เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าให้เราหาสิ่งที่รักให้เจอ ลงมือทำมัน และเราก็เหมือนไม่ต้องทำงานไปตลอดทั้งชีวิตไหมครับ? เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ฟังดูดีจนน่าเหลือเชื่อ และหลายคนก็คิดเช่นนั้น รวมถึง ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอคนปัจจุบันของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Apple ด้วย ในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยทูเลนในนิวออร์ลีนส์ เขาบอกว่า “มีคำกล่าวที่ว่าถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณรัก คุณจะไม่มีวันทำงานเลย” เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ที่ Apple ผมเรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี” จังหวะนี้ผู้ฟังคำกล่าวสุนทรพจน์เงียบกริบ ที่เขาพูดแบบนี้เพราะเขารู้ว่าถ้าคุณเจองานที่คุณหลงรักมัน คุณจะทำงานหนักขึ้น และจะไม่รู้สึกแย่ที่ทำงานหนัก ๆ เลยต่างหาก “คุณจะทำงานหนักมากกว่าที่คาดคิด แต่งานนั้นจะไม่รู้สึกหนักเลย” ก่อนที่คุกจะเข้ามาทำงานที่ Apple เขามีประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งสูง ๆ ที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ หลายแห่ง 12 ปีที่ IBM และตำแหน่งผู้บริการที่ Intelligent Electronics กับ Compaq ด้วย ตอนที่เขาอยู่ Compaq นั้นเองก็ถูกทาบทามโดย Apple หลายต่อหลายครั้ง (Compaq ตอนนั้นยังเป็นผู้จำหน่าย PC ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) แต่คุกก็บอกปฏิเสธไปเพราะยังรักในงานที่นั่นอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งที่คุกตัดสินใจว่าอย่างน้อย ๆ เขาควรเจอกับ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) สักครั้งหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งที่ Apple พยายามจะทำคืออะไร คุกเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ Charlie Rose ในปี 2014 ว่า “สตีฟเป็นคนสร้างทั้งอุตสาหกรรมที่ผมอยู่ในตอนนั้น” และบอกต่อว่า “เขากำลังทำอะไรที่แตกต่างมาก ๆ” เมื่อทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรก จอบส์ก็อธิบายให้คุกฟังถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของ Apple
The post Tim Cook บอกว่าคำกล่าว “ถ้ารักในสิ่งที่ทำ ก็จะไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต” เป็นเรื่อง ‘เหลวไหล’ appeared first on #beartai.
เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าให้เราหาสิ่งที่รักให้เจอ ลงมือทำมัน และเราก็เหมือนไม่ต้องทำงานไปตลอดทั้งชีวิตไหมครับ?
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ฟังดูดีจนน่าเหลือเชื่อ และหลายคนก็คิดเช่นนั้น รวมถึง ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอคนปัจจุบันของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Apple ด้วย ในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยทูเลนในนิวออร์ลีนส์ เขาบอกว่า “มีคำกล่าวที่ว่าถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณรัก คุณจะไม่มีวันทำงานเลย”
เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ที่ Apple ผมเรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี”
จังหวะนี้ผู้ฟังคำกล่าวสุนทรพจน์เงียบกริบ ที่เขาพูดแบบนี้เพราะเขารู้ว่าถ้าคุณเจองานที่คุณหลงรักมัน คุณจะทำงานหนักขึ้น และจะไม่รู้สึกแย่ที่ทำงานหนัก ๆ เลยต่างหาก
“คุณจะทำงานหนักมากกว่าที่คาดคิด แต่งานนั้นจะไม่รู้สึกหนักเลย”
ก่อนที่คุกจะเข้ามาทำงานที่ Apple เขามีประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งสูง ๆ ที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ หลายแห่ง 12 ปีที่ IBM และตำแหน่งผู้บริการที่ Intelligent Electronics กับ Compaq ด้วย ตอนที่เขาอยู่ Compaq นั้นเองก็ถูกทาบทามโดย Apple หลายต่อหลายครั้ง (Compaq ตอนนั้นยังเป็นผู้จำหน่าย PC ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) แต่คุกก็บอกปฏิเสธไปเพราะยังรักในงานที่นั่นอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งที่คุกตัดสินใจว่าอย่างน้อย ๆ เขาควรเจอกับ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) สักครั้งหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งที่ Apple พยายามจะทำคืออะไร คุกเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ Charlie Rose ในปี 2014 ว่า
“สตีฟเป็นคนสร้างทั้งอุตสาหกรรมที่ผมอยู่ในตอนนั้น” และบอกต่อว่า “เขากำลังทำอะไรที่แตกต่างมาก ๆ”
เมื่อทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรก จอบส์ก็อธิบายให้คุกฟังถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของ Apple ว่าจะไปทางไหนต่อ อธิบายถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของการประมวลผลต่าง ๆ ในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน (ซึ่งสินค้าที่จอบส์พูดถึงตอนนั้นคือ iMac G3 ที่มีสีสันสดใส รูปทรงกลม ที่เปิดตัวในปี 1998 ออกแบบโดย โจนี ไอฟ์ (Jony Ive))
คุกเริ่มสนใจเกี่ยวกับสินค้าและแนวทางของบริษัทที่จอบส์นำเสนอ ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีความสุขดีกับงานที่ Compaq การมาเจอกับจอบส์ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ “เขา [จอบส์] บอกผมเรื่องดีไซน์นิดหน่อย เพียงพอที่จะทำให้ผมเริ่มสนใจ” และหลังจากการเจอกันครั้งนั้นเขาก็เริ่มมั่นใจว่าการได้ทำงานกับบุคคลมากความสามารถเป็นหนึ่งในตำนานของซิลิคอนแวลลีย์คือ “โอกาสเดียวในชีวิต”
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย เขาทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ดีกับ Compaq และการย้ายงานไป Apple ในเวลานั้นก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย
“เมื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียโดยใช้เหตุผลมันเอียงไปทาง Compaq ทั้งหมด คนที่รู้จักเขาดีที่สุดตอนนั้นก็แนะนำว่าให้อยู่ที่ Compaq เถอะ” เขากล่าวในงานสุนทรพจน์รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยออเบิร์นในปี 2010 อธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนนั้น “ซีอีโอคนหนึ่งที่ผมไปปรึกษา เขารู้สึกเดือดมากกับประเด็นนี้ เขาบอกผมว่าผมโง่มากเลยนะถ้าลาออกจาก Compaq แล้วไปอยู่กับ Apple”
แต่คุกเองก็ทราบดีว่านี่อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่เขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอะไรบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจ เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ของ Apple ที่เชื่อเรื่องความแตกต่าง
“ผมคิดมาเสมอว่าการเดินตามคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องดี มันเป็นสิ่งที่แย่มากที่จะทำ แต่ผมดูสิ่งที่ Apple กำลังทำแล้วคิดว่า อืม ผมน่าจะทำงานตรงนี้ได้ ทันใดนั้นเองก็คิดว่า ทำเลยดีกว่า มันอาจจะไม่มีเหตุผลนะ แต่สัญชาติญาณก็บอกว่าทำเลย และผมก็เชื่อแบบนั้น”
เขาเริ่มทำงานให้ Apple ในเดือนมีนาคม 1998 ในวัย 37 ปีในตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการนานาชาติที่ค่าจ้างต่อปี 4 แสนเหรียญ และโบนัสในการเซ็นสัญญาอีก 5 แสนเหรียญ คุกทราบดีว่าตอนที่เขาเข้าไปนั้นมีงานที่ต้องทำเยอะมาก บริษัทมีความเสี่ยงที่จะล้มละลาย สภาพจิตใจของพนักงานก็ไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็สามารถเข้าไปช่วยแบ่งเบางานของจอบส์ได้เยอะมาก ส่วนใหญ่แล้วทั้งคู่จะวางแผนกันแล้วคุกก็จะจัดการได้เองเกือบทั้งหมดโดยที่จอบส์ไม่ต้องกังวลเลย ในหนังสือหนังสือชีวประวัติของเขาที่เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซกสัน (Walter Issacson) จอบส์เคยพูดเอาไว้ว่า “คุกมีวิสัยทัศน์ที่เหมือนกับผม เราจะคุยกันในเรื่องกลยุทธ์ต่าง ๆ และผมก็ไม่ต้องเป็นห่วงมันเลย จนกระทั่งเขากลับมาถามในภายหลัง”
จอบส์ได้ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคุกเพื่อที่จะให้เขาวิ่งตามเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าแค่การทำงานที่ Compaq
“[Apple] ทำคอมพิวเตอร์ แต่อย่างน้อย ๆ ตอนนั้นคนก็ไม่ได้สนใจที่จะซื้อมัน จอบส์มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงตรงส่วนนั้น และผมก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย”
“ไม่ได้เกี่ยวกับ iMac หรือ iPod หรืออะไรก็ตามที่ตามมาหลังจากนั้น แต่มันเกี่ยวกับคุณค่าที่ทำให้สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาได้สำเร็จ แนวความคิดที่ว่าการนำเครื่องมืออันทรงพลังมาไว้ในมือของผู้ใช้งานที่ใช้มันทุกวันจะช่วยปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และขับเคลื่อนมนุษยชาติให้ก้าวไปข้างหน้า”
คุกตื่นแต่เช้าตั้งแต่ตีสี่ทุกวันเพื่อมานั่งเคลียร์งาน อ่านคอมเมนต์ของลูกค้าเพื่อจะได้เห็นว่าตอนนี้เสียงตอบรับต่าง ๆ เป็นยังไงบ้าง ตอบอีเมล ก่อนจะไปออกกำลังกายและเตรียมตัวไปทำงานต่อที่ออฟฟิศอีกทั้งวัน และเชื่อว่างานบริหารบริษัทขนาด 3 ล้านล้านเหรียญคงเป็นงานที่หนักเอาการ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่เขารัก แต่มันก็ยังคือการทำงานอยู่ดี เพียงแต่ว่า
“คุณจะทำงานหนักมากกว่าที่คาดคิด แต่งานนั้นจะไม่รู้สึกหนักเลย”
ที่มา: Twitter YouTube CNBC 1 CNBC 2
The post Tim Cook บอกว่าคำกล่าว “ถ้ารักในสิ่งที่ทำ ก็จะไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต” เป็นเรื่อง ‘เหลวไหล’ appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/