และแม้หนังจะไม่ได้โดดเด่นในแง่คำวิจารณ์มากมายแต่อย่างน้อยการที่มันทำเงินเกินห้าร้อยล้านเหรียญทั่วโลกและสามารถผ่านด่านเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมก็ทำให้มันมีศักยภาพพอที่จะมีภาคต่อจนทำให้เกิดหนัง ‘The Boss Baby : Family Business’ ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้นั่นเอง
The post [รีวิว] The Boss Baby : Family Business – น่ารักไปเรื่อย (หัวเราะ) จนเมื่อยกราม appeared first on #beartai.
หากจะว่าถึงคุณสมบัติข้อหนึ่งของแอนิเมชันที่มีเหนือหนังคนแสดงคงหนีไม่พ้นการที่มันได้รับอนุญาตให้ทลายขอบเขตความเป็นไปได้หลาย ๆ อย่างในโลกความเป็นจริง และหนังอย่าง ‘The Boss Baby’ เมื่อปี 2017 ก็ใช้ประโยชน์ของความเป๋็นแอนิเมชันเล่าเรื่องของเท็ด (พากย์เสียงโดย อเล็ค บาล์ดวิน Alec Baldwin) สายลับในรูปแบบเบบี๋สุดน่ารักที่มาเรียนรู้ความหมายของครอบครัวจากพี่ชายจินตนาการบรรเจิดอย่าง ทิม (ให้เสียงพากย์โดย ไมล์ส แบคชี Miles Bakshi)จนทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงความหมายและความอบอุ่นของการเป็นพี่น้อง แถมตอนท้ายเรื่องยังได้โทบี แม็กไกวร์ (Tobey Maguire) มาให้เสียงทิมตอนโตอีกด้วย
และแม้หนังจะไม่ได้โดดเด่นในแง่คำวิจารณ์มากมายแต่อย่างน้อยการที่มันทำเงินเกินห้าร้อยล้านเหรียญทั่วโลกและสามารถผ่านด่านเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมก็ทำให้มันมีศักยภาพพอที่จะมีภาคต่อจนทำให้เกิดหนัง ‘The Boss Baby : Family Business’ ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้นั่นเอง
สำหรับหนังภาคนี้จะเริ่มเรื่องราวเมื่อ ทิม (พากย์โดย เจมส์ มาร์สเดน James Marsden) กลายเป็นคุณพ่อแสนดีของลูกสาวสองคน แต่แล้วเขาก็ได้พบความจริงว่าทีนา (พากย์โดย เอมี ซีดาริส Amy Sedaris) เป็นสายลับให้เบบีคอร์ปส์ (Baby Corps) และต้องการให้เขากับเท็ด (พากย์โดย อเล็ค บาล์ดวิน) น้องชายที่ห่างเหิินมารวมทีมเพื่อตามสืบแผนชั่วของดร.อาร์มสตรอง (เจฟฟ์ โกลด์บลัม Jeff Goldblum) ผอ.โรงเรียนที่ ทาบิธา (พากย์โดย อาเรียนา กรีนแบลตท์ Ariana Greenblatt) ลูกสาวคนโตของเขาเรียนอยู่ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
สำหรับบทหนังภาคนี้ยังคงได้ ไมเคิล แม็กคัลเลอร์ส (Michael McCullers) มาดัดแปลงบทจากหนังสือของมาร์ลา ฟราซี (Marla Frazee) และเติมเรื่องราวจากไอเดียของ ทอม แม็คกราธ (Tom McGrath) ผู้กำกับต้องการบอกเล่าเกินไปซึ่งหากมองที่บทอย่างเดียวก็คงต้องบอกว่าพอเป็นหนังภาคต่อและตั้งโจทย์ให้มันใหญ่ขึ้น ทุกอย่างเลยถูกอัดเข้ามาเยอะเกินไปทั้งปมเรื่องพี่น้อง ปมเรื่องลูกสาววัยรุ่น และไหนจะเล่าถึงโลกของเบบี๋คอร์ปส์และแผนร้ายของดร.อาร์มสตรองอีก ผลลัพธ์ของมันเลยทำให้นี่เป็นแอนิเมชันที่เรื่องราวอีรุงตุงนังสุด ๆ จนปมทั้งหลายไม่ค่อยส่งผลในเชิงดรามาหรือเรียกความซาบซึ้งให้แก่หนังสักเท่าไหร่
แต่กระนั้นสิ่งที่มาแทนที่คงหนีไม่พ้นบรรดามุกตลกที่มาสีสันนี่แหละ แม้ว่าหลายมุกจะหมิ่นเหม่จนเกือบเป็นมุกสำหรับผู้ใหญ่เช่นตอนเท็ดเอาแครอทมาคาบแล้วให้ลูกม้าดูดปากแล้วลามไปทั้งหัวที่ดูแล้วน่าเกลียดมากกว่าน่ารักไปหน่อยแต่ก็ยังถือว่าเรียกเสียงฮาได้ไม่ฝืดนัก ไปจนถึงบรรดาสีสันของคาแรกเตอร์แปลก ๆ ทั้งเบบี๋นินจาที่ดูว่องไวสร้างความตื่นเต้นดี หรือแม้กระทั่งการล้อเลียนห้องเรียนสร้างเด็กอัจฉริยะกับห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่ล้อเลียนระบบการศึกษาและสถานเดย์แคร์ได้อย่างเจ็บแสบสร้างความบันเทิงให้คนดูอย่างเต็มที่
จนไปถึงคาแรกเตอร์ใหม่ที่หนังสร้างมาเพื่อภาคต่อภาคนี้ทั้ง ดร.อาร์มสตรอง ที่ได้เจฟฟ์ โกลด์บลัม มาพากย์เสียงตัวร้ายที่ทั้งกวนและมีเสน่ห์ ไปจนถึงตัวละครเบบี๋คนใหม่อย่างทีน่า ที่ได้เอมี ซีดาริส จากซีรีส์ ‘Unbreakable Kimmy Schmidt’ มาพากย์เสียงทารกสาวได้อย่างมีสีสันและได้บรรยากาศสุดเวียร์ดแบบทารกแต่เสียงผู้ใหญ่เหมือนหนังภาคแรกได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้ฟังเสียงร้องสุดไพเราะของ อาเรียนา กรีนแบลตท์ที่มาพากย์เป็นทาบิธาจนทำให้แอนิเมชันภาคต่อเรื่องนี้มีอะไรน่าจดจำมากกว่าแค่ความตลกและการขายความน่ารักของเบบี๋ไปเรื่อย
The post [รีวิว] The Boss Baby : Family Business – น่ารักไปเรื่อย (หัวเราะ) จนเมื่อยกราม appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/