Dark App แอป ป่วน เมือง เรื่องย่อ: จากอดีตเพื่อนร่วมทำแอปดาวรุ่งในสมัยเรียน เกียร์ และ พลอย ต่างต้องแยกย้ายกันไปเพราะคดีเก่าที่ทำให้พวกเขาติดแบล็กลิสต์ในวงการไอที แต่โชคชะตาก็ชักพาทั้งคู่ให้บังเอิญกลับคืนสู่สังเวียนผู้พัฒนาแอปอีกครั้ง โดยแอปของพวกเขาดันกลายเป็นคู่แข่งขั้วตรงข้ามกันอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่พลอยกำลังพัฒนาแอปสายสว่าง เกียร์ก็หันเข้าสู่แอปด้านมืด การปะทะกันนำสู่สงครามแอปที่สุดท้ายบานปลายกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ
The post [รีวิวซีรีส์] Dark App แอป ป่วน เมือง: สู่ด้านมืดใน App War Universe appeared first on #beartai.
เรื่องย่อ: จากอดีตเพื่อนร่วมทำแอปดาวรุ่งในสมัยเรียน เกียร์ และ พลอย ต่างต้องแยกย้ายกันไปเพราะคดีเก่าที่ทำให้พวกเขาติดแบล็กลิสต์ในวงการไอที แต่โชคชะตาก็ชักพาทั้งคู่ให้บังเอิญกลับคืนสู่สังเวียนผู้พัฒนาแอปอีกครั้ง โดยแอปของพวกเขาดันกลายเป็นคู่แข่งขั้วตรงข้ามกันอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่พลอยกำลังพัฒนาแอปสายสว่าง เกียร์ก็หันเข้าสู่แอปด้านมืด การปะทะกันนำสู่สงครามแอปที่สุดท้ายบานปลายกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ
ซีรีส์ไทยแท้จากค่ายโมโนเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ที่เราได้ยินข่าวคราวมานานพอสมควร ด้วยจั่วหัวว่าจะเป็นการพัฒนาจักรวาลของหนัง ‘APP WAR แอปชนแอป’ ในปี 2561 ให้กว้างออกไปมากขึ้น โดยตัวหนังในตอนนั้นจัดเป็นหนังม้ามืดนอกสายตาใครหลายคนด้วยดารานักแสดงที่จัดว่าไม่คุ้นหน้านัก บางคนก็นับว่าเปิดซิงการแสดงเลยอย่างเช่น อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ หรือ อร BNK48 ที่สร้างความฮือฮาในหมู่แฟนคลับได้ไม่น้อย
ในขณะที่ฝั่งหน้าหนังหรือเนื้อหานั้นก็จัดว่าโดดเด่นทีเดียว เพราะเป็นการเล่าเรื่องวงการสตาร์ทอัปแอปพลิเคชัน ซึ่งจัดเป็นเรื่องใหม่มากยิ่งในแวดวงสื่อบันเทิงไทยด้วยแล้ว และเอาเข้าจริงแล้วสำหรับสื่อบันเทิงเมืองนอกเองก็ยังถือว่าล้ำไม่น้อยทีเดียว เพราะซีรีส์อย่าง ‘Start-Up’ ของเน็ตฟลิกซ์ที่ดังทั่วบ้านทั่วเมืองก็ยังออกมาตามหลังจากนั้นถึง 2 ปีเลยด้วย เรียกว่าค่าย T Moment ในขณะนั้นเป็นค่ายที่วิสัยทัศน์นำหน้าอยู่ไม่น้อย และแม้คนดูทั่วไปอาจยังตั้งตัวรับของใหม่ไม่ทัน แต่ด้านเสียงคำชื่นชมของคนที่ได้ดูก็ต้องนับว่าประสบความสำเร็จไปมากทีเดียว
ซีรีส์ ‘Dark App’ เองก็สานต่อคำชื่นชมนั้นมาได้น่าสนใจ โดยยกทีมงานเดิมอย่างผู้กำกับ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร หวนมาร่วมกำกับกับผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง ฉัตรชัย หงส์ศิริกุล ที่เคยร่วมงานกันใน ‘Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่’ (2563) โดยตอนนั้นฉัตรชัยร่วมเขียนบทให้ยรรยงกำกับ แต่มารอบนี้เขาทั้งนั่งแท่นเขียนบทและร่วมกำกับด้วยแล้ว โดยในทีมเขียนบทยังดึง 2 มือเขียนบทเดิมจาก ‘APP WAR’ มาสานต่อผลงานด้วย ต้องนับว่าค่ายโมโนมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานไม่น้อยในการสร้างจักรวาลของ ‘APP WAR’ ออกไป เรียกได้ว่ามีความพยายามสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแกร่งของไทยทีเดียว
เนื้อหาใน ‘Dark App’ เป็นการเชื่อมต่ออย่างหลวม ๆ กับหนัง โดยตัวละครกลุ่มใหม่ที่มีปมปัญหาแตกต่างจากกลุ่มตัวละครเก่าชัดเจน แต่ยังคงมีลายเซ็นในการเล่าผ่านการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มผู้หญิงและกลุ่มผู้ชาย ซึ่งมีปมในอดีตร่วมกันแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จากเพื่อนที่รู้ใจกันมาแต่ต้องแตกหักเพราะเรื่องธุรกิจก่อนจะต่างเติบโตแยกย้ายกันไปแล้วกลับมาเจอกันใหม่ด้วยความบังเอิญ ซีรีส์มีลูกเล่นการเล่าที่คล้ายหนังอยู่บ้าง แต่ก็สร้างรายละเอียดใหม่ให้ดูมีมิติที่ลึกขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพราะมีการใช้ทั้งเรื่องความสีเทาในแวดวงธุรกิจไอที และด้านมืดของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาเป็นจุดขาย
การเกิดขึ้นของแอปของแต่ละฝั่งก็ใช้ไอเดียที่น่าสนใจ เมื่อเกียร์และพลอยต่างบังเอิญเห็นเหตุการณ์โจรวิ่งราวกระเป๋าคุณป้าคนหนึ่งพร้อมกันจากคนละฝั่งถนน แล้วเกิดไอเดียสร้างแอปที่แตกต่างกัน พลอยอยากทำแอปที่คนสามารถลงขอความช่วยเหลือแล้วให้คนอื่น ๆ ที่อยากเป็นฮีโร่กดรับเพื่อไปช่วยเหลือได้ในชื่อ Alliance ในขณะที่เกียร์อยากทำแอปเถื่อนให้เหยื่อของเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ มาขอใครสักคนไปแก้แค้นแทนได้ในชื่อ Foeman ยิ่งการออกแบบโลโก้ที่ล้อเลียนกันอย่างไม่รู้ตัว ของพลอยเป็นตัว A ที่เหมือนสามเหลี่ยมชี้ขึ้น ส่วนเกียร์เป็นตัว F ที่ออกแบบเหมือนสามเหลี่ยมที่ชี้ลงล่าง ก็ทำให้เห็นว่าทีมงานตั้งใจคิดมาพิถีพิถันทีเดียว
ดูจากโปรดักชันทั้งการออกแบบฉาก การกำกับภาพ การคิดกราฟิกต่าง ๆ ต้องยอมรับว่านี่เป็นซีรีส์ที่มีศักยภาพในฉบับโกอินเตอร์ได้เรื่องหนึ่งเลย
ด้านนักแสดงถือว่าเลือกตัวหลักได้ดีมาก ๆ ทั้ง ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร ในบทพลอย ซึ่งเธอเพิ่งผ่านงานหนังข้ามชาติอย่าง ‘ร่างทรง’ มาหมาด ๆ เรียกได้ว่าจังหวะทองคำทีเดียวที่ซีรีส์ลงฉายแทบต่อจากหนัง และเธอก็พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักแสดงสายฝีมือรุ่นใหม่คนหนึ่งด้วย ฝั่งตัวหลักฝ่ายชายอย่างเกียร์ก็ได้ จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร ลูกชายของร็อกเกอร์ดังอย่าง เจี๊ยบ พิสุทธิ์ มานำแสดง และกับผลงานเรื่องแรก ๆ ด้วยใบหน้าที่เก๋น่ามองในบทเท่ ๆ กวน ๆ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการตรึงสายตาผู้ชมอยู่ไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสมทบฝีมือเยี่ยมมาแจมทั้ง เบสท์-ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ ในบทบาท แม็กซ์ เพื่อนในแวดวงไอทีสีเทาของเกียร์ ซึ่งบทนี้ก็เรียกได้ว่าเบสม์เคยเล่นมาช่ำชองแล้วกับคนบ้า ๆ กวน ๆ เรียกว่าหายห่วง ส่วนเพื่อนสาวฝั่งนางเอกก็ได้ นีน่า-นิชนารถ พรหมมาตร นางเอกรุ่นใหม่ที่เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมวงเกิร์ลกรุ๊ป Gelato ของค่ายโมโนร่วมกับ ญดา-นริลญา ตั้งแต่ยังใช้ชื่อ เบนซ์-ณัฐธิดา ตรีชัยยะ อยู่ การกลับมาเล่นเป็นเพื่อนซี้กันรอบนี้ก็เลยดูเคมีไม่เคอะเขินกันแต่อย่างใด และอีกคนที่ขอชื่นชมในการเลือกมาเล่นเลยคือ จาตุรงค์ พลบูรณ์ หรือจาตุรงค์ มกจ๊ก ในบทอาสากู้ภัยที่เขามาเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องและจาตุรงค์ก็ใช้ด้านจริงจังของเขาเล่นออกมาได้ถึงอารมณ์มาก ๆ
และยังมีนักแสดงสมทบที่ส่วนตัวคิดว่าเจ๋งหลายคนอยากให้ไปเซอร์ไพรส์ด้วยตนเอง แต่ส่วนของการสร้างตัวละครนั้นนอกจากลุ่มตัวหลักที่ทำได้ดี อีกหนึ่งตัวละครที่มาครองใจได้แบบม้ามืดคือตัวละคร บั๊ก เด็กซื้อของให้พวกพระเอกที่รับบทโดย ไบรท์-กษิดิศ ลิ่มรัตนะมงคล ซึ่งทำให้เรื่องดูมีของมากขึ้นเยอะทีเดียว
และว่าโดยรวมที่เลือกตัวละครฝั่งตัวเอกได้ดี แต่ขณะที่ฝั่งตัวร้ายกลับเลือกมาได้ไม่ค่อยดีนักอย่างเช่นตัวละครเสี่ยก๊อปที่เป็นตัวร้ายดำสนิทแบบหน้าเดียว แต่กลับสร้างพลังกดดันตัวพระเอกนางเอกได้น้อยไปหน่อย อาจเพราะการแสดงของ เทพ-พงศ์เทพ อนุรัตน์ ที่ไม่ค่อยเข้ากับตัวละครได้ดีนัก ทำให้พลังกดดันข่มฝั่งตัวเอกในเรื่องจะมาจากปมปัญหาที่พันยุ่งเหยิงมากกว่าจะมาจากตัวบุคคล และผลของสูตรสำเร็จหนังฮีโร่ที่ดีมาจากตัวร้ายที่น่าจดจำจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในซีรีส์เรื่องนี้
ส่วนที่ดีมาก ๆ ของหนังนอกความพิถีพิถันในการคิดรายละเอียดของเรื่อง และการให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลเรื่องไอทีกับคนดูที่ไม่คุ้นชินด้วยการขึ้นซูเปอร์อธิบายศัพท์ที่ตัวละครพูดถึงบ้าง และการใช้หน้าจอโปรแกรมเมอร์ที่ดูเป็นโปรแกรมเมอร์จริง ๆ เป็นต้น ก็คือการแฝงนัยวิพากษ์สังคมยุคใหม่อยู่ในที การใช้ขั้วตรงข้ามความขัดแย้งหลายระดับสามารถสะท้อนแง่มุมต่าง ๆ ได้น่าสนใจ คนดีที่สร้างแอปให้คนชั่วอย่างไม่ตั้งใจเพราะมองผลกระทบไม่ออก คนดีที่อยากทำดีแต่ด้วยวิธีการที่ผิดจนกลายเป็นความชั่วร้ายเสียเอง คนไม่ดีที่แฝงตัวในคราบคนดี ล้วนเป็นเรื่องที่พบเจอได้ในสังคม แต่พอมาอยุ่ในเรื่องเดียวกันก็กลายเป็นความซับซ้อนที่น่าสนใจ เกิดสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยากและลุ้นระทึกไม่น้อย ยังรวมถึงการนำเสนอเรื่องภัยทางไซเบอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยกระตุ้นเตือนคนที่ใช้เทคโนโลยีทุกวันนี้ให้รู้ว่ายังมีด้านมืดซ่อนอยู่อีกมากที่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน
และแม้ซีรีส์จะมีส่วนที่ดีไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าซีรีส์เองกว่าจะดูสนุกและลื่นไหลจริง ๆ ก็ปาเข้าไปตอนที่ 3 ช่วงหลัง ๆ ไปแล้วที่ดูสนุกแบบไม่อยากหยุดดูเลย คือต้องรอให้ตัวละครและสถานการณ์ถูกปูมาพอสมควรแล้วและเข้าสู่ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ นั่นล่ะ ซึ่งย้ำให้เห็นว่าการเล่าเรื่องช่วงแรกมีปัญหาในการเชื่อมโยงความเข้าใจผู้ชมอยู่ไม่น้อย อาจด้วยความจงใจที่จะหลอกผู้ชมให้เข้าใจไปอีกอย่างด้วย แต่พอมีมากเกินไปก็ทำให้รู้สึกว่าตัวละครมีอารมณ์ที่เหวี่ยงไปมาเข้าใจไม่ได้ และสับสนกับการติดตามเรื่องราว ขนาดที่ว่ากว่าจะเข้าใจว่าปมอดีตของพระเอกนางเอกคืออะไรก็ค่อนเรื่องไปแล้ว และแม้ในภายหลังซีรีส์จะให้เราเห็นเหตุผลแทบทุกปมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นอยู่ก็ตาม แต่ก้มาช้าไปสักหน่อย ทำให้ระหว่างดูเราไม่เชื่อในตัวละครไปแล้วจนเกิดความรู้สึกมวลรวมต่อเรื่องมันขาดไปไม่ปะติดปะต่ออย่างน่าเสียดาย
และซีรีส์จะกลับมากราฟความสนุกลดระดับอีกรอบในช่วงตอนสุดท้าย ที่เนื้อหาช่วงคลี่คลายเริ่มเล่นตามสูตรสำเร็จมากเกินไป และเพราะการกำกับฉากแอ็กชันหรือธริลเลอร์นั้นยังทำได้ไม่จัดเจนเท่าฉากดราม่า หรือฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักที่ทำได้ดี ซึ่งฉากแอ็กชันดันเป็นหัวใจสำคัญในช่วงท้าย และสเกลความโกลาหลที่เนื้อเรื่องปูไว้อย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศแต่การนำเสนอออกมาเป็นภาพยังไม่ค่อยถึง จึงทำให้พลังโดยรวมของหนังตกลงพอสมควร
นอกจากนี้ซีรีส์ยังมีจุดยิบย่อยที่ทำให้เรารู้สึกไม่สมจริงกับตัวเรื่องอยู่บ้างเป็นระยะ เช่นการใช้สต็อกฟุตเทจของต่างประเทศมาแทนว่าเป็นกรุงเทพ การใช้สถานที่ที่คนดูในไทยรู้ว่าไม่ใช่แน่ ๆ อย่างเอาขนส่งสายใต้มาแทนสายอีสาน ซึ่งหากขายเมืองนอกตรงนี้ก็คงไม่เป็นปัญหาอาจมองเลยผ่านไปได้ แต่อย่างฉากตึกร้างของพระเอกที่ถูกเอามารียูสเป็นฉากอื่นอีกรอบเพื่อความประหยัดโดยไม่ได้เซ็ตมุมใหม่หลอกผู้ชม หรือหน้าจอเขียนโค้ดที่ดันเห็นว่าเป็นการเปิดวิดีโอเล่นอยู่เพราะมีชื่อคลิปขึ้นที่ล่างจอเป็นต้นก็ยังมีความหลุดที่พอเห็นได้บ้างเหมือนกัน แต่ที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดเพราะกระทบกับการรับชมอยู่พอประมาณคือการมิกซ์เสียงในฉากที่ดังจนฟังตัวละครพูดไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะฉากที่อยู่ในสนามบาสเก็ตบอลคือไม่สามารถฟังตัวละครพูดได้เลย เชื่อว่าอาจมีการปรับแก้เรื่องเทคนิคเหล่านี้ได้ในภายหลังและอยากให้ทำมาก ๆ เพื่อให้ซีรีส์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
โดยรวมเป็นซีรีส์น้ำดีที่ใช้ความยาวแบบลิมิตซีรีส์เหมือนเมืองนอกและมีองค์ประกอบที่ดูอินเตอร์มาก ๆ เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจน่าติดตาม ทั้งเรื่องของวงการไอทีวงการแฮกเกอร์ ผ่านเรื่องราวและตัวละครที่มีมิติความสมจริงแบบโลกผู้ใหญ่มากขึ้น มีปมปัญหาที่ชวนคิดตาม มีความหลายรสหลากอารมณ์ทั้งดราม่า ตื่นเต้น ชวนคิด การชิงไหวชิงพริบ แต่ก็ยังมีคงเสน่ห์ความสนุกและความน่ารักของเหล่าตัวละคร ยิ่งถ้าคุณเป็นแฟนหนัง ‘APP WAR’ มาก่อนด้วย จะมีฉากที่ทำให้ตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียวกับการได้เห็นจักรวาลของหนังถูกขยายออกไปในอีกอารมณ์
The post [รีวิวซีรีส์] Dark App แอป ป่วน เมือง: สู่ด้านมืดใน App War Universe appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/