“กรุณาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขณะเครื่องบินขึ้นและลงจอด” คงเป็นประโยคที่คุ้นเคยกันดีสำหรับผู้ที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่เคยสงสัยกันหรือไม่
The post สัญญาณมือถือทำให้เครื่องบินตกจริงหรือ appeared first on #beartai.
“กรุณาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขณะเครื่องบินขึ้นและลงจอด”
คงเป็นประโยคที่คุ้นเคยกันดีสำหรับผู้ที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมเราถึงต้องปิดมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดขณะที่เครื่องบินอยู่บนรันเวย์ ขึ้นบิน และลงจอด หรือว่าทำไมต้องเปิดใช้โหมดเครื่องบินเวลาที่เครื่องบินอยู่ในอากาศ
หนึ่งในคำอธิบายของก็คือสัญญาณของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะไปรบกวนระบบสื่อสาร ระบบนำทาง และระบบอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของเครื่องบิน แต่นอกจากคำอธิบายของพนักงานต้อนรับที่ต้องคอยบอกให้คุณปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
มือถืออาจไปรบกวนระบบของเครื่องบิน
แอนกัส คิดแมน (Angus Kidman) ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวจาก Finder ชี้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดอยู่จะส่งคลื่นวิทยุความถี่ต่ำที่ไปรบกวนการทำงานของระบบสื่อสารและระบบนำทางของเครื่องบิน รวมถึงเสาสัญญาณที่อยู่บนภาคพื้นดินด้วย แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ป้องกันปัญหานี้ แต่ปัญหาการรบกวนสัญญาณก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
เช่นเดียวกับ ดั๊ก ดรูรี (Doug Drury) หัวหน้าภาควิชาการบิน แห่งมหาวิทยาลัยเซนทรัลควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย ที่ยืนยันว่าการที่ผู้โดยสารเครื่องบินจำนวนมากใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พร้อม ๆ กันจะทำให้เครือข่ายมือถือที่เชื่อมต่อกันด้วยเสาสัญญาณบนพื้นดินรับภาระมากเกินไป
ยิ่งมือถือต้องเชื่อมต่อไปยังเสาสัญญาณบนพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องส่งสัญญาณที่มีความแรงมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นที่เชื่อกันว่าคลื่นความถี่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในสาเหตุของการตกของเครื่องบินสายการบินครอสแอร์เที่ยวบินที่ 498 ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 2000 และสายการบินนิวซีแลนด์ที่ตกในเขตเมืองไครสต์เชิร์ช เมื่อปี 2003
สำหรับในกรณีหลัง ทางคณะกรรมการสืบสวนอุบัติเหตุในการคมนาคมของนิวซีแลนด์พบว่ามือถือของนักบินอาจทำให้ระบบนำทางของเครื่องบินทำงานผิดพลาด และในการสืบสวนก็พบว่านักบินใช้มือถือติดต่อกับที่บ้านจนถึงขณะเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 กรณียังถือว่าเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวจะทำให้เครื่องบินตกจริง ๆ
ความสำคัญของ ‘โหมดเครื่องบิน’
โหมดเครื่องบินของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จึงถือกำหนดขึ้น โดยถูกออกแบบมาเพื่อปิดการส่งสัญญาณวิทยุออกไปเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ
ด้าน ได วิตทิงแฮม (Dai Whittingham) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการบินของสหราชอาณาจักร ระบุว่าเราไม่รู้ว่าจริง ๆ ถึงผลกระทบที่แท้จริงของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีต่อเครื่องบิน และชี้ว่าที่ผ่านมาความเสี่ยงจากกรณีเหล่านี้มีน้อยมาก แต่การใช้โหมดเครื่องบินก็ปลอดภัยกว่า
เทคโนโลยีพัฒนามาไกลแล้วจากอดีต
ในทางตรงกันข้าม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่าในปัจจุบันระบบต่าง ๆ ในเครื่องบินได้รับการพัฒนามาไกลมากแล้ว เพื่อป้องกันการรบกวนสัญญาณจากอุปกรณ์อื่น ๆ
ผลการศึกษาที่จัดทำโดยสำนักงานการบินกลางของสหรัฐอเมริกา (FAA) และ Boeing หนึ่งในบริษัทการบินใหญ่ที่สุดของโลก พบว่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคลไม่ได้ก่อปัญหาใด ๆ ต่อการบิน ยกเว้นในขั้นตอนสำคัญ (นำเครื่องขึ้นและลงจอด)
คณะกรรมการการสื่อสารกลางของสหรัฐฯ (FCC) ยังได้เริ่มพัฒนาเครื่องความถี่ที่แยกสัญญาณระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการบินและอุปกรณ์ส่วนบุคคลออกจากกัน ขณะที่ สหภาพยุโรปอนุญาตการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตบางประเทศบนเครื่องบินมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว
ออสเตรเลียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เคยออกมายืนยันในเรื่องนี้ โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2010 สำนักงานการสื่อสารและสื่อสารมวลชนออสเตรเลีย (ACMA) มีมติว่าสัญญาณมือถือไม่รบกวนอุปกรณ์นำทางของเครื่องบิน แต่เฉพาะในกรณีที่สายการบินติดตั้งเทคโนโลยีชนิดพิเศษบนเครื่องบินเท่านั้น ถือเป็นการกรุยทางไปสู่การใช้มือถือขณะบินได้
ความเสี่ยงของ 5G
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสัญญาณ 5G ที่ใช้ในปัจจุบันมีความใกล้เคียงกับคลื่นความถี่ที่ใช้ในระบบต่าง ๆ ของเครื่องบินมาก นำมาซึ่งความกังวลว่าสัญญาณจะก่อกวนกันอีก ทำให้ทั่วโลกก็หาวิธีการเพื่อรับมือกับเรื่องนี้
เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เพิ่งจะมีมติให้ประเทศสมาชิกต้องติดตั้งตัวรับส่งสัญญาณความถี่แบบ 5G บนเครื่องบิน ภายใน 30 มิถุนายน 2023 เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเปิดใช้งานสัญญาณ 5G และสัญญาณมือถือทั่วไปขณะอยู่บนเครื่องได้
ซึ่งแม้ในหลายสายการบินจะมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้ใช้มานานแล้ว แต่ก็ช้ามากและไม่เสถียร
ไม่ปิดมือถือบนเครื่องบินอาจมีโทษถึงจำคุก
ในหลายประเทศมีข้อบังคับด้านการบินในกรณีนี้แตกต่างกันออกไป อย่างของสหรัฐฯ มีการกำหนดข้อจำกัดของการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่จีนมีการกำหนดโทษปรับและจำคุกสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนเอาไว้ด้วย
สำหรับในไทยมีการกำหนดเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน โดยใน มาตรา 8 (2) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 กำหนดโทษของผู้ที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเวลาที่ห้ามใช้ว่ามีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และหากเป็นการกระทำที่กระทบต่ออุปกรณ์ด้านความปลอดภัยของเครื่องบิน ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เทคโนโลยีช่วยร่นเวลาบิน
จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีการบินก้าวหน้ามาไกลมากแล้วจนไขข้อข้องใจว่าแท้จริงแล้วมือถือที่อยู่ในมือเราจริง ๆ ก็อาจไม่ได้มีผลกับอุปกรณ์การบินเท่าไหร่นัก
ในอนาคตอันใกล้ เราอาจสามารถไถ Twitter หรือแชตกับเพื่อนบนเครื่องบินได้อย่างสบายใจ ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาบินอันแสนยาวนานรู้สึกสั้นลง
อย่างไรก็ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจากนี้ไปควรจะเปิดมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จนไม่สนใจคำเตือนของพนักงานต้อนรับ เพราะจนกว่าจะมีการแก้กฎหมายหรือข้อบังคับด้านการบินใหม่ รวมถึงมีความชัดเจนกว่านี้ในเรื่องเทคโนโลยี ก็ควรทำตามกฎของสายการบินไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
ล่าสุดผู้เขียนบินไปยุโรป ก็ไม่มีการประกาศให้ปิดมือถือ หรือเปิด Airplane Mode แล้ว ให้ใช้ได้เต็มที่จนสัญญาณจากภาคพื้นหายไปเลยทีเดียว แต่ระหว่างบินผู้เขียนก็ยังเปิด Airplane Mode อยู่ดี เพื่อประหยัดแบตเตอร์รี่ระหว่างบิน เพราะมือถือจะได้ไม่ต้องพยายามหาสัญญาณ Cellular บนเครื่องบินครับ
ที่มา news.com.au, Britannica, NZ Herald, BBC News
The post สัญญาณมือถือทำให้เครื่องบินตกจริงหรือ appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/