แน่นอนเป็นประจำในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แบบนี้ที่ทีมงานแบไต๋ จะคัดเรื่องราวโดดเด่นในวงการไอที 10 เรื่องมาเล่าให้ฟังกัน แต่ข่าวในปีนี้เราจะเรียงลำดับตามเรื่องราวที่เกิดก่อนไล่ไปเรื่อย ๆ จากต้นปีถึงปลายปี 2021 นี้ มีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกัน
The post แบไต๋ 10+1 ข่าวไอทีและเทคโนโลยีแห่งปี 2021 appeared first on #beartai.
แน่นอนเป็นประจำในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แบบนี้ที่ทีมงานแบไต๋ จะคัดเรื่องราวโดดเด่นในวงการไอที 10 เรื่องมาเล่าให้ฟังกัน แต่ข่าวในปีนี้เราจะเรียงลำดับตามเรื่องราวที่เกิดก่อนไล่ไปเรื่อย ๆ จากต้นปีถึงปลายปี 2021 นี้ มีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกัน
เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ทำสินค้าราคาขึ้น
ต้องยอมรับว่า COVID-19 ส่งผลกระทบกับทุกวงการจริง ๆ ไม่เว้นแม้แต่วงการไอที โดยกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ คือ สายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ต้องปิดโรงงานไปหลายเดือนเพื่อลดการแพร่ระบาด พอโรงงานปิดแล้ว กว่าจะมาเปิดใหม่ก็หลายเดือน ทำให้ผลิตชิปได้ไม่ทันกับความต้องการของวงการไอทีที่มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ยังมีสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดการติดขัดทางการค้า จนผู้ผลิตจีนต้องกักตุนชิ้นส่วนไว้ให้ได้มากที่สุด ในโลกที่สงครามเศรษฐกิจไม่แน่นอน ผสมรวมกับเทรนด์ขุดเหมืองคริปโทและเทรนด์ซื้ออุปกรณ์ไอทีเข้าบ้าน เพราะไปทำงานออฟฟิศไม่ได้ และโรงงานผลิตชิปในญี่ปุ่นไฟไหม้จนผลิตไม่ได้ไปเป็นเดือน ก็ยิ่งซ้ำทำให้ชิปขาดตลาด
แน่นอนว่าพอมีความต้องการมากกว่าของที่มีในตลาด ราคาก็ปรับขึ้นไปตามกลไก ทำให้โรงงานที่เป็นกลางน้ำซื้อส่วนประกอบมาในราคาที่สูงกว่าปกติและมีจำนวนน้อย ทำให้ต้องปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นตามต้นทุน จนสุดท้ายผู้ซื้อที่อยู่ปลายน้ำอย่างเรา ๆ ก็ต้องจ่ายเงินสูงขึ้น ไปจนถึงหาซื้อไม่ได้ เช่น PlayStation 5 ที่มีเครื่องไม่เคยพอกับความต้องการ สมาร์ตโฟน-แท็บเล็ต-กล้องหลายรุ่น ที่ต้องรอของนาน ไปจนถึงวงการรถยนต์ที่ต้องลดการผลิต เพราะไม่มีชิปสมองกลไปใส่
สุดท้ายคำถามคือเหตุการณ์ชิปขาดแคลนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2020 ลากยาวมาถึงปี 2021 ทั้งปี จะมีไปถึงเมื่อไร จากข้อมูลที่ออมหามาจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ๆ ของโลกอย่าง Intel, TSMC และ Samsung ต่างประเมินสถานการณ์แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อย่างเร็วสุดจะดีขึ้นในช่วงปี 2023 เลยค่ะ เอาเป็นว่าในช่วงนี้ก็พยายามรักษาอุปกรณ์ไว้ให้ดีนะ ถ้าพังทีอาจจะหาอุปกรณ์ใหม่ในสเปกที่เราต้องการไม่ได้
ปีแห่งเหรียญดิจิทัลและ NFT
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2021 คือ ปีแห่งเหรียญดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “NFT” หรือ Non Fungible Tokens เหรียญดิจิทัลที่ใช้สำหรับแสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ไม่สามารถทดแทนได้ ความยอดนิยมนี้สามารถการันตีได้จากการเกิดใหม่ของเหรียญดิจิทัลจำนวนมาก และการที่พจนานุกรมคอลลินส์ (Collins) ยกให้คำว่า “NFT” เป็นคำศัพท์แห่งปี 2021 เนื่องจากมีการค้นหาและใช้งานคำศัพท์นี้เพิ่มขึ้น 11,000% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว (ส่วนปี 2020 คำศัพท์แห่งปีคือ Pandemic หรือการแพร่ระบาดใหญ่นะ)
การที่คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจใน “NFT” ถ้าพูดตรง ๆ คือแทบไม่ได้อยู่ที่ตัวสินทรัพย์เลย แต่มันอยู่ที่ “ราคา” ของสินทรัพย์นั้น ๆ ต่างหาก ตลอดปี 2021 ที่ผ่านมา เราได้เห็นใครหลายคนร่ำรวยในชั่วข้ามคืนจากการขายผลงานในรูปแบบ “NFT” เช่น ภาพวาดของเบนยามิน อาเหม็ด (Benyamin Ahmed) เด็กชายวัย 12 ปีจากประเทศอังกฤษ ที่สามารถขายชุดคอลเลกชันไอคอนรูปปลาวาฬของเขาในรูปแบบ NFT ด้วยราคากว่า 160,000 เหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 5,270,000 บาท) หรือทวีตแรกของ Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง twitter ที่ถูกซื้อไปในราคา 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 90 ล้านบาท)
ในด้านของประเทศไทยเอง เราก็เห็นผลงาน NFT จากศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น ติ๊ก ชีโร่ ที่ออกประมูลภาพวาดในรูปแบบ NFT และภาพปกของขายหัวเราะเล่มแรกที่มาพร้อมลายเซ็น บก.วิธิต อุตสาหจิต ผู้ก่อตั้งหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะและมหาสนุกในเครือบรรลือสาส์นนั่นเอง
ด้วยราคาที่หวือหวาทำให้หลายคนกังวลเกี่ยวกับกระแสของ NFT ว่าสิ่งนี้คือความยั่งยืนหรือการอุปทานหมู่ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการปั่นราคา เหมือนกับกรณีของ “Tulip Mania” หรือวิกฤตดอกทิวลิปในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจในดอกทิวลิปกันมากเกินไปจนราคาสูงเกินจริง และทำให้ฟองสบู่แตกในที่สุด เนื่องจากดอกทิวลิปไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นใดได้ แล้วท้ายที่สุดแล้ว NFT เป็นเช่นนั้นหรือไม่?
จากผลงาน NFT ต่าง ๆ เราจะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้ว NFT แทบจะเป็นเหรียญดิจิทัลในเชิงของการสะสมมากกว่าการเป็นเหรียญดิจิทัลประเภท “Utility Token” ที่มีการนำเหรียญดิจิทัลไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการ ดังนั้น ราคาของ NFT จึงผันแปรไปตามความต้องการของผู้คน ไม่ต่างจากภาพวาดหรือของสะสมหายากในโลกแห่งความจริงเท่าไร จากจุดนี้เอง ทำให้ผู้คนหันมาสร้างสรรค์ผลงาน NFT กันมากขึ้น เพื่อหวังจะเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนอย่างหนูน้อยอาเหม็ด หรือในตอนนี้คุณก็อาจจะเดินค้นหาอะไรสักอย่างในบ้านที่มีคุณค่าหรือความเก่าแก่สักหน่อยมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบ NFT แล้วเอาไปขายก็ได้
Google เลิกเก็บรูปบน Google Photos ฟรี ๆ และ Google Drive ริบพื้นที่
ไม่มีใครให้อะไรเราฟรี ๆ แม้แต่บนโลกของคลาวด์ เพราะในปี 2021 นี้ Google Photos บริการพื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพต่าง ๆ บนเนื้อที่เก็บข้อมูลไม่จำกัด จะไม่ให้พื้นที่ฟรีอีกต่อไป
โดยทางอากู๋ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า Google Photos จะยุติการให้พื้นที่ไม่จำกัด เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2021 เป็นต้นไป แต่ก็ยังใจดีที่ไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่กำหนดเอาไว้จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ส่วนทางด้าน Google Drive ก็เป็นที่ฮือฮาโอโฮเฮะกันพอสมควร โดยสถานศึกษาต่าง ๆ ที่ใช้บริการ Google Workspace for Education (เดิม G Suite) จากทาง Google ที่ก่อนหน้านี้เปิดให้สถาบันทางการศึกษา อาทิ โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ไม่จำกัด จะถูกลดพื้นที่ให้ใช้งานเหลือเพียงสถาบันละ 100TB หรือคิดเป็น 100,000GB ตามนโยบายใหม่จากทาง Google เลยทำให้หลาย ๆ สถาบันจำเป็นที่จะต้องลดสิทธิ์หรือปริมาณพื้นที่จัดเก็บของผู้ใช้ ซึ่งจะเป็นครู นักเรียน อาจารย์ นิสิต และนักศึกษา โดยส่วนใหญ่ เหลือเพียงไม่กี่ GB เท่านั้น
e-Service Tax ภาษีที่คนไทย (อาจ) ต้องจ่าย เมื่อแพลตฟอร์มต่างชาติผูกขาดบริการ
ประเทศไทยเริ่มมีการเก็บภาษีจากแพลตฟอร์มต่างชาติในอัตรา 7% ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2021 เป็นต้นไป โดยภาษีนี้มีชื่อเล่นว่า “ภาษี e-Service” ซึ่งเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการซื้อบริการดิจิทัลจากแพลตฟอร์มต่างชาติที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จากการให้บริการแก่ผู้ใช้ในประเทศไทย
โดยปกติแล้วเมื่อซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายในประเทศ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ในอัตรา 7% โดย “ผู้ขาย” มีหน้าที่เก็บภาษีจากผู้ซื้อและนำส่งให้รัฐ ในกรณีที่ “ผู้ขาย” อยู่ต่างประเทศ การเก็บภาษีแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากบริษัทต่างชาติเหล่านี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และบางบริษัทมีการจดทะเบียนจัดตั้งอยู่ในประเทศ “Tax Haven” หรือประเทศฐานภาษีต่ำ เช่น ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ หรือประเทศหมู่เกาะแถบแคริบเบียน โดย “ผู้ขาย” ประเภทนี้ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดเกิดความไม่เท่าเทียม เนื่องจากความเสียเปรียบจากการแบกรับภาระทางภาษี
หลายคนมีความกังวลว่า “ภาษี e-Service” อาจถูกผลักภาระมายังผู้บริโภคในรูปแบบของราคาสินค้าและบริการที่ต้องปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่าลืมว่า “ผู้รับภาระทางภาษี” จะเป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์คือ “อุปสงค์” ว่าง่าย ๆ คือถ้าผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าและบริการได้มากแค่ไหน “ผู้ขาย” ยิ่งต้องสร้างการแข่งขันทางราคาเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าและบริการของตนนั่นเอง ดังนั้น การผลักภาระทางภาษีให้กับผู้บริโภคมากเกินไป อาจส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิดได้
ยุคอวกาศของประชาชนเริ่มต้นแล้ว
ถ้าคุณเบื่อแล้วที่จะนั่งเครื่องบินเที่ยวรอบโลก อดใจไว้อีกนิด เพราะอีกไม่นานคุณอาจจะได้นั่งยานอวกาศเที่ยวนอกโลกกันแล้ว
ถือเป็นก้าวสำคัญของมวลมนุษยชาติเมื่อ SpaceX บริษัทเอกชนทางด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศของ อีลอน มัสก์ ได้ทำภารกิจประวัติศาสตร์ในการส่งพลเรือนที่ไม่ใช่นักบินอวกาศไปสู่วงโคจรของโลกเป็นครั้งแรก ในภารกิจที่ชื่อว่า #Inspiration4 โดยจุดประสงค์หลักคือระดมเงินบริจาคให้โรงพยาบาลเด็กเซนต์จูด โดยทุกคนที่บริจาคเงิน จะได้รับสิทธิในการขึ้นยานที่ชื่อว่า Crew Dragon สำหรับขึ้นสู่วงโคจรโลกในครั้งนี้ ซึ่งผู้โชคดีจะมีแค่ 1 คนเท่านั้น
ผู้โชคดีก็คือ Chris Sembroski (คริส เซ็มโบรสกี) วิศวกรข้อมูลชาวอเมริกันและทหารผ่านศึกกองทัพอากาศซึ่งได้รับที่นั่งนี้เพราะเพื่อนที่จับรางวัลในนามผู้เข้าร่วมบริจาคเงินส่งต่อให้กับเขา โดยคริสเดินทางร่วมกับอีก 3 นักบินของทางโครงการได้แก่ Jared Isaacman (จาเร็ด ไอแซคแม่น), Dr. Sian Proctor (ฌอน พร็อกเตอร์) และ Hayley Arceneaux (เฮล์รี่ อาร์เซโนล์)
ปัจจุบันภารกิจ Inspiration4 ก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 16 กันยายน และกลับสู่พื้นโลกวันที่ 18 กันยายน 2021 โดยลูกเรือทั้ง 4 คนก็ไป-กลับ โลก-อวกาศอย่างปลอดภัย นั่นหมายความว่าอนาคตอันใกล้ การเดินทางไปเที่ยวโลก-อวกาศ อาจเป็นไปได้แล้ว!
(อ่านอีก 6 ข่าวได้ที่หน้า 2 เลย)
The post แบไต๋ 10+1 ข่าวไอทีและเทคโนโลยีแห่งปี 2021 appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/