
Shazam! เป็นอีกหนึ่ง ซูเปอร์ฮีโร่จากจักรวาล DC ที่เรียกได้ว่าอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน เพราะด้วยเนื้อหาที่เบาสมอง แต่ก็ยังแฝงด้วยแง่คิดที่ลึกซึ้ง ทำให้ใคร ๆ ก็หลงรักซูเปอร์ฮีโร่ชุดแดงคนนี้ได้ไม่ยาก แม้ในเวอร์ชันหนัง Shazam! จะยังไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมกับ Justice League เช่นเดียวกับในคอมิกส์ แต่ด้วยความสนุกของหนัง ทำให้ Shazam! สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ทว่าก่อนหน้า ที่เขาจะมาอยู่บนจอภาพยนตร์แบบทุกวันนี้ ใครเล่าจะรู้ว่า Shazam! นั้นเคยใช้ชื่อว่า Captain Marvel มาก่อน และไม่ได้อยู่ใต้ชายคาของบ้าน DC เลยด้วยซ้ำ Shazam! ไปทำอะไร ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ และถูกเอาชื่อไปตอนไหน วันนี้เราจะมาแบไต๋ให้ทุกคนอ่านกัน
The post ย้อนรอยเบื้องหลังการกำเนิด Shazam! ซูเปอร์ฮีโร่ชุดแดงที่เกิดขึ้นเพราะพลังแรงบันดาลใจ appeared first on #beartai.
Shazam! เป็นอีกหนึ่ง ซูเปอร์ฮีโร่จากจักรวาล DC ที่เรียกได้ว่าอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน เพราะด้วยเนื้อหาที่เบาสมอง แต่ก็ยังแฝงด้วยแง่คิดที่ลึกซึ้ง ทำให้ใคร ๆ ก็หลงรักซูเปอร์ฮีโร่ชุดแดงคนนี้ได้ไม่ยาก แม้ในเวอร์ชันหนัง Shazam! จะยังไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมกับ Justice League เช่นเดียวกับในคอมิกส์ แต่ด้วยความสนุกของหนัง ทำให้ Shazam! สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ทว่าก่อนหน้า ที่เขาจะมาอยู่บนจอภาพยนตร์แบบทุกวันนี้ ใครเล่าจะรู้ว่า Shazam! นั้นเคยใช้ชื่อว่า Captain Marvel มาก่อน และไม่ได้อยู่ใต้ชายคาของบ้าน DC เลยด้วยซ้ำ Shazam! ไปทำอะไร ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ และถูกเอาชื่อไปตอนไหน วันนี้เราจะมาแบไต๋ให้ทุกคนอ่านกัน
ต้นกำเนิดของจากบุรุษเหล็ก
ต้นกำเนิดของ Shazam! ต้องย้อนกลับไปในช่วงยุคทองของคอมิกส์ (Golden Age) กล่าวคือในปี 1938 นั้นเจอร์รี ชีเกล (Jerry Siegel) และ โจ ชูสเตอร์ (Joe Shuster) ได้สร้างซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อว่า Superman ขึ้นมาภายใต้สำนักพิมพ์ของเครือ DC Comics ในเวลานั้น ซึ่งก็อย่างที่เรารู้กัน ไม่นาน Superman ก็ดังเป็นพลุแตก มียอดขายกว่าครึ่งล้านเล่ม โดยความสำเร็จนี้ยังทำให้ Superman ถูกดัดแปลงเป็นตอนพิเศษทั้งในหนังสือพิมพ์และละครวิทยุ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน ในเวลานั้นซูเปอร์ฮีโร่เบอร์หนึ่งก็คือ Superman อย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าเมื่ออะไรดัง คนก็หันไปฮิตตาม นั่นทำให้อุตสาหกรรมคอมิกส์ในเวลานี้ เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์มากมาย ทั้งการนำภาพจากคอมิกส์มาพิมพ์ลงบนสินค้าหรือกระทั่งลอกเลียนแบบคอมิกส์หัวใหญ่ขึ้นมา ซึ่งนักก๊อปเหล่านั้น ต่างก็สร้างคอมิกส์ Superman ในแบบฉบับของตน และพวกเขาจะหยุดทำก็ต่อเมื่อเทรนด์มันหมดยุคหรือกระทั่งโดนฟ้องนั่นแหละ
ที่มาของ Captain Marvel
หลังจากความสำเร็จของ Superman แล้ว 1 ปีต่อมา บริษัท Fawcett Publications ก็หมายมั่นว่าจะสร้าง Superman ของตน พวกเขาจึงจ้างนักเขียนการ์ตูนชื่อ บิล พาร์กเกอร์ (Bill Parker) มาปั้นคอมิกส์ของพวกเขา ซึ่งคอมิกส์ของ Fawcett ก็มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘Flash Comics’ โดย เรล์ฟ ดายจ์ (Ralph Daigh) ผู้อำนวยการบริหารของ Fawcett ในเวลานั้นได้ให้ชื่อของซูเปอร์ฮีโร่ที่จะมาเดบิวต์ว่า ‘Captain Thunder’
แต่ทว่าหลังจากตีพิมพ์ไปไม่นาน Fawcett ก็พบว่าหัวหนังสือ Flash Comics และชื่อ Captain Thunder ไม่สามารถใช้ได้ เพราะมีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไปแล้ว นั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อหัวหนังสือเป็น ‘Whiz Comics’ และเปลี่ยนชื่อตัวละครเป็น Captain Marvelous ซึ่งบรรณาธิการย่อเป็น ‘Captain Marvel’ ในที่สุด
Captain Marvel ปรากฏตัวครั้งแรกใน Whiz Comics เล่ม 2 โดยเล่าเรื่องถึงบิลลี แบทสัน เด็กชายกำพร้าวัย 12 ปี ที่ได้ถูกคนแปลกหน้าลึกลับ หลอกล่อเขาไปขึ้นรถไฟในสถานีร้าง ซึ่งในคืนนั้นรถไฟได้พาบิลลีไปพบกับห้องที่บรรจุศิลาไว้ ห้องนี้ค่อนข้างลึกลับและน่ากลัว แถมรอบข้างยังรายล้อมไปด้วยรูปปั้นมหึมาที่เป็นตัวแทนของบาปทั้ง 7 ประการ โดยที่นั่นบิลลี ก็ได้พบกับพ่อมดโบราณที่ชื่อว่า ‘ชาแซม’ ในที่สุดหลังจากพูดคุยกัน พ่อมดก็สั่งให้บิลลี่เรียกชื่อเขา
หลังจากบิลลีเรียกชื่อชาแซม ทันใดนั้นเขาก็ถูกสายฟ้าผ่าใส่ และกลายร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหญ่ ชุดสีแดง ผู้มีพละกำลังมหาศาลนามว่า Captain Marvel โดยคำเรียกของ Shazam! มาจากผู้อาวุโสที่เป็นอมตะทั้ง 6 ซึ่งมอบพลังวิเศษให้กับบิลลี่ ได้แก่ Solomon, Hercules, Atlas, Zeus, Achilles และ Mercury นั่นทำให้ชื่อแรกของ Shazam! ก็คือ Captain Marvel ไปโดยปริยาย
ในยุคนั้นเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ ต่างเต็มไปด้วยการเติมเต็มความปรารถนาในใจให้กับผู้คน แต่ทว่า Captain Marvel ได้สร้างแนวคิดว่าแม้แต่เด็กก็สามารถเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ นั่นทำให้ Captain Marvel ประสบความสำเร็จในทันที โดย Whiz Comics เล่ม 2 ขายได้มากกว่า 500,000 เล่ม
ช่วงยุคทองของคอมิกส์ในเวลานี้ Captain Marvel ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสื่อ การ์ตูนของเขามียอดขายแซงหน้าคนอื่นทั้งหมด แซงแม้กระทั่ง Superman ที่เป็นต้นแบบให้กับเขา ซึ่ง Captain Marvel ขายได้ 14 ล้านเล่มใน 4 ปี นับเป็นตัวเลขที่มีมูลค่าสูงมาก
องค์ประกอบของแรงบันดาลใจในการสร้าง Captain Marvel ค่อนข้างมาจากหลายแหล่งผสมกัน รูปลักษณ์ภายนอกของเขา มีต้นแบบมาจากเฟร็ด แม็คเมอร์เรย์ (Fred MacMurray) นักแสดงชาวอเมริกันที่โด่งดังในยุคนั้น และผู้ก่อตั้ง Fawcett Publications ยังมีชื่อเล่นว่า ‘กัปตันบิลลี่’ อันเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอกชื่อ บิลลี่ แบทสัน นอกจากนั้น Fawcett ยังนำองค์ประกอบหลายอย่างของ Superman มาใช้ อาทิ พละกำลังความแข็งแกร่ง เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ต้องปลอมแปลงตัวตนเวลาเป็นคนธรรมดา รวมทั้งการเป็นนักข่าวก็เช่นกัน
ถึงเวลา DC ฟ้องกลับ
Fawcett ก๊อป เอ้ย! ได้แรงบันดาลใจขนาดนี้ แถมยังทำรายได้แซง Superman มีเหรอที่เจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง DC จะยอม นั่นทำให้ในที่สุด DC Comics ก็ได้ยื่นฟ้องลิขสิทธิ์ต่อ Fawcett โดยอ้างว่า Captain Marvel นั้นจงใจลอกเลียนแบบ Superman ให้มีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป
การอ้างว่า Captain Marvel ลอกเลียนแบบ Superman ทำให้ DC Comics ตัดสินใจฟ้อง Fawcett ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อปี 1941ทว่าในระหว่างนั้นก็ดันเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซะก่อน นั่นทำให้คดีความยืดเยื้อไปถึง 12 ปี ในขณะเดียวกัน แม้จะโดนทั้งฟ้อง ทั้งสงครามประเคนเข้ามา แต่หนังสือชุด Captain Marvel Adventures ก็ยังเป็นซีรีส์คอมิกส์ที่ขายดีที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ดี ที่สุดแล้วหลังจากปี 1945 ยอดขายของคอมิกส์ Captain Marvel ก็ลดลงเรื่อย ๆ ทุกปี จน 4 ปีให้หลังคอมิกส์ก็มียอดขายเพียงครึ่งเดียว นับเป็นยอดขายที่ตกเป็นประวัติการณ์
ในตอนนั้น สำนักพิมพ์ไม่แน่ใจว่าสงครามจะมีผลกระทบขนาดไหน ยอดขายคอมิกส์ก็ลดน้อยลง แถมยังมาโดนฟ้อง ผนวกกับความนิยมของซูเปอร์ฮีโร่ก็เริ่มถดถอย นั่นทำให้ Fawcett รู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าที่พวกเขาจะต่อสู้อีกต่อไป ในที่สุด Fawcett จึงได้ตัดสินใจยุติการตีพิมพ์คอมิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ Captain Marvel และปิดแผนกคอมิกส์ลงอย่างถาวร ในวันที่ 14 สิงหาคม ปี 1953
แม้ในช่วงปี 1960 วงการคอมิกส์จะได้เข้าสู่ยุคเงิน (Silver Age) ซึ่งทำให้คอมิกส์ซูเปอร์ฮีโร่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แต่ Fawcett ก็ไม่สามารถชุบชีวิต Captain Marvel ขึ้นมาได้ นั่นทำให้พวกเขาจำใจต้องวางมือ โดยตกลงที่จะไม่เผยแพร่ตัวละครนี้อีกตลอดกาล
ชื่อที่ถูกช่วงชิง
ในระหว่างนี้ ลิขสิทธิ์ชื่อของ Captain Marvel จึงกลายเป็นสาธารณสมบัติไป โดยในช่วงนั้นก็ได้มีคอมิกส์ที่ชื่อว่า Captain Marvel ออกมามากมาย อาทิ Captain Marvel ของ M. F. Enterprises ในปี 1966 ซึ่งเป็นคอมิกส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีโทนเบาสมอง โดย Captain Marvel ของ M. F. Enterprises เป็นหุ่นยนต์ชุดแดงที่มีความสามารถแยกส่วนร่างกายและติดกลับเข้าไปใหม่ได้
การที่ชื่อ Captain Marvel ต้องตกไปเป็นของคนอื่นอาจทำให้สำนักพิมพ์ Marvel Comics (ที่เพิ่งสร้างแบรนด์ตัวเองเมื่อปี 1961) รู้สึกลำบากใจ นั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะทำ Captain Marvel ของตนเองขึ้นมา
Captain Marvel ของ Marvel Comics
Captain Marvel ของ Marvel Comics นั้นแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นฮีโร่จากต่างดาวที่ลงมายังโลก ซึ่งหลังจาก Marvel Comics ตีพิมพ์ Captain Marvel ออกมาในเวลานั้น พวกเขาก็ชิงจดลิขสิทธิ์ไปด้วยเลย เพื่อไม่ให้ใครใช้ชื่อ Captain Marvel ได้อีก และพวกเขาก็ยึดชื่อ Captain Marvel มาใช้แต่เพียงเจ้าเดียว
ใต้ชายคาบ้าน DC
จนกระทั่งปี 1972 นั้น Marvel ก็กลายเป็นคู่แข่งที่กำลังตีตื้น DC ขึ้นมา ในเวลานั้น DC Comics จึงต้องมองหาหนังสือหัวใหม่ที่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปอยู่ในเครือ และแจ็ค เคอร์บี้ (Jack Kirby) อดีตบรรณาธิการของ Marvel ก็ได้แนะนำทาง DC ว่าพวกเขาควรเอา Captain Marvel กลับมา
นั่นทำให้ DC จึงได้ทำข้อตกลงกับ Fawcett ใหม่ เพื่อขออนุญาตในการใช้ตัวละคร Captain Marvel อย่างถูกต้อง และ นำ Marvel Family มาอยู่ใต้ชายคาของบ้าน DC Comics อย่างเป็นทางการ
แต่แม้ DC Comics จะได้ Captain Marvel มาไว้ในครอบครองอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ทว่า DC ก็ไม่สามารถตีพิมพ์คอมิกส์ในหัวเรื่องนี้ได้ นั่นเพราะ Marvel Comics ชิงจดทะเบียนไปก่อนนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้ DC จึงต้องตีพิมพ์คอมิกส์ของพวกเขาภายใต้ชื่อ Shazam! : The Original Captain Marvel แต่ทว่า Marvel เหรอจะยอม พวกเขาได้ส่งจดหมายให้ DC เอาชื่อ The Original Captain Marvel ออกจากคำบรรยาย ในที่สุด Captain Marvel จึงต้องใช้ชื่อใหม่ว่า Shazam! จวบจนทุกวันนี้
ที่มา: digitalspy, irishtimes, Captain Marvel
The post ย้อนรอยเบื้องหลังการกำเนิด Shazam! ซูเปอร์ฮีโร่ชุดแดงที่เกิดขึ้นเพราะพลังแรงบันดาลใจ appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/