Arcane เรื่องย่อ: ทุกตำนานย่อมมีจุดเริ่มต้น ผลงานจากผู้สร้าง ‘League of Legends’ สู่ซีรีส์แอนิเมชันที่บอกเล่าต้นกำเนิดของสองแชมเปี้ยนที่โด่งดัง และเมืองที่กำลังเผชิญกับสงครามปะทุ
The post [รีวิวซีรีส์] Arcane: งานอาร์ตเร้าอารมณ์ ดีงามน้ำตาไหลแม้ไม่ใช่แฟนเกม appeared first on #beartai.
เรื่องย่อ: ทุกตำนานย่อมมีจุดเริ่มต้น ผลงานจากผู้สร้าง ‘League of Legends’ สู่ซีรีส์แอนิเมชันที่บอกเล่าต้นกำเนิดของสองแชมเปี้ยนที่โด่งดัง และเมืองที่กำลังเผชิญกับสงครามปะทุ
ตามที่เรื่องย่อของเน็ตฟลิกซ์ได้เกริ่นมา ‘Arcane’ เป็นแอนิเมชันซีรีส์ที่อิงจากตัวละครในเกม ‘League of Legends’ (LoL) ซึ่งเป็นเกมแนว MOBA ของทีมงาน Riot Games ที่มีมาตั้งแต่ปี 2009 และได้รับความนิยมเรื่อยมา โดยมีการใช้ตัวละครที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันกว่า 140 ตัว ที่มีความสามารถและประวัติของตัวเองที่แข็งแรงพอประมาณอยู่แล้ว เมื่อเอามาขยายเป็นเรื่องเล่าอย่างซีรีส์ก็ยิ่งเข้าทาง
และแม้จะมีตัวละครให้เลือกใช้เป็นร้อยตัว แต่ทีมงานผู้สร้างอย่าง Riot Games และ Fortiche Production ก็เข้าใจจุดอ่อนจุดแข็งในการเล่าเรื่องสำหรับผุ้ชมวงกว้างดี และเลือกหยิบ 2 ตัวละครยอดนิยมอย่าง วาย และ จิงซ์ มาชูโรงเพื่อนำพาเข้าสู่โลกของ LoL ที่ใช้ชื่อตอนแรกว่า ‘Welcome to the Playground’ ที่สื่อถึงการเข้าสู่โลกของเกม และแทนสายตาของตัวละครทั้งสองที่ยังเด็กยังอ่อนประสบการณ์ และโลกใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งยังเป็นสนามเด็กเล่นที่สนุกสนามในตัวพวกเขาก่อนพบเนื้อแท้ของโลกความจริง
คือสำหรับคนเล่นเกมมาก่อนคงไม่ต้องคิดเยอะ นี่จะเป็นแอนิเมชันที่คุณปลาบปลื้มอย่างแน่นอนเพราะมันเติมเต็มเรื่องราวของแต่ละตัวละครที่เคยเล่นมา รู้สึกความมีชีวิตจิตใจในตัวพวกเขามากขึ้น ได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ก่อนที่พวกเขาจะโตขึ้นมากลายเป็นตัวละครที่รู้จักว่าผ่านอะไรมาบ้าง แล้วยังเพลินในการมองหาว่าคนไหนเป็นตัวละครจากในเกมบ้างที่เป็นกำไรเฉพาะสำหรับคนที่เล่นเกม และผู้สร้างเองก็ยังเสริมด้วยตัวละครที่ไม่มีในเกมเข้ามาอย่างน่าสนใจทำให้คนที่รู้จักตัวละครมาก่อนก็ยังคาดเดาเรื่องได้ยากและดูสนุก
และสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกมล่ะ
ส่วนตัวนั้นอยู่ในกลุ่มนี้เลย คือรู้จักเกมชื่อนี้แต่ไม่เคยเล่นและไม่รู้จักแชมเปี้ยนในเกม สิ่งที่สัมผัสประทับใจแต่แรกแน่นอนว่าไม่ใช่ตัวเรื่องราว แต่มันคือ งานภาพ ที่สวยมาก ๆ เป็นงานกราฟิกสามมิติที่เลียนแบบสไตล์ภาพวาดดิจิทัล คือดูแค่ตัวอย่างก็อยากดูแล้ว และพอยิ่งตระหนักว่าเน็ตฟลิกซ์มักจะมีงานคุณภาพกลางค่อนต่ำมากตามจำนวนคอนเทนต์ในบริการที่มหาศาล แต่กับแอนิเมชันนี่เน็ตฟลิกซ์มักให้โอกาสสตูดิโอเจ๋ง ๆ ได้ปล่อยของ ได้ลองงานแจ๋ว ๆ ออกมาเพียบอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่สไตล์ภาพที่สวยงาม ยังมีการออกแบบศิลป์ การใช้แสงในฉากต่าง ๆ การวางองค์ประกอบภาพ (Mise-en-scène) ที่ดี เรียกว่าเอามาทำภาพพักหน้าจองาม ๆ ได้เยอะมาก ไม่เพียงแค่นั้นการเคลื่อนกล้อง การหามุมกล้อง การเลือกจังหวะเร่งหรือทำสโลว์โมชันเองก็สวยแปลกตา อะไรที่หนังปกติทำไม่ได้หรือทำได้ยาก แอนิเมชันมันทำได้แล้วมันทำได้ตื่นตา เร้าอารมณ์ดีเสียด้วย
ฝั่งเนื้อเรื่องเองก็เป็นจุดแข็งที่มาเจอเอาตอนดูจริง ด้วยตัวเกมมีองค์ประกอบที่เอามาหยิบเล่นได้เยอะมาก ทั้งศัพท์แสงเฉพาะในเรื่องอย่าง อาร์เคน หรืออุปกรณ์เฮ็กซ์เทค ที่เป็นประเด็นสะท้อนความหวาดกลัวต่อเวทมนต์ของนักวิทยาศาสตร์ชนชั้นสูงในเมืองพิลโทเวอร์ ขณะเดียวกันก็ยังมีความขัดแย้งระหว่างเมืองชั้นบนกับเมืองสลัมชั้นล่างของชาวซวน ทั้งในเรื่องชนชั้น เศรษฐกิจ อาชญากรรม ปัญหาสังคม เฉกเช่นที่พบเจอได้ในโลกปัจจุบัน
โดยทั้งหมดจะเล่าผ่านสายตาของวาย เด็กกำพร้าในสลัมที่ได้รับการดูแลจาก แวนเดอร์ หัวหน้าของเมืองชั้นล่าง ซึ่งเรื่องมันเริ่มจากที่วายและเพื่อน ๆ ได้พา พาวเดอร์ น้องเล็กของกลุ่มไปทำภารกิจขโมยของในพิวต์โทเวอร์ครั้งแรก แต่เกิดความผิดพลาดจนกลายเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนตามมาถึงเมืองชั้นล่าง และบานปลายเผยให้เห็นรอยแผลที่คาอยู่ใจกลางผุ้คนแต่ละกลุ่ม ว่ามักมีผู้ประสงค์ร้ายซ่อนซุ่มในเงามืดคอยผลักดันหายนะสู้ทั้งอาณาจักรอยู่เสมอไม่ว่าจะในหมู่คนเมืองสลัมหรือชนชั้นสูงเองก็ตาม
แวนเดอร์ ผู้เป็นดั่งพ่อของวายและพาวเดอร์
แม้เนื้อหาจะมีเรื่องใหม่ ๆ ให้ผู้ชมทำความเข้าใจเยอะ แต่หัวใจการเล่าเรื่องก็ยังไม่ด้อยลงเลย เพราะประเด็นความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นก็น่าสนใจ และถูกบิวต์จนเราอินได้จัด ๆ เลย ท้ายองก์แรกที่ปล่อยมานี่มีน้ำตาซึมแน่นอน ถึงมุกจะไม่ได้ใหม่มากและเป็นไปตามสูตรพอประมาณ แต่พอประกอบกับจังหวะการเล่า การขยี้ด้วยภาพ การสร้างสีหน้าแววตาสื่ออารมณ์ตัวละครที่ถ่ายทอดได้ชัด และดนตรีที่โหมใส่ (เพลงประกอบก็เพราะและเข้ากับซีรีส์มาก) มันเลยเปี่ยมพลังอารมณ์ท่วมท้นได้สุด ๆ ไปเลย
สิ่งหนึ่งที่ยังเห็นไม่มากนักแต่เชื่อว่าจะมีมากขึ้นแน่ ๆ คือฉากต่อสู้แบบมัน ๆ เพราะองก์แรกนี้ยังเน้นการปูเรื่องไม่ได้เน้นฉากบู๊ที่เป็นจุดขายจริง ๆ ของหนังจากเกม แต่ว่าเราก็เห็นแววที่จะทำได้ดีจากฉากเด็กข้างถนนปล่อยมวยวัดใส่กันที่ทำออกมาได้มันมาก และใส่ความเป็นมนุษย์ที่เราดูแล้วเชื่อว่าเจ็บจริงแตกจริงได้ ถ้าเป็นฉากสู้แบบจริงจังกว่านี้ก้เชื่อว่าน่าจะเร้าอารมณ์ได้ดีเช่นกัน
โดยรวมนี่น่าจะเป็นแอนิเมชันฝั่งตะวันตกที่รู้สึกชอบมาก ๆ อย่างน้อยก็ในปีนี้ให้เป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว ใครชอบงานภาพอาร์ต ๆ แต่เล่าเรื่องสนุกด้วย ชวนมาชมเลยครับ
The post [รีวิวซีรีส์] Arcane: งานอาร์ตเร้าอารมณ์ ดีงามน้ำตาไหลแม้ไม่ใช่แฟนเกม appeared first on #beartai.
Credit ข่าวจาก : www.beartai.com/