“เทคโนโลยี” ถือเป็นคำที่นักลงทุนหลายคนให้ตื่นเต้นและให้ความสนใจ เพราะธุรกิจนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ทั้งความต้องการใช้งานปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์อัตโนมัติ จากการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุที่ทำให้วัยทำงานมีจำนวนน้อยลง ค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ หรือแม้แต่บทเรียนครั้งใหญ่ของภาคการผลิตโลกที่ “โควิด-19” มาเคาะประตูบอกว่า โรงงานก็มีวันปิดได้
The post ลงทุนธุรกิจในทศวรรษ 2030 ผ่าน ‘UBOT’ Thematic ETF จาก UOBAM appeared first on #beartai.
“เทคโนโลยี” ถือเป็นคำที่นักลงทุนหลายคนให้ตื่นเต้นและให้ความสนใจ เพราะธุรกิจนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ทั้งความต้องการใช้งานปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์อัตโนมัติ จากการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุที่ทำให้วัยทำงานมีจำนวนน้อยลง ค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ หรือแม้แต่บทเรียนครั้งใหญ่ของภาคการผลิตโลกที่ “โควิด-19” มาเคาะประตูบอกว่า โรงงานก็มีวันปิดได้
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งเสริมให้ “เทคโนโลยี” เป็นธุรกิจในทศวรรษ 2030 ที่ใคร ๆ ก็เร่งเดินตาม เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์การลงทุนมากมาย โดยเฉพาะ “กองทุนรวม” ที่ประกาศว่าลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี ยิ่งมีชื่อของ 4 บริษัท BIG TECH ประกอบด้วยแล้ว ความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก จนอาจทำให้เราหลงลืม “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนรวมนั้น ๆ ว่าเขาตั้งใจจะลงทุนในอะไรกันแน่ ? และเราเคยถามตัวเองไหมว่าเป้าหมายการลงทุนของเรานั้น ต้องการที่จะเป็น “เจ้าของ” บริษัท BIG TECH หรือต้องการรับผลตอบแทนที่เติบโตไปกับธุรกิจอนาคตกันแน่ ?
วันนี้แบไต๋ชวนทุกคนทำความรู้จักกับ “กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ” หรือ “UBOT” Thematic ETF น้องใหม่จาก UOBAM ที่มีนโยบายการลงทุนเพื่อเติบโตไปกับธุรกิจธีม Robot และ AI ในทศวรรษ 2030 ครับ
ถือว่าเป็นกองทุนที่ สอง ของ Thematic ETF Series จากทาง UOBAM โดยกองแรกที่เปิดเสนอขายไปเมื่อต้นปี คือ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ฮีโร่ อีทีเอฟ หรือกองทุน “UHERO” ที่เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรม Esports ครับ
กองทุน UBOT?
ก่อนเราจะลงในรายละเอียดของกองทุน UBOT ผมขอสรุปสั้น ๆ ให้นักลงทุนมือใหม่ได้เข้าใจว่า ETF หรือ Exchange Traded Fund คือกองทุนชนิดหนึ่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้นนั่นเอง
อยากให้เกริ่นว่า โลกที่ใช้หุ่นยนต์มันเป็นเรื่องใกล้ตัว ยกตัวอย่างเช่น ในญี่ปุ่นมีการใช้หุ่นยนต์เป็น Hotel reception, การใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร
กองทุน UBOT มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนรวมต่างประเทศที่มีชื่อว่า Global X
Robotics & Artificial Intelligence ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา โดยมี Global X Management Company LLC เป็นผู้บริหารจัดการกองทุนหลักครับ
กองทุนหลักนี้ มีนโยบายการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนจากบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ขอจำแนกเป็น 4 กลุ่มย่อยด้วยกันคือ
กลุ่มที่ 1
Industrial Robots & Automation หรือหุ่นยนต์ในสายงานการผลิต กลุ่มนี้เราไม่ต้องพูดกันมาก หลายคนคุ้นเคยกันดีกับหุ่นยนต์หยิบจับชิ้นส่วนในสายงานการผลิต
ยกตัวอย่าง FANUC (ฟานัค) บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นผู้นำด้านการผลิตหุ่นยนต์อเนกประสงค์ระดับโลก แม้ชื่อจะไม่คุ้นหูเราสักเท่าไร แต่เขาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1955 หรือ 67 ปีที่แล้ว!
โดยรายได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ของ FANUC อยู่ที่ 188,800 ล้านเยน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปี 2020 และเมื่อพิจารณาสัดส่วนรายได้ตามรายผลิตภัณฑ์ พบว่ากลุ่ม Industrial Robots และ Factory Automation Product เป็น 2 กลุ่มที่สร้างรายได้ให้มากที่สุดรวมกันมากถึง 60-70%
และจากบทเรียนครั้งใหญ่ของภาคการผลิตโลกที่เราได้เห็นกันมาแล้วว่า โควิด-19 ส่งกระทบอย่างไรบ้าง การมีโรงงานที่ยังสามารถเดินหน้าต่อไป และมีพนักงาน “ที่ไม่ป่วย ไม่ต้องกักตัว” น่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ของภาคการผลิตโลกครับ
กลุ่มที่ 2
Non-Industrial Robots หรือหุ่นยนต์ที่อยู่นอกสายงานการผลิตครับ ยกตัวอย่าง หุ่นยนต์สำหรับการแพทย์เพื่อช่วยการผ่าตัด ซึ่งเรื่องนี้เคยเป็น Pain Point ของวงการมาก่อน เนื่องจากมีราคาสูง และเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่อง ทำให้หุ่นยนต์ล้าสมัยเร็ว
ยกตัวอย่าง Intuitive Surgical บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้พัฒนาและบุกเบิกการใช้นวัตกรรมเพื่อการผ่าตัดและรักษาเป็นเจ้าแรก ๆ ของโลก ได้เดินเกมในกลยุทธ์ใหม่นั่นก็คือ “การเช่า” แทนการขายขาดครับ
ในเมื่อเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่อง ทำให้หุ่นยนต์ล้าสมัยเร็ว การปล่อยเช่า ทำให้โรงพยาบาลสามารถอัปเกรดหุ่นยนต์รุ่นใหม่ได้เรื่อย ๆ และไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษา ทำให้หุ่นยนต์กลุ่มนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น
จนทำให้รายได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ของ Intuitive Surgical อยู่ 1,550 ล้านเหรียญ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปี 2020 ครับ
นอกจากนี้ หุ่นยนต์เพื่อกิจกรรมทางการเกษตรก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุที่ทำให้วัยแรงงานมีจำนวนลดลง สวนทางกับปริมาณความต้องการอาหารของโลกที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องครับ
กลุ่มที่ 3
Artificial Intelligence หรือกลุ่มธุรกิจผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ ที่ประยุกต์ใช้ AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล การคาดการณ์ และการทำระบบอัตโนมัติครับ
ยกตัวอย่าง C3.ai บริษัทที่พุ่งเป้าในการสร้าง Solution ให้กับผู้พัฒนา Application บน Cloud โดยมีความยืดหยุ่นสูง สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบ การจัดเก็บข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายอย่าง Microsoft Azure, Amazon Web Service และ Google Cloud เป็นต้น
ซึ่งความสามารถในการเชื่อมต่อและรองรับ Cloud ที่หลากหลายทำให้ C3.ai มีลูกค้าจำนวนมาก ทั้งภาครัฐและเอกชน จนทำให้รายได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 อยู่ที่ 69.8 ล้านเหรียญ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2020 โดยแบ่งเป็นรายได้จาก Subscription 82% และ Professional Service ที่ 18% ครับ
ทั้งนี้ จากเทรนด์ของ Metaverse ที่กำลังร้อนแรง ย่อมให้ทำธุรกิจ AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเติบโตไปด้วยครับ
กลุ่มที่ 4
Autonomous Vehicles & Drone หรือยานพาหนะไร้คนขับครับ ในช่วงเวลาที่หลายคนกำลังจดจ่อกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องบอกว่าอยู่ในภาคของครัวเรือนมากกว่าเมื่อมองในมุมของนักลงทุน แต่เมื่อเราถอยหลังไป 2 ก้าว และมองภาพที่ใหญ่ขึ้นจะเห็นว่า ยานพาหนะไร้คนขับนั้น คือเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกของอุตสาหกรรมและการขนส่งครับ
ยกตัวอย่าง TuSimple บริษัทรถบรรทุกไร้คนขับที่ปฏิวัติวงการขนส่งด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ขับรถบรรทุกขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ทั้งระบบจับภาพที่ไกลมากถึง 1 กิโลเมตร และไกลกว่าบริษัทอื่น ๆ ในตอนนี้ รวมถึงเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นความรู้แขนงใหม่มากที่ใช้สอนให้เครื่องจักรรู้จักวัตถุต่าง ๆ และคิดหาวิธีตอบสนองกับวัตถุเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ TuSimple ยังพัฒนาบริการแบบ Subscription เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุน รวมถึงบริการ Per Mile Delivery Rate ที่นำเสนอการขนส่งที่คิดตามระยะทางที่ขนส่งอีกด้วย
แม้ว่าบริษัทที่เรายกตัวอย่างมา อาจจะไม่คุ้นหูเลยสำหรับหลายคน แต่เมื่อพิจารณาจากธุรกิจที่เขาทำ นโยบายการลงทุนที่ต้องการเติบโตไปเมกะเทรนด์ของกลุ่มเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์อัตโนมัติ รวมถึงปัจจัยสำคัญอย่างสังคมผู้สูงอายุ ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความเสี่ยงอย่างโรคระบาด กองทุน UBOT ถือว่ามีสัดส่วนการลงทุนที่น่าสนใจมากและมีโอกาสเติบโตไปกับเมกะเทรนด์ของโลกครับ
สำหรับกองทุน UBOT ของ UOBAM นี้ เป็น Thematic ETF ที่มีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 ครับ นักลงทุนที่สนใจควรพิจารณาและประเมินความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง ก่อนตัดสินใจลงทุนครับ
ทั้งนี้ การลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี ถือเป็นการลงทุนในแง่ของการพัฒนาสินค้าและบริการ บางไตรมาสที่รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปตามที่เราหวัง ก็ขอว่าอย่าตกใจ เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้คือการลงทุนในระยะยาวครับ
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุน UBOT สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตัวแทนจำหน่ายหรือ บลจ.ยูโอบี โทร. 02 786 2222 หรือเว็บไซต์ www.uobam.co.th ครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนด ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนรวมมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Recreational Products, Internet Software/Services และ Packaged
The post ลงทุนธุรกิจในทศวรรษ 2030 ผ่าน ‘UBOT’ Thematic ETF จาก UOBAM appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/