
ในปีนี้ Samsung Galaxy S23 Series ก็ได้เปิดตัวมาให้เราทุกคนได้มาลองสัมผัสถึงความเป็น ‘เรือธงแห่งปี’ 2023 จากค่ายนี้ในไทยแล้ว ทางแบไต๋ได้รับโอกาสให้ได้ลองสัมผัสตัวเครื่อง Samsung Galaxy S23 Series ก่อนใครในประเทศไทย และในบทความนี้ เราในฐานะผู้ใช้ Samsung Galaxy S22 Ultra อยู่ จะมาเทียบข้ามรุ่นให้ได้อ่านกัน !
The post จับแล้วมาเล่า ! สัมผัสแรก Samsung Galaxy S23 Series ก่อนใครในไทย ! appeared first on #beartai.
‘Samsung Galaxy S Series’ แค่ได้ยินชื่อนี้ หลาย ๆ คนก็คงมีภาพความทรงจำมากมายเกี่ยวกับสมาร์ตโฟนเรือธงประจำปีจากแดนกิมจิเจ้านี้แน่นอน และในปีนี้ Samsung Galaxy S23 Series ก็ได้เปิดตัวมาให้เราทุกคนได้มาลองสัมผัสถึงความเป็น ‘เรือธงแห่งปี’ 2023 จากค่ายนี้ในไทยแล้ว ทางแบไต๋ได้รับโอกาสให้ได้ลองสัมผัสตัวเครื่อง Samsung Galaxy S23 Series ก่อนใครในประเทศไทย และในบทความนี้ เราในฐานะผู้ใช้ Samsung Galaxy S22 Ultra อยู่ จะมาเทียบข้ามรุ่นให้ได้อ่านกัน !
วัสดุและการจับถือ
ก่อนที่เราจะไปดูส่วนอื่น ๆ ทั้งหมด นอกเหนือจากเรื่องของสเปกข้างใน เราต้องดูส่วนที่เป็น ‘สัมผัสแรก’ จริง ๆ อย่างตัวเครื่องกันก่อน ด้วยวัสดุรอบตัวเครื่องของทั้ง 3 รุ่น ที่ใช้ Aluminium Armor ที่เราได้สอบถามทางไทยซัมซุงฯมา เขาบอกว่าใช้วัสดุรอบตัวเครื่องแบบเดียวกับบน Samsung Galaxy Z Flip 4 และ Z Fold 4 เลย ! ในขณะที่ฝาหลังของตัวเครื่องก็ใช้ Gorilla Glass Victus 2 ที่มีความทนทานค่อนข้างมากด้วย จากการได้ลองถือตัวเครื่องมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สมเป็นเรือธงของปีจริง ๆ อย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปแน่ ๆ คือด้านข้างตัวเครื่องที่เลิกทำขอบโค้งมนแล้ว ไปเพิ่มความขอบตัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนที่ดี เพราะถ้าเราถือใช้รุ่นเดิมที่เป็นขอบโค้ง ตัวเครื่องก็แอบหลุดมือง่ายอยู่เช่นกัน
นอกจากนั้นยังมีสีที่แตกต่างจากเดิม เป็นสีเขียวเข้ม (Green), สีดำ (Phantom Black), สีครีมขาว (Cream) และสีลาเวนเดอร์ (Lavender) ซึ่งถ้าให้ถามความรู้สึกของสีเหล่านี้ก็อยากจะใช้คำว่า ‘เป็นผู้ใหญ่’ มากขึ้นจากในรุ่นที่ผ่าน ๆ มา โดยเฉพาะสีเขียวเข้มที่นอกจากจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว ยังสื่อถึงความรักโลก และความยั่งยืน ที่ Samsung เริ่มผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้มากขึ้น และเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวเราก็ใช้ Samsung Galaxy S22 Ultra สีเขียวอยู่ ทำให้เราเองก็แอบสนใจสีเขียวเข้ม และสีดำของเขามากเช่นกัน
ฝาหลังของทั้ง 3 รุ่น (สี Phantom Black, Green และ Cream)
หน้าจอ
ที่นี้เราลองเปิดหน้าจอมาดูข้างในกันบ้าง หน้าจอ โดยเฉพาะหน้าจอ OLED ของ Samsung ถือว่าทำมาได้ดีอยู่ตลอด ในรุ่นนี้เองก็เช่นเดียวกัน เพราะซัมซุงยังคงใช้หน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X ความสว่างสูงสุด 1,750 Nits กับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ทั้ง 3 รุ่น ทำให้ได้ภาพที่ทั้งลื่นไหล และสีสันสวยงามตามท้องเรื่องเลย โดยในรุ่น S23 และ S23+ ที่เป็นหน้าจอแบบราบเรียบ แม้จะไม่ได้มีความแตกต่างกับบน S22 Series มากนัก แต่ขอบของหน้าจอก็ไม่ได้รู้สึกว่ากินพื้นที่มากเกินไป
ในขณะที่ในรุ่น S23 Ultra ที่หน้าจอเป็นแบบโค้งเข้าด้านข้าง และเปลี่ยนทรงขอบด้านข้าง แต่ถ้าเรามองจากด้านหน้า หน้าจอของ S23 Ultra ก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างจาก S22 Ultra มากนัก ด้วยการโค้งที่ไม่ได้มากขึ้น หรือน้อยลง
เรื่องของแบตเตอรี่ น่าเสียดายที่เราไม่ได้มีเวลาในการทดสอบมากนัก จึงไม่สามารถทดสอบอะไรใด ๆ ได้ แต่จากข้อมูลที่ได้มาจากงานเปิดตัว แบตเตอรี่ของ S23 และ S23+ นั้นให้เพิ่มมาอีก 200 มิลลิแอมป์ เป็น 3,900 มิลลิแอมป์ใน S23 และ 4,700 มิลลิแอมป์ใน S23+ ส่วนใน S23 Ultra ก็ได้ให้แบตเตอรี่มา 5,000 มิลลิแอมป์เท่าเดิม ต้องรอดูกันอีกครั้งว่าในรุ่นใหม่นี้ แบตเตอรี่จะทนขึ้นหรือไม่
กล้องถ่ายภาพ
ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธง สิ่งที่คนสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องกล้องถ่ายรูปแน่ ๆ กล้องถ่ายภาพของทั้ง S23 และ S23 + ให้กล้องหลังมา 3 เลนส์ด้วยกัน เป็นกล้องหลักขนาด 50 ล้านพิกเซล เลนส์กล้องมุมกว้างมาก 12 ล้านพิกเซล และกล้องเทเลโฟโต้ขนาด 10 ล้านพิกเซล แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่ได้เน้นด้านการซูมมากเท่า S23 Ultra แต่คู่นี้ก็ถือว่าถ่ายภาพได้ดีเลยทีเดียว แถมยังซูมได้ตั้ง 30 เท่าแหน่ะ
ระหว่างที่เราทดสอบ สิ่งที่เราได้ลองเล่นมากที่สุดคือการถ่ายภาพนี่แหละ ดังนั้นเราขอนำตัวอย่างภาพมาวิเคราะห์ให้ได้ดูกัน !
แจ้งให้ทราบ : ตัวอย่างภาพถ่ายที่ได้นำมาให้ได้ชมกัน เป็นภาพถ่ายจากเครื่อง Pre-Production ซึ่งอาจจะมีซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้เหมือนกับเวอร์ชันขายจริง และด้วยข้อจำกัดของงานทำให้เราไม่สามารถนำไฟล์ภาพแบบเต็ม ๆ ให้ชมกันได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และ ภาพจาก S23 และ S23+ คาดว่าจะมีความเหมือนกันอยู่ ด้วยเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพที่เป็นรุ่นเดียวกัน
ภาพถ่ายที่ถ่ายได้ถือว่าทำได้ดีงามเลยครับ แม้จะเป็นรุ่นน้องสุดของซีรีส์นี้ แต่ก็สามารถถ่ายมาใช้งานได้อย่างดีเลย รวมถึงการซูมที่สามารถหวังผลได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเลยในระยะ 3 เท่าและ 10 เท่า ลองดูตัวอย่างภาพที่ได้นำมาให้ทุกคนได้ชมกันแล้ว ลองตัดสินใจดูว่าภาพถ่ายนี้ดีหรือไม่ อย่างไร (ทุกภาพที่ลงไว้ สามารถกดที่ภาพเพื่อดูภาพเต็มได้)
Samsung Galaxy S23+ – 1xSamsung Galaxy S23+ – 3xSamsung Galaxy S23+ – 10x
ทีนี้ เราก็ได้มีโอกาสในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วยเหมือนกัน โดยในรุ่นเล็กแบบ S23 และ S23+ ก็สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้มีรายละเอียดที่ดีได้ รวมถึงมีวิธีในการเก็บสภาพแสงที่มากได้ด้วย
Samsung Galaxy S23+ Low Light 1xSamsung Galaxy S23+ Low Light 3x
แล้ว Samsung Galaxy S23 Ultra ล่ะ ?
ส่วนบน Samsung Galaxy S23 Ultra นั้น ได้มีปารปรับเซนเซอร์กล้องอยู่ โดยกล้องถ่ายภาพเลนส์หลักได้ให้ความละเอียดมาถึง 200 ล้านพิกเซล ที่ใช้การรวมพิกเซลแบบ Tetra Binning ใช้ 16 (4×4) เป็น 1 ทำให้ความละเอียดเหลือประมาณ 12 ล้านพิกเซล, กล้องมุมกว้างมากขนาด 12 ล้านพิกเซล , กล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ที่ให้มาถึง 2 เลนส์ เลนส์หนึ่งซูมได้ 3 เท่า และมีเลนส์เรือดำน้ำ Periscope อีกเลนส์หนึ่งที่ซูมได้ 10 เท่า รวมกันทำให้ซูมได้สูงสุด 100 เท่าเหมือนเดิม โดยเราก็ได้ทดสอบในเรื่องเดียวกัน ทั้งในเรื่องการถ่ายภาพในสภาพแสงมาก แสงน้อย และในที่มืด รวมไปถึงเราได้ทดสอบการถ่ายภาพบุคคล และการถ่ายภาพกล้องหน้าด้วย ขอไล่กันทีละโหมดกันไปเลยดีกว่า !
ในสภาพแสงปกติ การถ่ายภาพแบบทั่วไป คือสามารถใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องแต่งเพิ่ม ด้วยสีของภาพในแบบของ Samsung ซึ่งสามารถหวังผลได้ดีมาก ๆ ทั้งในโหมด 1 เท่า, 3 เท่า และ 10 เท่าเลย ทั้ง 3 ภาพ เวลาถ่ายภาพมาแล้วจะเห็นได้ว่าภาพไม่ว่าจะซูมระดับใด ก็สามารถหวังผลที่ดีได้เลย
Samsung Galaxy S23 Ultra – 1xSamsung Galaxy S23 Ultra – 3xSamsung Galaxy S23 Ultra – 10x
สำหรับการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ในสภาพแสงปกติ ถือว่าทำได้ดีสมความเป็นซัมซุง แต่จากที่เราไปทดสอบมา เมื่อต้องมีการตัดเส้นผมที่อยู่เป็นทรงเล็กน้อย จะยังไม่ได้มีการตัดเส้นผมที่เนียนมากนัก แต่ด้วยซอฟต์แวร์ที่ยังไม่สมบูรณ์ ในซอฟต์แวร์เวอร์ชันขายจริงอาจจะได้ภาพที่ดีกว่านี้ก็ได้
Samsung Galaxy S23 Ultra – Portrait – 1xSamsung Galaxy S23 Ultra – Portrait – 3x
ถ้าเกิดว่าอยู่ในสภาพแสงที่น้อยลง จนถึงน้อยมาก ภาพถ่ายที่ได้มา ก็ยังทำได้ดีอยู่เช่นกัน โดยสามารถถ่ายแบบหวังผลได้ทั้งแบบ 1 เท่า และ 3 เท่าเลย แต่ถ้าขยับไปถึง 10 เท่า ภาพที่ได้จะเริ่มมีสิ่งรบกวน (Noise) ในภาพมากยิ่งขึ้น แต่ยังสามารถใช้งานภาพได้แน่นอน แต่ต้องใช้เวลาในการถ่ายที่นานขึ้น เพื่อให้ภาพออกมาชัดขึ้นได้
Samsung Galaxy S23 Ultra – Low Light – 1xSamsung Galaxy S23 Ultra – Low Light – 3xSamsung Galaxy S23 Ultra – Low Light – 10x
สำหรับภาพในสภาพแสงกลางคืนจริง ก็สามารถถ่ายภาพให้สว่าง แต่ไม่ได้สว่างมากจนเกินความเป็นจริง ในขณะเดียวกันก็สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้จริงอีกด้วย
ถ้าเรามาถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืน ภาพตัวอย่างจากเครื่องของคุณหนุ่ย – พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ สดจากซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอเนีย ได้ลองถ่ายภาพบุคคลเวลากลางคืนด้วย Samsung Galaxy S23 Ultra กลับมาฝากทุกคนกันด้วย โดยจากภาพจะเห็นได้ว่า ภาพมีการเก็บเรื่องของสีที่ดีขึ้น สกินโทนทำได้ดีกว่าเดิมด้วย
Samsung Galaxy S23 Ultra – Low Light Portrait – 1xSamsung Galaxy S23 Ultra – Low Light Portrait – 3xSamsung Galaxy S23 Ultra – Low Light Portrait – 10x
จากนั้นเราได้ลองถ่ายภาพในที่มืดสนิท มีแสงส่องมาเล็กน้อยเท่านั้น เราก็พบว่า ในรุ่น S23 Ultra การถ่ายภาพในที่มืดสนิทสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี รวมถึงจับโฟกัสได้ดีกว่าในรุ่นที่แล้ว วัตถุที่อยู่ด้านหน้าไม่หลุดโฟกัสได้ง่าย ส่วนเรื่องสี ในบางจังหวะก็ให้สีที่ดี แต่ในบางจังหวะก็อาจจะมีต่างจากต้นฉบับอยู่เล็กน้อย
สุดท้ายคือเรื่องของภาพถ่ายกล้องหน้า ที่เปลี่ยนเซนเซอร์ไปใช้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล จากเดิมที่เป็น 40 ล้านพิกเซล หลาย ๆ คนก็น่าจะเกิดคำถามว่าการลดความละเอียดของกล้องหน้าแล้วภาพจะยังดีอยู่หรอ ? เราได้ถามทางซัมซุงมาแล้ว เขาบอกว่า แม้จะใช้เซนเซอร์ 40 ล้านพิกเซล ไฟล์ภาพก็ยังลดขนาดหลังถ่ายเหลือ 12 ล้านอยู่ดีนะ ส่วนในเซนเซอร์ขนาด 12 ล้านพิกเซลใหม่นี้จะมีฟีเจอร์การจับโฟกัสที่ดีขึ้นด้วย Dual-Pixel ปรับแต่งภาพให้ดีขึ้น และมีโหมดโปรที่กล้องหน้าแล้วด้วย ตัวอย่างภาพก็ตามที่เห็นเลย !
บทส่งท้าย
ทั้งหมดนี้ถือเป็น ‘แรกสัมผัส’ ของสมาร์ตโฟนเรือธงมาใหม่จากค่ายซัมซุงที่เราได้นำมาฝากชาวแบไต๋กัน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนที่กำลังสนใจในสมาร์ตโฟนเรือธงเบอร์ต้นของฝั่ง Android เครื่องนี้กัน ! ก่อนจะจบบทความนี้ เราขอฝากราคาของ Samsung Galaxy S23 Series ไว้ดังนี้เลย !
Samsung Galaxy S23 8/128 GB – 30,900 บาท
Samsung Galaxy S23 8/256 GB – 33,900 บาท
Samsung Galaxy S23+ 8/256 GB – 37,900 บาท
Samsung Galaxy S23+ 8/512 GB – 42,900 บาท
Samsung Galaxy S23 Ultra 8/256 GB – 43,900 บาท
Samsung Galaxy S23 Ultra 12/512 GB – 49,900 บาท
Samsung Galaxy S23 Ultra 12/1TB GB – 59,900 บาท
The post จับแล้วมาเล่า ! สัมผัสแรก Samsung Galaxy S23 Series ก่อนใครในไทย ! appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/