรือระบบ Weding depth ระบบช่วยลุยน้ำ ตรวจจับความลึกของน้ำ ซึ่งทำงานเมื่อขับผ่านถนนที่มีน้ำนองอัตโนมัติ
ระบบ Electric Lock ช่วยล็อกเฟืองขับ ซึ่งใน TANK 500 มีระบบดริฟต์ล้อหน้าให้ด้วย (ทำงานพร้อมกับดริฟต์หลังเท่านั้น) ไฮไลต์คือระบบ TANK Turn ช่วยกลับรถในที่แคบ แต่ใช้งานได้บนพื้นโคลนเท่านั้น ซึ่งเป็นการบีบล้อเข้าหากัน ลดการทำงานของล้อหลังเพื่อลดวงเลี้ยวของตัวรถ (ทำงานคู่กับโหมด OCC เท่านั้น) ปิดท้ายด้วยระบบ Body Tranparent ช่วยแสดงภาพใต้รถ ทำให้การขับขี่ในออฟโรดง่ายขึ้น
เราลองขับขี่ในเมืองโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. พบว่าแม้จะเป็นรถขนาดใหญ่แต่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ประ 15 – 17 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 5 – 7 กม./ลิตร และบางช่วงที่รถติดมาก ๆ ก็ตกอยู่ที่ช่วง 15 กม./ลิตร
TANK 500 มี 2 รุ่นย่อยคือรุ่นท็อป Ultra และรุ่นเริ่มต้น Pro โดยในรุ่นเริ่มต้นจะไม่มีซันรูฟ ไม่มีบันไดไฟฟ้า เบาะปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะแนวสามไม่มีระบบไฟฟ้า ลำโพงจาก 12 เหลือ 6 ตัว และล้อขนาด 18 นิ้วจากเดิม 20 นิ้ว เตรียมเปิดราคาวันที่ 28 กันยายนนี้
พิเศษในไทยวางขาย 4 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทาและเทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น Ultra) แต่แบไต๋มีโอกาสได้นำสีพิเศษคือสีแดง มาให้ชมก่อน ถ้ากระแสตอบรับดีอาจจะมีการผลิตเพิ่ม ชาวแบไต๋คิดเห็นอย่างไรกับสีนี้บ้าง?
The post รีวิว GWM TANK 500 เอสยูวีไฮบริด ออฟโรดแน่น ออปชันครบ รอเปิดราคา 28 ก.ย.นี้ appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/